วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายนนี้ ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ระหว่างฝั่งสีฟ้า “Manchester City” และฝั่งสีแดง “Manchester United” กำลังจะเริ่มขึ้นเป็นนัดแรกของฤดูกาล ซึ่งต้องบอกเลยว่าคู่นี้เจอกันทีไรมันส์หยดทุกที เพราะมันคือเกมแห่งศักดิ์ศรีของเมืองแมนเชสเตอร์โดยแท้จริง เท่านั้นยังไม่พอด้วยสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมตอนนี้อยู่ในช่วงฟอร์มดีทั้งคู่ โดยฝั่งเจ้าบ้านเรือใบสีฟ้าอยู่อันดับ 2 มี 17 คะแนน จากผลงานชนะ 5 เสมอ 2 และยังไม่แพ้ใคร ส่วนฝั่งทีมเยือนปีศาจแดงอยู่อันดับ 5 มี 12 คะแนน จากผลงานชนะ 4 แพ้ 2 และแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด มองจากภาพรวมฝั่งของ Manchester City ดูจะน่ากลัวกว่า โดยเฉพาะฝั่งเกมรุกที่มี Erling Haaland กองหน้าเลือดไวกิ้งยืนค้ำแดนหน้า ซึ่งเจ้าตัวยิงเฉพาะในลีกไปแล้วถึง 11 ประตู นำโด่งเป็นดาวซัลโวแบบเท่ ๆ แถมยังมี Kevin De Bruyne เพลย์เมเกอร์ตัวเก่งที่พร้อมจะแอสซิสต์เทพ
ในโลกของฟุตบอลมีดาวรุ่งเกิดขึ้นมามากมายในทุก ๆ ปี มีหลายคนที่ก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Lionel Messi, Cristiano Ronaldo, Wayne Rooney, Neymar, Erling Haaland เป็นต้น แต่ก็มีดาวรุ่งอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกม้าตายกลายเป็นนักเตะธรรมดา ที่สุดท้ายก็แทบจะถูกลืมไปจากวงการฟุตบอล ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Freddy Adu ชาวอเมริกัน ที่เคยถูกขนานนามว่า “New Pele” แถมยังเคยเกือบได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีม Manchester United มาแล้ว แจ้งเกิดตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี Freddy Adu ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 1989 เดิมทีเจ้าตัวมีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ประเทศกานา และก็เป็นที่ที่เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังครั้งแรก แต่เมื่อ Adu อายุได้ 8 ขวบก็ต้องเก็บข้าวของย้ายไปอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าศึกษาที่โรงเรียน Sequoyah แน่นอนว่าชีวิตเขายังคงขลุกกับฟุตบอล ได้ฝึกฝีมือกับสโมสร Potomac Cougars นับตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2001 ต่อด้วย IMG
เก็บชัยชนะนัดแรกในฤดูกาลได้สำเร็จ สำหรับทีม Manchester United ภายใต้การนำทัพของ Erik Ten Hag และนับว่าเป็นสามแต้มอันล้ำค่ามาก ๆ เพราะปีศาจแดงสามารถยัดเยียดความปราชัยให้แก่ Liverpool คู่ปรับตลอดกาลได้ซักที หลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วโดนหงส์แดงยำเละไม่เป็นท่าทั้งไปทั้งกลับ โดยก่อนที่เกมแดงเดือดจะเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมไม่ค่อยจะโอเคซักเท่าไหร่ ฝั่งเจ้าบ้าน Man UTD แพ้รวดมา 2 นัด จมบ๊วยอยู่ท้ายตาราง ทำให้เกมนี้มีการปรับหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น Raphael Varane ที่ลงเล่นแทน Harry Maguire กัปตันจอมสร้างคอนเทนต์, Tyler Malacia เสียบตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน Luke Shawn, Scott McTominay แทน Fred และ Anthony Elanga แทน Cristiano Ronaldo ส่วนทีมเยือนรองแชมป์เก่าก็เสมอมา 2 นัดรวด เก็บได้เพียง 2 คะแนน แถมยังขาดนักเตะตัวหลักไปหลายคน
48 ชั่วโมง คำ ๆ นี้หลอกหลอนแฟนฟุตบอล Manchester United มาอย่างยาวนาน เพราะมันทำให้แฟนบอลต้องคอยรีเฟรชตามสำนักข่าวต่าง ๆ ว่าทีมรักของเขาจะปิดดีลนักเตะใหม่ได้หรือไม่ และส่วนมากคำตอบที่ได้คือ “แห้ว” นั่นเอง โดยเฉพาะรายล่าสุดกับ Frenkie De Jong กองกลางชาวดัตช์ของสโมสร Barcelona ที่ดีลยังคงยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้นซักที โอเคมันก็มีอยู่หลาย ๆ ครั้งที่ได้นักเตะระดับโลกย้ายมาร่วมทีมแบบสมใจยาก ไมว่าจะเป็น Jaap Stam, Ruud Van Nistelrooy, Rio Ferdinand, Wayne Rooney, Dimitar Berbatov, Angel Di Maria หรือล่าสุดคือการกลับมาของ Cristiano Ronaldo เป็นต้น แต่สำหรับเคสที่พลาดก็มีหลาย ๆ คน ที่ทำให้เรารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นบรรดานักเตะเหล่านั้นสวมเสื้อทีมปีศาจแดงเพื่อลงเล่นซักครั้งในชีวิต และนี่คือ 48 ชั่วโมง! รวมตำนานดีลล่มของทีมปีศาจแดง ที่ทำให้แฟนบอลต้องหัวร้อนมาแล้ว WESLY SNEIJDER เพลย์เมกเกอร์ชาวดัตช์ผู้นี้
คว้านักเตะใหม่มาได้ตามเป้าสำเร็จสำหรับทีม Manchester United ที่สามารถปิดดีล Lisandro Martinez ปราการหลังชาวอาร์เจนตินา วัย 24 ปี พร้อมด้วยสัญญา 5 ปี โดยทางเจ้าตัวเคยร่วมงานกับ Erik Ten Hak ที่ Ajax Amsterdam ดังนั้นเรื่องการเข้าใจแทคติคของกุนซือชาวดัชต์ก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด อีกทั้งยังเคยร่วมลงเล่นกับ Donny Van De Beek มาแล้วด้วยเช่นกัน ส่วนเส้นทางการค้าแข้งของ Lisandro Martinez ผ่านมาเพียงไม่กี่สโมสร โดยเริ่มต้นจากการเป็นนักเตะระดับเยาวชนที่ Club Urquiza และ Club Libertad จนกระทั่งถูกทีม Newell’s Old Boys อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่จากลีกในบ้านเกิดดึงตัวไปร่วมทีม แต่มีโอกาสลงเล่นอย่างจำกัด ทำให้ถูกส่งตัวไปให้กับ Defensa y Justicia ยืมตัว ซึ่งเจ้าตัวก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ ก่อนที่จะได้รับสัญญาถาวรจากสโมสรในฤดูกาล 2018-2019 แต่ Lisandro Martinez มีเวลากับ
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ The Match ศึกแดงเดือดการดวลแข้งระหว่าง Manchester United และ Liverpool ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ณ ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้มีทั้งแฟนปีศาจแดงและแฟนหงส์แดงเข้าร่วมงานกันรวม ๆ แล้วเกิน 50,000 คน ซึ่งผู้เขียนเองก็ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งกับงานครั้งนี้เช่นกันในฐานะแฟนบอลปีศาจแดง ดังนั้นบทความนี้จะมีรูปของฝั่งทีมที่เชียร์มากเป็นพิเศษ (แน่นอนสิ เพราะว่าต้องนั่งเชียร์ฝั่งแมนยู) ต้องขออภัยแฟนบอลหงส์แดงไว้ล่วงหน้าก่อนเลยครับ ก่อนวันแข่งขัน 1 วัน ทางผู้จัดได้เปิดโอกาสให้ผู้ถือตั๋วบางส่วนได้เข้าไปดูการฝึกซ้อมของทั้ง 2 ทีมในสนามกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งตัวผมเองก็ตัดสินใจเข้าไปดูด้วย เรียกได้ว่ากดบัตรมาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม และนี่คือครั้งแรกที่จะได้เห็น Erik Ten Hag กุนซือคนใหม่ของทัพปีศาจแดงลงมาคุมซ้อมตัวเองในสนาม สำหรับเซสชั่นการฝึกซ้อมมีทั้งการส่งบอล, การซ้อมเกมรับและเกมรุกไปพร้อม ๆ กัน และมีการซ้อมในส่วนของผู้รักษาประตูด้วยเช่นกัน ไฮไลท์ในการซ้อมก็น่าจะเป็นจังหวะที่ Marcus Rashford โหม่งบอลจากลูกเปิดของ Jadon Sancho เข้าประตูไป เรียกเสียงเฮได้ทั้งสนาม รวมไปถึงจังหวะที่ทีมเกมรุกโดนทีมเกมรับสวนกลับ แล้วก็เป็น Zidane Iqbal ดาวรุ่งวัย
Christian Eriksen นักเตะผู้เคยผ่านความตายมาแล้ว 5 นาที ซึ่งแฟนฟุตบอลคงจะจำเหตุการณ์ในศึกยูโร 2020 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2021 กันได้เป็นอย่างดี เป็นเกมรอบแบ่งกลุ่มบี ระหว่างทีมชาติเดนมาร์กและทีมชาติฟินแลนด์ ในช่วงนาทีที่ 42 เพลย์เมกเกอร์คนนี้ได้ล้มลงกลางสนามเนื่องจากสภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทำเอาทั้งนักฟุตบอล รวมไปถึงแฟนบอลในสนามและทั่วโลกต่างต้องตกใจกับวินาทีนั้นกันไปตาม ๆ กัน หลังจากนั้นทีมแพทย์ก็สามารถปลุกชีวิตของ Eriksen กลับมาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าเขาจะรอดชีวิตราวกับปาฏิหารย์กลับมาได้ และดูเหมือนว่าเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลน่าจะต้องจบลงแล้ว แต่ Eriksen ไม่ยอมแพ้ ซึ่งเขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็สามารถกลับมาลงเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง แถมยังถูกเรียกกลับไปติดทีมชาติด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดกองกลางจากดินแดนโคนมก็กลายเป็นกำลังหลักของทีม Manchester United ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเหตุนี้ทาง Unlockmen ขอพาทุกคนย้อนไทม์ไลน์กับไปเส้นทางการค้าแข้งของผู้รอดพ้นจากความตาย Christian Eriksen เกิดในวันวาเลนไทน์เมื่อปี 1992 ณ เมืองมิดเดลฟาร์ต ประเทศเดนมาร์ก และได้เข้าร่วมทีมท้องถิ่นที่ชื่อว่า Middelfart Boldklub นับตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้ชีวิตของเขามีความผูกพันธ์กับลูกฟุตบอลเป็นพิเศษ ที่นี่ Eriksen ได้ลับแข้งฝีเท้าจนมีเบสิคที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับ Thomas Eriksen คุณพ่อของเจ้าตัวที่ควบตำแหน่งโค้ขของทีมในระดับเยาวชน อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกทีมและลูกชายของเขาช่วยให้ทีม Middelfart
ดูเหมือนว่าจะขยับการซื้อขายนักเตะช้ากว่าทีมอื่นจริง ๆ สำหรับทีม Manchester United ยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ Erik Ten Hak กุนซือชาวดัตช์ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าทีมปีศาจน่าจะคว้านักเตะคนแรกได้แล้ว ซึ่งมีนามว่า “Tyrell Malacia” แบ็คซ้ายวัย 22 ปีชาวเนเธอร์แลนด์ จากสโมสร Feyenood Rotterdam ใน Eredivisie League และเป็นการปาดหน้าทีม Olympique Lyon ที่เคยยื่นข้อเสนอมาก่อนหน้านี้ ว่าแต่เจ้าหนูคนนี้เป็นใครมาจากไหนและมีสไตล์การเล่นเป็นอย่างไร มาลองทำความรู้จักอย่างคร่าว ๆ กันครับ Tyrell Malacia ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1999 ณ เมืองรอตเตอร์ดัม ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีคุณพ่อเป็นคนประเทศคูเรเซา และคุณแม่เป็นคนประเทศซูรินาม โดยทาง Tyrell ให้ความสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ และได้เข้าเป็นนักเตะในระดับเยาวชนกับทางสโมสร Feyenood Rotterdam ตั้งแต่อายุเพียง 9 ขวบเท่านั้น Tyrell ได้รับการฝึกฝนและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2015 เขาก็ได้รับสัญญานักเตะระดับอาชีพอย่างเป็นทางการ ก่อนจะถูกผลักดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ในปี 2017 ซึ่งนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นคือศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในเกมที่ทีมของเขาเอาชนะ
อุรุกวัยคือหนึ่งในประเทศที่ผลิตนักเตะฝีเท้าดีระดับโลกมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็น Diego Forlan, Luis Suarez, Edinson Cavani, Alvaro Recoba, Diego Godin เป็นต้น พวกเขาส่งออกนักเตะเหล่านี้ไปลุยลีกใหญ่ในยุโรปและมีส่วนช่วยให้ทีมเหล่านั้นกวาดแชมป์มาเป็นว่าเล่น แม้นักเตะที่กล่าวมาบางคนจะเลยจุดพีคมาแล้ว หรือบางคนก็รีไทร์ไปแล้ว แต่ประเทศอุรุกวัยก็สามารถผลิตนักเตะฝีเท้าดีขึ้นมาทดแทนได้โดยตลอด ตัวอย่างเช่น Darwin Gabriel Núñez Ribeiro หรือที่ใครรู้จักกันในชื่อสั้น ๆ ว่า “Darwin Núñez” กองหน้าฟอร์มร้อนแรงวัย 23 ปีที่จรดปากกาเซ็นสัญญากับทีม Liverpool ไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยค่าตัวรวมกับแอดออนสูงถึง 85 ล้านปอนด์ เส้นทางการก้าวกระโดดขึ้นมาสู่ทีมยักษ์ใหญ่ของ Núñez เรียกได้ว่ารวดเร็วมาก ๆ เพราะถ้าย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2017 เขาเพิ่งจะขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของ Peñarol สโมสรในบ้านเกิดของตัวเองไปหมาด ๆ เข้าสู่ฟุตบอลอาชีพในวัย 14 ปี Darwin Núñez ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1999 ณ เมืองอาร์ติกาส ประเทศอุรุกวัย
เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลอันย่ำแย่โดยแท้จริงสำหรับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยนักเตะซุปเปอร์สตาร์ค่าตัวแพงมากมาย แต่กลับต้องหล่นจากทีมลุ้นแชมป์กลายมาเป็นทีมที่ต้องลุ้นพื้นที่ไปยูโรป้าลีกแทน ถึงแม้ว่าจะมีการปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ไปกลางฤดูกาล และได้ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีมขัดตาทัพชั่วคราว แต่ผลงานกลับไม่กระเตื้องขึ้นทำเอาแฟนบอลปีศาจแดงไม่อยากจะเสียเวลาเปิดดูแมตช์การแข่งขันกันเลยทีเดียว แน่นอนว่านอกจากแทคติกของโค้ชที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่บรรดานักเตะฟอร์มห่วยก็มีส่วนกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้นเช่นกัน ใครที่ได้ชมเกมการแข่งขันจะพบว่ามีนักเตะหลาย ๆ คนเล่นบอลเหมือนไม่มีแพชชั่น ขาดความกระหายในการไล่ล่าชัยชนะ มันแตกต่างจากนักเตะทีมลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือลิเวอร์พูล โดยสิ้นเชิง เอาจริง ๆ ก็เทียบไม่ได้กับทีมที่ลุ้นพื้นที่ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, อาร์เซนอล และเชลซี เลยด้วยซ้ำ ปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเป็นสิ่งแรกที่เอริก เทน ฮาก ว่าที่กุนซือคนใหม่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะต้องจัดการเป็นอย่างแรกเพื่อปรับปรุงทีมให้เข้ารูปเข้ารอย และเป็นการคัดกรองนักเตะจากความรอยัลตี้ที่มีต่อสโมสรด้วยเช่นกัน และนี่คือเหล่าบรรดานักเตะที่ในฤดูกาลนี้สอบตกอย่างรุนแรง พอล ป๊อกบา กองกลางชาวฝรั่งเศสที่มีทรงผมโดดเด่นกว่าฝีเท้า ป๊อกบาถูกปีศาจแดงในยุคของโจเซ่ มูริญโญ่ซื้อตัวกลับมาจากยูเวนตุสด้วยค่าตัวสูงถึง 89.3 ล้านปอนด์ พร้อมกับการขายคอนเทนตด้วยคำว่า “Pogback” เขามาพร้อมกับความคาดหวังของบรรดาแฟนบอลที่อยากจะเห็นเข้าโชว์ฝีเท้าเทพ ๆ เหมือนสมัยที่วาดลวดลายกับทีมม้าลาย อย่างไรก็ตามตลอด 6 ฤดูกาลที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
การโยกย้ายสโมสรของบรรดานักเตะในโลกฟุตบอลก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนโยบายของแต่ละทีมก็ต้องการสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ ทีมงบน้อยก็ใช้น้อย ทีมงบเยอะก็ใช้เยอะ แตกต่างกันออกไปตามขนาดของสโมสร แต่การย้ายสโมสรจะกลายเป็นเรื่องไม่ปกติทันทีหากนักเตะคนใดคนหนึ่งตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมคู่อริ และนี่คือ 5 แข้งจูดาสแห่งพรีเมียร์ลีกที่โลกฟุตบอลไม่มีวันลืม 1.ไมเคิล โอเว่น ไมเคิล โอเว่น เจ้าของฉายาเบบี้โกลด์ เขาเคยเป็นเจ้าหนูนักเตะที่ฝีเท้าเจิดจรัสแสงตั้งแต่อายุยังไม่ 20 ปี ด้วยความเร็ว ความคม และการกระชากบอลหนีกองหลังอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก ปี 1998 กับแมตช์ที่พบกับทีมชาติอาร์เจนตินา แม้ว่าทีมชาติอังกฤษจะตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในเกมวันนั้นคนที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือโอเว่น กับจังหวะที่เลี้ยงหลบผู้เล่นทัพฟ้าขาวเข้าไปยิงมันบ่งบอกถึงความสุดยอดของเบบี้โกลด์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาเดอะค็อปต่างยกย่องให้โอเว่นกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ประจำถิ่นแอนฟิลด์ และมองว่าเขาคนนี้นี่แหล่ะที่จะกลายมาเป็นฮีโร่ของการทวงแชมป์ลีกสูงสุดในเกาะอังกฤษกลับมาให้ได้ แต่แล้วบรรดากองเชียร์ทีมหงส์แดงก็ต้องฝันสลาย ในฤดูกาล 2004-2005 ทางโอเว่นตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด แต่เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีโอกาสลงเล่นไม่ได้มากตามที่คาดหวังไว้ จนสุดท้าย Owen ก็อยู่่ในสเปนได้เพียแค่ 1 ฤดูกาลก่อนตัดสินใจกลับประเทศอังกฤษเพื่อมาร่วมทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โอเว่นใช้เวลาอยู่ในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ทั้งหมด 4 ฤดูกาล แต่ลงเล่นรวมไปเพียง 79 นัด ยิงได้