Football

THE PROFILE : “FREDDY ADU” เจ้าของฉายา “นิว เปเล่” แต่ดันจบเห่ด้วยอีโก้ จนต้องกลายเป็นนักเตะพเนจร

By: JEDDY September 17, 2022

ในโลกของฟุตบอลมีดาวรุ่งเกิดขึ้นมามากมายในทุก ๆ ปี มีหลายคนที่ก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Lionel Messi, Cristiano Ronaldo, Wayne Rooney, Neymar, Erling Haaland เป็นต้น แต่ก็มีดาวรุ่งอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกม้าตายกลายเป็นนักเตะธรรมดา ที่สุดท้ายก็แทบจะถูกลืมไปจากวงการฟุตบอล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Freddy Adu ชาวอเมริกัน ที่เคยถูกขนานนามว่า “New Pele” แถมยังเคยเกือบได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีม Manchester United มาแล้ว


แจ้งเกิดตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี

Freddy Adu ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1989 เดิมทีเจ้าตัวมีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ประเทศกานา และก็เป็นที่ที่เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังครั้งแรก แต่เมื่อ Adu อายุได้ 8 ขวบก็ต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าศึกษาที่โรงเรียน Sequoyah แน่นอนว่าชีวิตเขายังคงขลุกกับฟุตบอล ได้ฝึกฝีมือกับสโมสร Potomac Cougars นับตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2001 ต่อด้วย IMG Academy ในปี 2002-2003 โดยส่วนมากคนที่เขาลงเล่นด้วยไม่ว่าจะทีมตัวเองหรือทีมตรงข้าม ล้วนแต่มีอายุมากกว่าทั้งนั้น

ในระหว่างนั้นเจ้าตัวได้มีโอกาสเล่นกับ U.S. Olympic Development Program ในชุดเยาวชนต่ำว่า 14 ปี ซึ่งต้องไปดวลกับทีมเยาวชนของ Lazio และ Juventus สองทีมดังจากประเทศอิตาลี แม้คู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ไม่อาจหยุดยั้งความเก่งกาจของ Adu ไปได้ เพราะเขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ พ่วงด้วยตำแหน่งดาวซัลโว และผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน ด้วยทักษะที่ก้าวกระโดดเกินวัยทำให้มันไปเตะตาแมวมองของทีม D.C. United สุดท้ายก็นำมาสู่การเซ็นสัญญานักเตะอาชีพของ Adu ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2003 ด้วยวัยเพียง 14 ปี พร้อมกับสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้เซ็นสัญญาในเมเจอร์ลีกอีกด้วย

เวลาผ่านไป 5 เดือน วันที่ 3 เมษายน 2004 Freddy Adu ก็ทำลายสถิติอีกครั้ง ด้วยการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในเมเจอร์ลีก เขาลงมาในฐานะตัวสำรองในเกมพบกับทีม San Jose Earthquakes และในวันที่ 17 เมษายน ปีเดียวกัน เขาก็สามารถทำประตูแรกให้กับทีมได้สำเร็จในเกมที่พบกับ MetroStars แม้ D.C. United จะแพ้ไป 2-3 แต่ Adu ก็สร้างอีกหนึ่งสถิติด้วยการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในเมเจอร์ลีก

ในฤดูกาล 2004 ทาง Freddy Adu ลงเล่นไปทั้งสิ้น 30 นัด ยิงรวมไปทั้งหมด 5 ประตู ถือได้ว่าเป็นสถิติที่ไม่เลวสำหรับเด็กวัย 14-15 ปี อย่างไรก็ตามก็มีหลายคอมเมนต์ที่แสดงความเป็นห่วงของการพัฒนาอย่างสมวัยของนักเตะผู้นี้ ซึ่ง Piotr Nowak ผู้จัดการทีม ณ เวลานั้น ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาจึงสลับการลงเล่นของ Adu ให้เหมาะสม และไม่หักโหมจนเกินไป

แต่ความห่วงใยดังกล่าวดูเหมือนว่า Adu จะไม่เห็นด้วย เพราะเขารู้สึกหัวเสียอย่างมากที่ไม่ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการต่อว่าการจัดทีม D.C. United ผ่านสื่อ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เพื่อนร่วมทีม และบรรดาทีมงานหลายคนพบว่าเด็กคนนี้กำลังอยู่ในช่วงอีโก้ดีดขึ้นอย่างสุดขีด ซึ่งมันก็มาจากการที่เจ้าตัวโดยอวยยศตั้งแต่เด็ก ๆ จนเกิดความมั่นใจที่เกินตัวนั่นเอง

และเมื่อทุกอย่างมันควบคุมยาก สุดท้ายทาง D.C. United ก็ตัดสินใจปล่อยตัว Freddy Adu ไปให้กับสโมสร Real Salt Lake ในเดือนธันวาคม ปี 2006 โดยตลอดระยะเวลา 3 ฤดูกาล กับ D.C. United ทาง Adu ลงเล่นไปทั้งสิ้น 87 นัด ทำได้ 11 ประตู ช่วยพาทีมคว้าแชมป์เมเจอร์ลีกได้ 1 สมัย อีกทั้งยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของลีกอีก 2 สมัยด้วย


เกือบได้เป็นนักเตะปีศาจแดง

ก่อนที่จะย้ายไปยังสโมสร Real Salt Lake ทาง Freddy Adu ได้หมายเชิญจากสโมสร Manchester United ให้ไปเยี่ยมชมและร่วมซ้อมกับบรรดานักเตะของทัพปีศาจแดง ตลอดช่วง 2 สัปดาห์เขาได้รับการดูแลจากทาง Sir Alex Ferguson โดยตรง ซึ่งกุนซือชาวสกอตแลนด์ก็รู้สึกประทับใจในฝีเท้าของนักเตะผู้นี้ ถึงขนาดเคยพยายามดึงตัวก่อนที่ Adu จะเซ็นสัญญากับทาง D.C. United แล้ว แต่ก็พลาดไป

แต่ความฝันที่ Adu จะได้ค้าแข้งในถิ่น Old Trafford ก็ต้องจบลงไป เนื่องจากอายุของเจ้าตัวที่ยังไม่ถึง 18 ปี ทำให้ไม่สามารถขอเวิร์คเพอร์มิตได้ ซึ่งส่งผลให้เขาไม่สามารถลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการในพรีเมียร์ลีกได้ ทำให้เขาต้องเก็บกระเป๋ากลับมายังประเทศสหรัฐอเมริกา


จากดาวรุ่งพุ่งแรง ต้องดับแสง

กลายเป็นนักเตะพเนจร

ปี 2007 Freddy Adu ได้กลายร่างเป็นนักเตะของ Real Salt Lake อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเขาก็ยังคงเป็นตัวหลักของสโมสร และเป็นหัวใจสำคัญของแนวรุก เท่านั้นยังไม่พอ Adu ยังถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุดอายุต่ำกว่า 20 ปีด้วยเช่นกัน

หลังจากลงเล่นกับสโมสรแห่งใหม่ไปได้ไม่นาน Adu ก็ได้รับการทาบทามจากสโมสร Benfica ทีมยักษ์ใหญ่จากประเทศโปรตุเกสให้ย้ายไปร่วมทีม ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความท้าทายในครั้งนี้ได้ สุดท้ายเหยี่ยวแห่งลิสบอนก็กระชาตัวของ Adu ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 2 ล้านดอลลาร์ กับสัญญา 4 ปี เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2007 ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าการย้ายมาอยู่ทีมใหญ่ที่เร็วเกินไปได้ส่งผลให้เส้นทางค้าแข้งและการพัฒนาฝีเท้าต้องดิ่งลงสู่เหว

การย้ายมาอยู่ที่ Benfica ตัวเขาเองไม่สามารถรีดฟอร์มเก่งออกมาได้เลย ทำให้ต้องถูกดรอปเป็นตัวสำรอง โดยได้ลงเล่นในฤดูกาล 2007/2008 ไปเพียง 14 นัดเท่านั้น หลังจากนั้นก็ถูกปล่อยตัวยืมต่อเนื่องนับตั้งแต่ฤดูกาล 2008-2009 จนถึง 2010-2011 ตัวของ Adu ลงเล่นไปทั้งหมด 4 สโมสรจาก 4 ประเทศ ได้แก่ Monaco (ลีกเอิง ฝรั่งเศส), Aris (ซุปเปอร์ลีก กรีซ), Belenenses (ไพรเมร่า โปรตุเกส) และ Caykur Rizespor (ลีกรอง ตุรกี)

สิ่งที่น่าใจหายในช่วงระหว่างถูกปล่อยยืมตัว นั่นคือสถิติการลงเล่นที่รวม 4 สโมสรลงเตะไปแค่เพียง 36 นัด เท่านั้น และยิงได้เพียง 5 ประตู ฟอร์มกู่ไม่กลับขนาดนี้สุดท้ายเขาก็ถูกปล่อยตัวออกไปจากสโมสร Benfica และกลับไปค้าแข้งกับทีม Philadelphia Union ในเมเจอร์ลีก แต่ฟอร์มโดยรวมถือว่าดีขึ้นมาบ้าง แต่แทนที่เขาจะมาปักหลักเล่นในบ้านเกิดอย่างจริงจังไปยาว ๆ หลังจากผ่านไป 2 ฤดูกาล Adu ก็ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม Bahia ในประเทศบราซิล และมันก็ได้กลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

เพราะนับตั้งแต่ปี 2013 มาจนปัจจุบัน เขาย้ายทีมมาแล้วรวมกันถึง 7 สโมสร พเนจรไปในประเทศเซอร์เบีย, ฟินแลนด์ และสวีเดน รวมถึงกลายมาเป็นนักเตะระดับลีกรองของสหรัฐอเมริกาอีกต่างหาก อีกทั้งยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน จำนวนนัดที่ลงเล่นก็น้อยมากตามไปด้วย


ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ เรื่อง ทาง Freddy Adu ได้ยอมรับว่าพังเพราะอีโก้ของตนเอง รวมไปถึงการตัดสินใจย้ายไปเล่นยุโรปเร็วเกินไป ทั้ง ๆ ที่ตัวเขายังไม่ได้พร้อมขนาดนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายกับฝีเท้าของอดีตดาวรุ่งพุ่งแรง หากไปได้ถูกทางบางทีเราอาจจะได้เห็น Adu กลายมาเป็นนักเตะเวิร์ลคลาสแล้วก็เป็นได้ และเรื่องราวของเขายังเป็นบทเรียนชั้นดีให้เราได้เรียนรู้อีกด้วยเช่นกัน

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line