อีกหนึ่งทีมชาติในศึกฟุตบอลโลกที่มีคนเชียร์ในบ้านเราจำนวนไม่น้อย คงหนีไม่พ้น “อิตาลี” เจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย และแชมป์ฟุตบอลยุโรปอีก 2 สมัย อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีลีกอันแข็งแกร่งนามว่า “กัลโช่ เซเรียอา” ที่มีสโมสรยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Juventus, Inter Milan, A.C. Milan, Roma, Lazio และ Napoli นอกจากนั้นแล้วทีมชาติอิตาลียังมีประวัติศาสตร์ฟุตบอลมาอย่างยาวนาน ผลิตนักเตะระดับตำนานมามากมาย เช่น Paolo Maldini, Franco Baresi, Roberto Baggio, Giuseppe Meazza, Paolo Rossi หรือ Dino Zoff เป็นต้น และยังมีเหล่าตำนานอีก 1 ชุดที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 ณ ประเทศเยอรมนีนั่นเอง อิตาลี 2006 ที่อุดมไปด้วย นักเตะเก๋าประสบการณ์ ชุดนักเตะของทีมชาติอิตาลีที่ถูกคัดตัวไปโม้แข้งในศึกฟุตบอลโลกปี 2006 ภายใต้การคุมทีมของ Marcello Lippi
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายนนี้ ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ระหว่างฝั่งสีฟ้า “Manchester City” และฝั่งสีแดง “Manchester United” กำลังจะเริ่มขึ้นเป็นนัดแรกของฤดูกาล ซึ่งต้องบอกเลยว่าคู่นี้เจอกันทีไรมันส์หยดทุกที เพราะมันคือเกมแห่งศักดิ์ศรีของเมืองแมนเชสเตอร์โดยแท้จริง เท่านั้นยังไม่พอด้วยสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมตอนนี้อยู่ในช่วงฟอร์มดีทั้งคู่ โดยฝั่งเจ้าบ้านเรือใบสีฟ้าอยู่อันดับ 2 มี 17 คะแนน จากผลงานชนะ 5 เสมอ 2 และยังไม่แพ้ใคร ส่วนฝั่งทีมเยือนปีศาจแดงอยู่อันดับ 5 มี 12 คะแนน จากผลงานชนะ 4 แพ้ 2 และแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด มองจากภาพรวมฝั่งของ Manchester City ดูจะน่ากลัวกว่า โดยเฉพาะฝั่งเกมรุกที่มี Erling Haaland กองหน้าเลือดไวกิ้งยืนค้ำแดนหน้า ซึ่งเจ้าตัวยิงเฉพาะในลีกไปแล้วถึง 11 ประตู นำโด่งเป็นดาวซัลโวแบบเท่ ๆ แถมยังมี Kevin De Bruyne เพลย์เมเกอร์ตัวเก่งที่พร้อมจะแอสซิสต์เทพ
ในโลกของฟุตบอลมีดาวรุ่งเกิดขึ้นมามากมายในทุก ๆ ปี มีหลายคนที่ก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Lionel Messi, Cristiano Ronaldo, Wayne Rooney, Neymar, Erling Haaland เป็นต้น แต่ก็มีดาวรุ่งอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกม้าตายกลายเป็นนักเตะธรรมดา ที่สุดท้ายก็แทบจะถูกลืมไปจากวงการฟุตบอล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Freddy Adu ชาวอเมริกัน ที่เคยถูกขนานนามว่า “New Pele” แถมยังเคยเกือบได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีม Manchester United มาแล้ว แจ้งเกิดตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี Freddy Adu ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1989 เดิมทีเจ้าตัวมีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ประเทศกานา และก็เป็นที่ที่เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังครั้งแรก แต่เมื่อ Adu อายุได้ 8 ขวบก็ต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าศึกษาที่โรงเรียน Sequoyah แน่นอนว่าชีวิตเขายังคงขลุกกับฟุตบอล ได้ฝึกฝีมือกับสโมสร Potomac Cougars นับตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2001 ต่อด้วย IMG
48 ชั่วโมง คำ ๆ นี้หลอกหลอนแฟนฟุตบอล Manchester United มาอย่างยาวนาน เพราะมันทำให้แฟนบอลต้องคอยรีเฟรชตามสำนักข่าวต่าง ๆ ว่าทีมรักของเขาจะปิดดีลนักเตะใหม่ได้หรือไม่ และส่วนมากคำตอบที่ได้คือ “แห้ว” นั่นเอง โดยเฉพาะรายล่าสุดกับ Frenkie De Jong กองกลางชาวดัตช์ของสโมสร Barcelona ที่ดีลยังคงยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้นซักที โอเคมันก็มีอยู่หลาย ๆ ครั้งที่ได้นักเตะระดับโลกย้ายมาร่วมทีมแบบสมใจยาก ไมว่าจะเป็น Jaap Stam, Ruud Van Nistelrooy, Rio Ferdinand, Wayne Rooney, Dimitar Berbatov, Angel Di Maria หรือล่าสุดคือการกลับมาของ Cristiano Ronaldo เป็นต้น แต่สำหรับเคสที่พลาดก็มีหลาย ๆ คน ที่ทำให้เรารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นบรรดานักเตะเหล่านั้นสวมเสื้อทีมปีศาจแดงเพื่อลงเล่นซักครั้งในชีวิต และนี่คือ 48 ชั่วโมง! รวมตำนานดีลล่มของทีมปีศาจแดง ที่ทำให้แฟนบอลต้องหัวร้อนมาแล้ว WESLY SNEIJDER เพลย์เมกเกอร์ชาวดัตช์ผู้นี้
คว้านักเตะใหม่มาได้ตามเป้าสำเร็จสำหรับทีม Manchester United ที่สามารถปิดดีล Lisandro Martinez ปราการหลังชาวอาร์เจนตินา วัย 24 ปี พร้อมด้วยสัญญา 5 ปี โดยทางเจ้าตัวเคยร่วมงานกับ Erik Ten Hak ที่ Ajax Amsterdam ดังนั้นเรื่องการเข้าใจแทคติคของกุนซือชาวดัชต์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเคยร่วมลงเล่นกับ Donny Van De Beek มาแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนเส้นทางการค้าแข้งของ Lisandro Martinez ผ่านมาเพียงไม่กี่สโมสร โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะระดับเยาวชนที่ Club Urquiza และ Club Libertad จนกระทั่งถูกทีม Newell’s Old Boys อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่จากลีกในบ้านเกิดดึงตัวไปร่วมทีม แต่มีโอกาสลงเล่นอย่างจำกัด ทำให้ถูกส่งตัวไปให้กับ Defensa y Justicia ยืมตัว ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ ก่อนที่จะได้รับสัญญาถาวรจากสโมสรในฤดูกาล 2018-2019 แต่ Lisandro Martinez มีเวลากับ
Christian Eriksen นักเตะผู้เคยผ่านความตายมาแล้ว 5 นาที ซึ่งแฟนฟุตบอลคงจะจำเหตุการณ์ในศึกยูโร 2020 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2021 กันได้เป็นอย่างดี เป็นเกมรอบแบ่งกลุ่มบี ระหว่างทีมชาติเดนมาร์กและทีมชาติฟินแลนด์ ในช่วงนาทีที่ 42 เพลย์เมกเกอร์คนนี้ได้ล้มลงกลางสนามเนื่องจากสภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำเอาทั้งนักฟุตบอล รวมไปถึงแฟนบอลในสนามและทั่วโลกต่างต้องตกใจกับวินาทีนั้นกันไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นทีมแพทย์ก็สามารถปลุกชีวิตของ Eriksen กลับมาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตราวกับปาฏิหารย์กลับมาได้ และดูเหมือนว่าเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลน่าจะต้องจบลงแล้ว แต่ Eriksen ไม่ยอมแพ้ ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็สามารถกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง แถมยังถูกเรียกกลับไปติดทีมชาติด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดกองกลางจากดินแดนโคนมก็กลายเป็นกำลังหลักของทีม Manchester United ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเหตุนี้ทาง Unlockmen ขอพาทุกคนย้อนไทม์ไลน์กับไปเส้นทางการค้าแข้งของผู้รอดพ้นจากความตาย Christian Eriksen เกิดในวันวาเลนไทน์เมื่อปี 1992 ณ เมืองมิดเดลฟาร์ต ประเทศเดนมาร์ก และได้เข้าร่วมทีมท้องถิ่นที่ชื่อว่า Middelfart Boldklub นับตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้ชีวิตของเขามีความผูกพันธ์กับลูกฟุตบอลเป็นพิเศษ ที่นี่ Eriksen ได้ลับแข้งฝีเท้าจนมีเบสิคที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับ Thomas Eriksen คุณพ่อของเจ้าตัวที่ควบตำแหน่งโค้ขของทีมในระดับเยาวชน อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกทีมและลูกชายของเขาช่วยให้ทีม Middelfart
ช่วงนี้ข่าวคราวในวงการฟุตบอลคงไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่าการย้ายมาร่วมทีม Manchester City ของ Erling Braut Haaland ที่เซ็นสัญญามาค้าแข้งในถิ่นเอติฮัด สเตเดียม นานถึง 5 ปี พร้อมด้วยค่าเหนื่อยที่คาดว่าน่าจะได้รับราว ๆ 5 แสนปอนด์/สัปดาห์ มากกว่า Cristiano Ronaldo และ Mohammed Salah ซะอีก การตัดสินใจของทีมเรือใบสีฟ้าในครั้งนี้ก็เพราะต้องการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตำแหน่งกองหน้านับตั้งแต่ Kun Aguero ย้ายออกจากทีมไป (แต่ก็ยังอุตส่าคว้าแชมป์ได้) ดังนั้นการตัดสินใจทุ่มเงินกระชากตัว Erling Haaland กองหน้าชาวนอร์เวย์ วัย 21 ปี จากทีม Borussia Dortmund จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะสถิติการทำประตูของเขานั้นบอกได้เลยว่าโหดบรรลัย! ความเก่งกาจของ Erling Haaland มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน มันมาจากประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดมาผ่านทางสายเลือดและความชอบฟุตบอลที่ฝัรากลึกลงถึงชั้น DNA สายเลือดนักกีฬา เขาเกิดมาในครอบครัวของนักกีฬาโดยแท้จริง เพราะนอกจากคุณพ่อของเขาแล้ว ยังมีคุณทวดนามว่า Gabriel Hoyland ก็เป็นฟุตบอลเช่นกัน รวมไปถึงคุณแม่ก็เป็นนักกีฬากรีฑาผสมอีกด้วย หลาย
การโยกย้ายสโมสรของบรรดานักเตะในโลกฟุตบอลก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนโยบายของแต่ละทีมก็ต้องการสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ ทีมงบน้อยก็ใช้น้อย ทีมงบเยอะก็ใช้เยอะ แตกต่างกันออกไปตามขนาดของสโมสร แต่การย้ายสโมสรจะกลายเป็นเรื่องไม่ปกติทันทีหากนักเตะคนใดคนหนึ่งตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมคู่อริ และนี่คือ 5 แข้งจูดาสแห่งพรีเมียร์ลีกที่โลกฟุตบอลไม่มีวันลืม 1.ไมเคิล โอเว่น ไมเคิล โอเว่น เจ้าของฉายาเบบี้โกลด์ เขาเคยเป็นเจ้าหนูนักเตะที่ฝีเท้าเจิดจรัสแสงตั้งแต่อายุยังไม่ 20 ปี ด้วยความเร็ว ความคม และการกระชากบอลหนีกองหลังอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก ปี 1998 กับแมตช์ที่พบกับทีมชาติอาร์เจนตินา แม้ว่าทีมชาติอังกฤษจะตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในเกมวันนั้นคนที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือโอเว่น กับจังหวะที่เลี้ยงหลบผู้เล่นทัพฟ้าขาวเข้าไปยิงมันบ่งบอกถึงความสุดยอดของเบบี้โกลด์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาเดอะค็อปต่างยกย่องให้โอเว่นกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ประจำถิ่นแอนฟิลด์ และมองว่าเขาคนนี้นี่แหล่ะที่จะกลายมาเป็นฮีโร่ของการทวงแชมป์ลีกสูงสุดในเกาะอังกฤษกลับมาให้ได้ แต่แล้วบรรดากองเชียร์ทีมหงส์แดงก็ต้องฝันสลาย ในฤดูกาล 2004-2005 ทางโอเว่นตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด แต่เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีโอกาสลงเล่นไม่ได้มากตามที่คาดหวังไว้ จนสุดท้าย Owen ก็อยู่่ในสเปนได้เพียแค่ 1 ฤดูกาลก่อนตัดสินใจกลับประเทศอังกฤษเพื่อมาร่วมทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โอเว่นใช้เวลาอยู่ในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ทั้งหมด 4 ฤดูกาล แต่ลงเล่นรวมไปเพียง 79 นัด ยิงได้
ตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 ในช่วงเบรกหนีหนาวในฤดูกาลนี้ถือว่าคึกคักเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะทีมใหญ่, ทีมกลาง หรือแม้กระทั่งทีมเล็ก ต่างลงทุนเสริมนักเตะเพื่อเพิ่มอาวุธในการต่อสู้กับครึ่งฤดูกาลที่เหลือ เพื่อเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ซึ่งในบางครั้งก็ต้องมีการแข่งขันกันนอกสนามกันอย่างดุเดือดเพื่อที่จะแย่งชิงคว้าตัวนักเตะที่หมายปองไว้ และนักเตะที่ถูกเล็งไว้จากสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปมีนามว่า “หลุยส์ ดิอาซ” ดิอาซตกเป็นข่าวโยงกับทั้งบาเยิร์น มิวนิค, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ แต่สุดท้ายเป็นลิเวอร์พูลที่กระชากตัวดิอาซมาจากปอร์โต้ได้สำเร็จด้วยค่าตัว 37.5 ล้านปอนด์ และมีแอดออนอีก 12.5 ล้านปอนด์ พร้อมกับเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี แล้วเหตุผลอะไร? ทำไมทีมหงส์แดงถึงต้องคว้าปีกซ้ายชาวโคลอมเบียวัย 25 ปี มาร่วมทีม เรามีคำตอบให้หลัก ๆ 5 ข้อดังนี้ 1.ความเร็วราวกับรถซุปเปอร์คาร์ หากใครเคยได้ชมดิอาซวาดลวดลายในสนามจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นักเตะคนนี้มันไปกับบอลได้เร็วจริง ๆ” ถ้าเปรียบกับเกมวินนิ่ง อีเลฟเว่น ก็คงต้องมอบค่าพลังสปีด 9 ให้ไปได้เลย และความเร็วของดิอาซนี่แหละที่ตอบโจทย์เกมรุกตามสไตล์ของลิเวอร์พูลที่สุด สังเกตได้จากตัวหลักในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นโมฮ้มเมด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และดิโอโก โชต้า จากก็เป็นนักเตะที่มีสปีดจัดจ้านด้วยกันทั้งนั้น แถมยังเป็นหัวใจสำคัญในการคุมทีมของเจอร์เกน
ตลาดซื้อขายนักเตะรอบที่ 2 ในเดือนมกราคม หลาย ๆ ทีมเริ่มขยับตัวเสริมแกร่งกันเพื่อต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งตามเป้าหมายของแต่ละสโมสร ตัวอย่างเช่น ทีมแอสตัน วิลล่า ภายใต้การคุมทีมของสตีเวน เจอร์ราด ก็ดึงเอาฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อดีตเพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลมาจากบาร์เซโลน่าแบบยืมตัว เป็นต้น แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ทีมที่ยังไม่ได้ขยับลงตลาดแต่กลับมีข่าวให้ความสนใจนักเตะในหลาย ๆ รายชื่อ และหนึ่งในชื่อที่โดดเด่นและเนื้อหอมมาก ๆ ในตลาดรอบนี้คงต้องยกให้ “บูบาการ์ กามาร่า” มิดฟิลด์ตัวรับดาวรุ่งวัย 22 ปี จากทีมโอลิมปิก มาร์กเซย ในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลักของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อเข้ามายก ระดับแผงกองกลางที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ของทีมอยู่ในปัจจุบัน เข้าสู่มาร์กเซยตั้งแต่ 5 ขวบ บูบาการ์ กามาร่า หรือ “บูบา” ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 1999 ณ ประเทศฝรั่งเศส ตัวเขามีคุณพ่อเป็นชาวเซเนกัลและมีคุณแม่เป็นชาวฝรั่งเศส กามาร่าถูกปลูกฝังให้ชอบกีฬาฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ๆ และเริ่มเชียร์ทีมโอลิมปิก มาร์กเซย หลังจากที่ได้เข้าไปเที่ยวในสนาม