Football

ย้อนรอยฟุตบอลโลก 2002 : ความสุดยอดของ 3R และผลการแข่งขันค้านสายตาของเกาหลีใต้

By: JEDDY October 19, 2022

ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับฟุตบอลโลกปี 2022 ซึ่งปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จะจัดขึ้นในดินแดนย่านตะวันออกกลาง ประเทศกาตาร์ มีทีมชาติที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาทั้งหมด 32 ทีมเช่นเดิม นำโดยขาประจำอย่างบราซิล, อาร์เจนตินา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และอีกมากมาย แต่ที่ขาดไปคือทีมชาติอิตาลี ที่กระเด็นตกรอบคัดเลือกไปอย่างน่าเสียดาย

สำหรับเกมแรกของฟุตบอลโลกในครั้งนี้จะเริ่มต้นนัดแรกในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2022 เป็นการพบกันระหว่างกาตาร์ปะทะเอกวาดอร์ ส่วนนัดชิงชนะเลิศจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 2022 ณ สนาม Lusail Iconic Stadium ที่สามารถจุคนดูได้ถึง 80,000 ที่นั่ง

แต่ก่อนจะได้ไปสนุกกับมหกรรมกีฬาที่ทั่วโลกรอคอย ทาง Unlockmen ขอเรียกน้ำย่อยด้วยการพาทุกคนย้อนไปสู่ฟุตบอลโลก ปี 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดร่วมกัน ซึ่งฟุตบอลโลกในครั้งนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ถูกพูดถึงมากมาย และเป็นเรื่องราวที่โลกลูกหนังไม่มีวันลืมได้ลงอย่างเด็ดขาด จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง เรานั่งไทม์แมชชีนย้อนไปดูพร้อม ๆ กันเลยครับ


ฝรั่งเศสตกรอบแรก / เซเนกัล ม้ามืดตัวจริง

ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น ทีมตราไก่ฝรั่งเศสถูกยกให้เป็นตัวเต็งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2002 เนื่องจากศักดิ์ศรีของการเป็นแชมป์เก่าเมื่อปี 1998 แถมยังคว้าแชมป์ยูโร 2000 มาได้อีก รวมไปถึงบรรดาทัพนักเตะยังแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง นำทีมโดย Zinedine Zidane, Patrick Vieira, Thierry Henry, Youri Djorkaeff, Lilian Thuram, Fabien Barthez และ David Trezeguet เป็นต้น อีกทั้งอยู่ในกลุ่มร่วมกับทีมชาติเซเนกัล, อุรุกวัย และเดนมาร์ก ซึ่งก็ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสน่าจะกรุยทางสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ไม่ยากเย็นนัก

แต่แล้วแฟนฟุตบอลทั่วโลกต่างต้องตกตะลึงตั้งแต่นัดเปิดสนาม ในเกมระหว่างฝรั่งเศสกับเซเนกัล ทีมน้องใหม่จากทวีปแอฟริกาที่เพิ่งมาเล่นฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แม้บรรดานักเตะจะโนเนม แต่ด้วยพละกำลังและทีมเวิร์กทำให้พวกเขาสามารถโค่นแชมป์เก่าลงไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 จากการทำประตูของ Papa Bouba Diop ในนาทีที่ 30

เท่านั้นยังไม่พอฝรั่งเศสยังฟอร์มตกต่อเนื่องด้วยการเสมอกับอุรุกวัยไป 0-0 ต่อด้วยการแพ้เดนมาร์กไป 2-0 ส่งผลให้อดีตแชมป์โลกตกรอบแรกด้วยการเป็นอันดับสุดท้ายของกลุ่ม A แตกต่างกับทีมเซเนกัลที่สามารถผ่านเข้ารอบได้ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม และสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อีกด้วย ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติตุรกีไป 0-1 แต่นั่นก็ถือว่ามาไกลเกินคาดแล้วสำหรับทีมน้องใหม่

หลังจากจบฟุตบอลโลก 2002 มีนักเตะทีมชาติเซเนกัลได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีมดัง ๆ มากมาย เช่น El Hadji Diouf และ Salif Diao ไปอยู่กับ Liverpool และ Papa Bouba Diop ไปอยู่กับ Fulham ปี 2004


DAVID BECKHAM ล้างแค้นอาร์เจนติน่า

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะจำกันได้ดีกับนัดระหว่างทีมชาติอังกฤษและทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งในวันนั้นทีมฟ้าขาวเอาชนะจุดโทษไปได้ 4-3 หลังในเวลาเสมอกันที่ 2-2 ส่งผลให้ทีมสิงโตคำรามตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่สิ่งที่ทุกคนจดจำในวันนั้นได้เป็นอย่างดีคือเหตุการณ์โดนใบแดงของ David Beckham ที่ฟาดขาใส่ Diego Simeone จนทำให้แฟนบอลอังกฤษต่างตราหน้า Beckham ให้กลายเป็นแพะรับบาป อีกทั้งยังเป็นความบาดหมางระหว่าง 2 นักเตะคู่กรณีด้วยเช่นกัน

จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านมาอีก 4 ปีในฟุตบอลโลกปี 2002 ทั้ง 2 ทีมก็ต้องโคจรมาพบกันอีกครั้งตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม แต่ในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะชัยชนะกลับมาเป็นของทีมชาติอังกฤษแทน โดยพวกเขาคว่ำอาร์เจนติน่าไปด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกจุดโทษในนาทีที่ 44 ซึ่งคนที่สังหารก็คือ David Beckham นั่นเอง หลังจากที่บอลเข้าไปตุงตาข่าย Beckham ก็วิ่งดีใจระบายความอัดอั้นออกมาได้อย่างหมดจด เป็นการล้างความกดดันที่แบกมาเนิ่นนานกว่า 4 ปี

ส่วนผลงานของทั้ง 2 ทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็แตกต่างกันเช่นกัน เพราะอาร์เจนติน่าตกรอบแรก ส่วนทีมชาติอังกฤษตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติบราซิล


ตุรกีสร้างเซอร์ไพรส์คว้าอันดับ 3 

อีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้นในฟุตบอลโลกปี 2002 คือการคว้าอันดับ 3 ของทีมไก่งวงตุรกีนั่นเอง เป็นอีก 1 ทีมม้ามืดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะมาไกลได้ขนาดนี้ แต่ด้วยสปิริตและทีมเวิร์กก็ส่งผลให้พวกเขาสร้างชื่อเสียงจนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งทัวร์นาเมนต์

เริ่มตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาจบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ซึ่งมีทีมบราซิล, คอสตาริกา และจีน อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งก็ต้องบอกว่าคะแนนฉิวเฉียดมาก ๆ เพราะตุรกีเก็บได้ 4 แต้มเท่ากับคอสตาริกา แต่ประตูได้เสียดีกว่า ก่อนจะทะลุเข้ามาปราบญี่ปุ่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปด้วยสกอร์ 1-0, ปราบเซเนกัลรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 1-0 เช่นกัน ก่อนจะมาพ่ายแพ้ให้กับบราซิลในรอบ 4 ทีมด้วยสุดท้ายไปด้วยสกอร์ 1-0 และปิดฉากด้วยการเอาชนะเกาหลีใต้ไปได้ 3-2 ในนัดชิงที่ 3

นักเตะของตุรกีที่โดดเด่นมากในฟุตบอลโลกปี 2002 คงต้องยกให้ Rustu Recber นายทวารจอมหนึบที่สร้างสีสันด้วยการทาหน้าทาตาลงสนาม และด้วยผลงานที่โดดเด่นทำให้เจ้าตัวได้มีโอกาสย้ายไป Barcelona ในปีถัดมา


ผลงานค้านสายตาคนทั้งโลกของเกาหลีใต้

แม้จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกแต่ชื่อของเกาหลีใต้ ณ เวลานั้นคงไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศได้อย่างแน่นอน แถมมันยังมีหลายเหตุการณ์ที่ค้านสายตาคอฟุตบอลทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาอยู่ร่วมกับทีมชาติสหรัฐอเมริกา, โปรตุเกส และโปแลนด์ ซึ่งทีมพลังโสมก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดด้วยการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในฐานะแชมป์กลุ่ม จากผลงานชนะ 2 เสมอ 1 แต่ดราม่ามันบังเกิดหลังจากนี้ต่างหาก

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เกาหลีใต้เข้าไปพบกับทีมชาติอิตาลีที่นำโดยสตาร์คับคั่ง ทั้ง Francesco Totti, Alessandro Del Piero, Paolo Maldini, Gianluigi Buffon และ Christian Vieri ดูจากชื่อชั้นแล้วดูยังไงทีมเจ้าภาพก็ต่อกรได้ยากจริง ๆ ส่วนรูปเกมก็เป็นไปตามคาด เมื่อทีมชาติอิตาลีขึ้นนำไปก่อนจากลูกโหม่งของ Vieri ในนาทีที่ 18 

โดยตลอดทั้งเกมทีมมักกะโรนีมีโอกาสบุกและยิงเยอะมาก แต่ก็ทำเสียของไปซะทั้งหมด จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงนาทีที่ 88 เกาหลีใต้ก็มาได้ประตูตีเสมอจากลูกยิงของ Seol Ki-Hyeon ทำให้ต้องยืดเยื้อไปสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ซึ่งในตอนนั้นยังใช้กฏ Golden Goal อยู่ คือใครยิงเข้าก่อนจะจบเกมโดยทันที

ในช่วงต่อเวลาก็ยังคงเป็นทีมชาติอิตาลีทำผลงานได้ดีกว่า โดยเฉพาะจังหวะที่ Totti หนีกองหลังเกาหลีใต้จะเข้าไปจบสกอร์ แต่กลับโดนเสียบสกัด ซึ่งดูยังไงอิตาลีต้องได้จุดโทษแน่นอน แต่แล้วทุกคนต่างต้องงงกับคำตัดสิน เมื่อกรรมการกลับแจกใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงในข้อหาพุ่งลุ้มให้กับ Totti ซะอย่างงั้น เมื่อตัวผู้เล่นเยอะกว่า เกาหลีใต้ก็บุกแหลกจนมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 117 จากลูกโหม่งของ Ahn Jung-Hwan ทำเอาแฟนทีมชาติอิตาลีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เท่านั้นยังไม่พอในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเกาหลีใต้ยังเอาชนะทีมชาติสเปนจากการดวลจุดโทษไปได้อีก 5-3 และก็เป็นอีกครั้งที่ผลการแข่งขันค้านทุก ๆ สายตา อย่างไรก็ตามสุดท้ายทีมเจ้าภาพก็ตกรอบ 4 ทีมสุดท้าย หลังจากพ่ายให้กับทีมชาติเยอรมนีไป 0-1 ตามมาด้วยแพ้ชาติตุรกีในนัดชิงที่ 3 ไปด้วยสกอร์ 2-3


3R พาบราซิลคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5

หากใครเป็นแฟนเกม Winning Eleven ในช่วงปลาย 90’s ถึงต้น ๆ 2000’s คงจะทราบกันดีว่าทีมที่มีนักเตะระดับสปีด 9 มันได้เปรียบสำหรับการเล่นขนาดไหน และทีมที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ก็มักจะเป็นทีมชาติบราซิล เพราะมีทั้ง Ronaldo กองหน้าระดับพระกาฬในยุคนั้น รวมไปถึงมี Roberto Carlos แบ็คซ้ายตีนระเบิด ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีสปีดอันรวดเร็ว จนหลาย ๆ คนมักจะจับมายืนเป็นกองหน้าคู่กันเวลาเล่นเกม Winning Eleven

และสำหรับในชีวิตจริงทีมชาติบราซิลในช่วงเวลาก็เป็นยอดทีมที่แข็งแกร่งเกินต้านทาน โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่นำทัพโดย 3R แนวรุกในตำนาน ประกอบไปด้วย Ronalno (R9), Rivaldo และ Ronaldinho ทั้ง 3 คนประสานงานโจมตีคู่ต่อสู่ได้อย่างน่ากลัว มีรูปแบบการจบสกอร์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะ Ronaldo ที่ระเบิดฟอร์มกองหน้าระดับเวิร์ลคลาสคว้าตำแหน่งดาวซัลโวด้วยจำนวน 8 ประตู โดยเฉพาะ 2 ลูกสุดท้ายในนัดชิงชนะเลิศที่เขาซัดใส่ทีมชาติเยอรมนี ช่วยพาบราซิลคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 ได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากที่ผิดหวังมาในปี 1998

ส่วน Ronaldinho ชั่วโมงนั้นกำลังเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง และค้าแข้งอยู่กับทีม PSG ในเลิกเอิงฝรั่งเศส ในทัวร์นาเมนต์นี้ทุกคนต่างยังคงตราตรึงกับลูกฟรีคิกที่ยิงข้ามหัวใส่ David Seaman นายทวารทีมชาติอังกฤษชนิดที่เสียท่าไปเลย ในส่วนของ Rivaldo ตอนนั้นถือว่าเก๋าประสบการณ์มากที่สุด ซึ่งเขายิงรวมกันได้ถึง 5 ประตู แถมยังชิงความได้เปรียบให้กับทีมในรอบ 4 ทีมสุดท้าย ด้วยการโอเวอร์แอคติ้งจนผู้เล่นทีมชาติตุรกีที่โยนบอลใส่ตัวเขาต้องถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม

แต่นอกเหนือจากแนวรุกแล้ว ในบรรดาผู้เล่นตำแหน่งอื่น ๆ ก็สุดยอดไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่ Marcos กับตำแหน่งผู้รักษาประตู ส่วนแนวรับที่มีทั้ง Cafu, Roberto Carlos, Lucio และ Roque Junior แผงมิดฟิลด์นำโดย Gilberto Silva, Edmilson และ Kleberson ฝั่งตัวสำรองก็มีทั้ง Dida, Juninho, Denilson, Luizao รวมไปถึง Kaka ที่ตอนนั้นเพิ่งจะมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น

อีกส่วนหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือ Luiz Felipe Scolari ที่วางแทคติคมาได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการเอนเตอร์เทนแฟนบอลด้วยเกมรุกสุดเร้าใจจนทำให้ทีมประสบความสำเร็จในที่สุด


ทั้งหมดนี้คือโมเมนต์สำคัญของฟุตบอลโลกปี 2002 หวังว่ามันจะช่วยอุ่นเครื่องการชมฟุตบอลโลกปี 2022 ของทุกคนให้ตื่นเต้นและสนุกมากยิ่งขึ้นนะครับ

 

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line