อยู่ให้จดจำ จากกันให้คิดถึง ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ผู้สร้างเทพนิยายจิ้งจอกแห่งเมือง LEICESTER

ย้อนไปเมื่อปี 2010 หรือ 8 ปีที่แล้ว ถ้ามีคนเดินมาบอกว่าสโมสร Leicester City F.C. สโมสรที่คว้าอันดับ 5 ในลีคระดับ Championship ฤดูกาล 2009-2010 จะคว้าแชมป์ Premier League ในอีก 5 ปีต่อมา ผมคงด่าคน ๆ นั้นว่าบ้า เพ้อเจ้อ หรืออาจจะคิดว่าเขาเสพสารเสพติดมาเกินขนาด เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนก็แทบเป็นไปไม่ได้ อย่าว่าแต่แชมป์เลย แค่จะเลื่อนชั้นขึ้นสู่ Premier League ก็ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาแล้ว

แต่แล้วชายชาวไทยคนหนึ่งก็เข้ามาพร้อมทุบทำลายกำแพงแห่งความเป็นไปไม่ได้นั้นทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง ชื่อของชายคนนั้นคือ ‘วิชัย ศรีวัฒนประภา’ 

จากสิงโตน้ำเงินคราม

Image: Reuters

เช่นเดียวกับผู้ชายทั่วไป วิชัยและลูกชายอย่าง อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา หลงใหลในเกมลูกหนัง โดยเฉพาะศึก Premier League อังกฤษ ดังนั้นในปี 2010 ในขณะที่ Leicester City F.C. ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่ในศึก Championship ทีมสุนัขจิ้งจอกทีมนี้จึงไม่ได้อยู่ในสายตาของพ่อลูกคู่นี้เลยแม้แต่น้อย เพราะในขณะนั้นพวกเขาคือสาวกตัวจริงของทีมสิงโตน้ำเงินคราม Chelsea และด้วยฐานะทางการเงินที่มั่งคั่ง วิชัยสนับสนุนทีมรักของตัวเองทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ็อกซ์ VIP แทบทุกปีหรือแม้กระทั่งการซื้อป้ายโฆษณาในสนาม Stamford Bridge อีกด้วย

แต่แล้ววันหนึ่งจากเหตุการณ์บาดหมางเล็ก ๆ กับการ์ดสนาม Stamford Bridge แต่สำหรับวิชัยนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เขาคิดว่าสำหรับสิ่งที่เขาทุ่มเทสนับสนุนสโมสรแห่งนี้มาตลอด เขาไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ และนี่คือจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ของวิชัย ศรีวัฒนประภากับสโมสร Chelsea

สู่สุนัขจิ้งจอก

Image: Sky News

อย่างที่บอกไปว่าสโมสร Leicester City F.C. ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเจ้าสัววิชัยแห่ง King Power เลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2010 เขากลับได้รับการติดต่อจาก The Foxes อย่างไม่คาดฝัน ไม่ใช่การติดต่อเพื่อขอให้ซื้อสโมสร แต่เป็นการติดต่อเพื่อขอให้ King Power มาเป็นสปอนเซอร์หลักให้กับทีม

ในตอนแรกดีลนี้ไม่น่าสนใจเอาเสียเลยสำหรับวิชัยเนื่องจากต้องยอมรับว่าลีค Championship ไม่ได้อยู่ในความสนใจของคนไทยเท่าไร การยอมจ่าย 300,000 ปอนด์ (ประมาณ 15 ล้านบาท) เพื่อให้สัญลักษณ์ King Power ไปคาดอยู่บนหน้าอกชุดแข่งของ Leicester City F.C. ดูจะไม่ต่างอะไรกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

แต่ถึงอย่างนั้นวิชัยก็ตัดสินใจบินลัดฟ้าสู่ตอนกลางประเทศอังกฤษเพื่อพูดคุยกับ Milan Mandaric เจ้าของสโมสร Leicester City F.C. ในขณะนั้น แต่เมื่อมาถึง วิชัยกลับรู้สึกว่าสโมสรแห่งนี้ถูกโฉลกกับเขาเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโทนสีน้ำเงินซึ่งเป็นโทนสีเดียวกับธุรกิจ King Power ของเขา ด้วยประการนี้จากการพูดคุยเรื่องสปอนเซอร์มูลค่า 300,000 ปอนด์กลับกลายเป็นการพูดคุยเรื่องการซื้อขายสโมสรมูลค่ากว่า 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) เสียอย่างนั้น

การเจรจาครั้งนี้เสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน และนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานเทพนิยายในความทรงจำของแฟนบอลทุกคน

การเริ่มต้นที่ไม่สวยหรูกับหัวใจที่ไม่ยอมแพ้

Image: Goal

ไม่เคยมีอะไรง่ายในโลกฟุตบอล เช่นเดียวกับชะตากรรมของ Leicester City F.C. หลังจากที่เปลี่ยนเจ้าของมาเป็นวิชัยเรียบร้อยแล้ว สถานการณ์ทีมก็ไม่ได้ดูดีขึ้นทันตาเห็น สุนัขจิ้งจอกทีมนี้ยังต้องต่อสู้ฝ่าฟันอยู่ในศึก Championship อยู่อีกกว่า 3 ฤดูกาลเต็มจึงจะสามารถคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีคสูงสุดได้สำเร็จ นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าความรักต่อฟุตบอลและสโมสร Leicester City F.C. เป็นของจริง ไม่ได้มองเป็น ‘ของเล่นคนรวย’ อย่างที่หลายคนครหา

ฤดูกาล 2014-2015 ปีแรกใน Premier League ของ Leicester City F.C. ภายใต้การปกครองของวิชัย นับเป็นอีกปีที่ยากลำบาก สุนัขจิ้งจอกตัวนี้โดนรุ่นพี่รับน้องอย่างเต็มที่ พวกเขาเกือบเอาตัวไม่รอดแต่ด้วยความใจสู้และลูกฮึดในช่วงท้ายฤดูกาล Leicester City F.C. รอดตกชั้นอย่างหวุดหวิด ด้วยการเก็บได้ 41 แต้ม อยู่เหนือโซนตกชั้นเพียง 6 แต้ม

เสียงนกหวีดสุดท้ายของฤดูกาล 2014-2015 ผ่านพ้นไป โดยไม่มีใครรู้เลยว่าฤดูกาลหน้าเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นใน Premier League

เมื่อฤดูกาล 2015-2016 เปิดม่านขึ้น Leicester City F.C. โชว์ฟอร์มได้ดีผิดหูผิดตาราวกับเป็นคนละทีมกับเมื่อปีก่อน พวกเขาเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง ในตอนแรกหลายฝ่ายก็คิดว่า The Foxes ในขณะนี้ก็คงเป็นเช่นเดียวกับทีมเล็กทีมอื่น ๆ ที่ฟอร์มดีขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราว อีกไม่นานก็คงแผ่วลงตามคุณภาพที่แท้จริงของนักเตะ แต่สำหรับ Leicester City F.C. ในฤดูกาลนี้ไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาเป็นทั้งม้าแรงต้นม้าแรงปลายในทีมเดียวกัน สามารถรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้ตลอดฤดูกาล ก่อนจะสามารถคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้ได้รับการจารึกให้เป็นหนึ่งในเทพนิยายที่คลาสสิคที่สุดของ Premier League เป็นที่เรียบร้อย

จากปาฏิหาริย์ครั้งนี้ ไม่ใช่แฟนบอลของ Leicester City F.C. เท่านั้นที่รักเจ้าสัววิชัย แต่ชาวเมือง Leicester ทุกคนก็รักชายคนนี้ ชายผู้เข้ามาสร้างปาฏิหาริย์ให้กับเมืองเล็ก ๆ เมืองนี้

ผู้สร้างและผู้ฟื้นชีวิต

Image: Goal

ไม่ใช่แค่ถ้วยแชมป์เท่านั้นที่วิชัยคว้ามาได้สำเร็จ เขายังเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นและสร้างชีวิตให้กับหลายคนอีกด้วย

ก่อนจะได้ร่วมงานกับ Leicester City F.C.  ‘กุนซือทิงเกอร์แมน’ Claudio Ranieri ถูกมองว่าเป็นกุนซือตกยุคไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์คุมทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปมามากมาย แต่ผลงานในช่วงหลังของเขาต้องบอกเลยว่าสอบตกโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามวิชัยไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาเชื่อใจขรัวเฒ่าแห่งอิตาลีคนนี้ และอย่างที่ทุกคนรู้กัน Ranieri ตอบแทนความเชื่อใจนี้ด้วยถ้วยรางวัลใบโต

Kasper Schmeichel ผู้รักษาประตูฝีมือดีแต่กลับโดนมองข้ามมาโดยตลอดเนื่องจากมักถูกเปรียบเทียบกับพ่อ, Wes Morgan กองหลังที่ใครต่างมองว่าเป็นแค่นักเตะระดับ Championship, N’Golo Kante กองกลางโนเนมจากฝรั่งเศสที่ไม่เคยโดนสปอตไลต์สาดส่องมาก่อน, Riyad Mahrez  เช่นเดียวกับ Kante ก็แค่นักเตะธรรมดาคนหนึ่งจากลีคฝรั่งเศส, Jamie Vardy ศูนย์หน้าที่ครั้งหนึ่งต้องทำงานโรงงานไปพร้อม ๆ กับการเตะฟุตบอล และเล่นในลีคระดับท้องถิ่นมากว่าครึ่งค่อนชีวิต

แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้ ณ ปัจจุบันเหล่านี้คือนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าไม่มีชายชื่อ วิชัย ศรีวัฒนประภา โลกอาจไม่รู้จักพวกเขาเหล่านี้

Leicester คือความรัก แต่ประเทศไทยคือบ้านเกิด

Image: The Nation

ไม่ใช่แค่สำหรับ  Leicester City F.C. และเมือง Leicester เท่านั้นที่วิชัยเป็นผู้สร้างคนสำคัญ เพราะชายคนนี้ไม่เคยลืมบ้านเกิดเมืองนอนตัวเอง วิชัยรู้ดีว่าเขามีทรัพยากรชั้นเลิศอยู่ในมือและสิ่งนั้นสามารถพัฒนาวงการฟุตบอลไทยได้ เขาจึงริเริ่มโครงการ ‘Fox Hunt’ โดยโครงการนี้คือการคัดเลือกนักเตะช้างเผือกในป่าใหญ่ของไทย มอบโอกาสให้ได้ไปฝึกซ้อมร่วมกับ Academy ของ  Leicester City F.C.

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของโครงการนี้คือ กัณตพัชห์ มันปาติ นายทวารดาวรุ่งซึ่งโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจนสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชายรุ่นอายุไม่เกิน 19 ชิงแชมป์อาเซียนได้สำเร็จ

นอกจาก Fox Hunt วิชัยยังไม่หยุดพัฒนาวงการฟุตบอลไทยเพียงเท่านี้ เขายังได้สร้างสนามฟุตบอลอีก 100 แห่งเพื่อให้เยาวชนไทยมีโอกาสเข้าถึงฟุตบอลมากขึ้น และยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการซูเปอร์เท็น มอบโอกาสเด็ก ๆ อีกมากมาย

ไม่ใช่แค่ฟุตบอลเท่านั้น เพราะอีกสิ่งสำคัญที่เจ้าสัวแห่ง King Power คนนี้มอบให้ประเทศไทยคือเงินจำนวน 100 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว ซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปช่วยซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้โรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่รวยเงินอย่างเดียวแล้วจะทำได้ แต่ใจต้องรวยน้ำใจไม่แพ้กัน และวิชัย ศรีวัฒนประภามีสิ่งนั้นอยู่เต็มเปี่ยม

และนี่คือเรื่องราวของ วิชัย ศรีวัฒนประภา กับเทพนิยายที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะน่าเสียดายที่เขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่าเขาต้องเฝ้ามองเมล็ดพันธุ์แห่งความฝันที่ได้หว่านลงไปจากที่ไหนสักแห่งแน่นอน

SOURCE: The Fairy Tale of Underfox เขียนโดย จิรเดช โอภาสพันธ์วงศ์