Football

จงรักภักดีคืออะไร! 5 แข้ง “ทรยศ” แห่งพรีเมียร์ลีกที่โลกฟุตบอลไม่มีทางลืม

By: JEDDY May 10, 2022

การโยกย้ายสโมสรของบรรดานักเตะในโลกฟุตบอลก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนโยบายของแต่ละทีมก็ต้องการสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ตั้งเอาไว้ ทีมงบน้อยก็ใช้น้อย ทีมงบเยอะก็ใช้เยอะ แตกต่างกันออกไปตามขนาดของสโมสร แต่การย้ายสโมสรจะกลายเป็นเรื่องไม่ปกติทันทีหากนักเตะคนใดคนหนึ่งตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมคู่อริ และนี่คือ 5 แข้งจูดาสแห่งพรีเมียร์ลีกที่โลกฟุตบอลไม่มีวันลืม


1.ไมเคิล โอเว่น

ไมเคิล โอเว่น เจ้าของฉายาเบบี้โกลด์ เขาเคยเป็นเจ้าหนูนักเตะที่ฝีเท้าเจิดจรัสแสงตั้งแต่อายุยังไม่ 20 ปี ด้วยความเร็ว ความคม และการกระชากบอลหนีกองหลังอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก ปี 1998 กับแมตช์ที่พบกับทีมชาติอาร์เจนตินา แม้ว่าทีมชาติอังกฤษจะตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในเกมวันนั้นคนที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือโอเว่น กับจังหวะที่เลี้ยงหลบผู้เล่นทัพฟ้าขาวเข้าไปยิงมันบ่งบอกถึงความสุดยอดของเบบี้โกลด์ได้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจที่เหล่าบรรดาเดอะค็อปต่างยกย่องให้โอเว่นกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ประจำถิ่นแอนฟิลด์ และมองว่าเขาคนนี้นี่แหล่ะที่จะกลายมาเป็นฮีโร่ของการทวงแชมป์ลีกสูงสุดในเกาะอังกฤษกลับมาให้ได้

แต่แล้วบรรดากองเชียร์ทีมหงส์แดงก็ต้องฝันสลาย ในฤดูกาล 2004-2005 ทางโอเว่นตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมราชันย์ชุดขาว เรอัล มาดริด แต่เขาก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มีโอกาสลงเล่นไม่ได้มากตามที่คาดหวังไว้ จนสุดท้าย Owen ก็อยู่่ในสเปนได้เพียแค่ 1 ฤดูกาลก่อนตัดสินใจกลับประเทศอังกฤษเพื่อมาร่วมทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

โอเว่นใช้เวลาอยู่ในถิ่นเซนต์ เจมส์ ปาร์ค ทั้งหมด 4 ฤดูกาล แต่ลงเล่นรวมไปเพียง 79 นัด ยิงได้ 30 ประตู สาเหตุที่มีโอกาสลงน้อยขนาดนี้ก็เพราะว่าเจ้าตัวต้องเผชิญอาการบาดเจ็บอยู่เป็นประจำนั่นเอง และถึงแม้ทีมสาลิกาดงจะประคบประหงมเขาดีขนาดไหน แต่สุดท้ายโอเว่นก็ตัดสินใจเลือกที่จะอำลาสโมสรแห่งนี้อยู่ดี

การย้ายทีมไปอยู่กับเรอัล มาดริด ก็ทำให้แฟน ๆ ลิเวอร์พูลรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว แต่โอเว่นกลับเปลี่ยนการเสียใจเป็นแรงเกลียดชังแทนเพราะเขาเลือกที่ย้ายไปอยู่กับทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดซะอย่างงั้น เล่นเอาบรรดากองเชียร์หลาย ๆ คนเผาเสื้อเผารูปโอเว่นกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามแม้โอเว่นจะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้สมใจ แต่เขาก็ไม่ใช่ตัวเลือกหลักของทีมอยู่ดี เพราะอาการบาดเจ็บยังคงคอยรบกวนความต่อเนื่อง เขาใช้เวลาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดไปทั้งสิ้น 3 ฤดูกาล ก่อนจะย้ายไปแขวนสตั๊ดกับสโต๊ก ซิตี้


2.เอมมานูเอล อเดบายอร์

แม้ไม่ใช่การย้ายไปร่วมทีมคู่อริ แต่เอมมานูเอล อเดบายอร์กองหน้าชาวโตโกก็สร้างความแสบทรวงให้กับเหล่ากูนเนอร์สได้อย่างร้ายกาจ

อเดบายอร์ถูกอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล กระชากตัวมาร่วมทีมจากโมนาโกด้วยค่าตัวเพียง 3 ล้านปอนด์ เขาถูกตั้งฉายาว่า “เบบี้ คานู” โดยตลอดระยะเวลา 3 ฤดูกาลครึ่งในถิ่นไฮบิวรี่ ฝีเท้าของอเดบายอร์ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตามลำดับ แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะอำลาทีมผู้ปลุกปั้นเขาให้กลายเป็นยอดศูนย์หน้าเพื่อไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตอนนั้นกำลังอยู่ในช่วงฟาดเงินอย่างบ้าคลั่งเพื่อสร้างทีมให้แข็งแกร่ง

แน่นอนว่าการย้ายไปร่วมทีมเรือใบสีฟ้าแฟน ๆ ปืนใหญ่คงไม่ได้อะไรมากมาย แต่แล้วความโกรธแค้นก็พวยพุ่งออกมาแบบไม่อาจหยุดยั้งได้ในเกมที่พบกับอดีตต้นสังกัดของเขา ในนัดนั้นอเดบายอร์โหม่งทำประตูให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนีห่างอาร์เซนอลเป็น 3-1 และแทนที่เจ้าตัวจะไม่แสดงอาการดีใจเพื่อเป็นการเคารพให้ต้นสังกัดเก่า แต่เขากลับเลือกวิ่งหน้าตั้งมาสไลด์เข่าใส่บริเวณอัฒจันทร์ของฝั่งกองเชียร์อาร์เซนอลแทน ทำให้เหล่าบรรดาพลพรรคแฟนบอลปืนใหญ่ตะโกนสาปแช่งกันอย่างบ้าคลั่ง บางคนก็เขวี้ยงสิ่งของลงมาในสนาม บรรยากาศมันโกลาหลมาก ๆ ในช่วงเวลานั้น 

เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่พูดถึงในชั่วข้ามคืนและเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงจวบจนทุกวันนี้


3.โซล แคมป์เบลล์

ยังคงอยู่กับทีมอาร์เซนอล แต่เคสนี้เป็นการที่ทีมปืนใหญ่ไปดึงเอานักเตะจากทีมอริตลอดกาลร่วมเมืองลอนดอนอย่าง ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส มาร่วมทีม

ในฤดูกาล 2001/2002 อาร์เซนอลทำสิ่งที่ช็อกแฟนบอลด้วยการกระชากตัวโซล แคมป์เบลล์ มาร่วมทีมแบบฟรี ๆ หลังจากหมดสัญญากับสเปอร์ส พร้อมรับค่าเหนื่อยสูงสุดในเกาะอังกฤษ ณ เวลานั้น งานนี้เล่นเอาแฟนบอลไก่เดือยทองหัวร้อนกันไปตาม ๆ กัน และมันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขนาดที่แคมป์เบลล์โดนเหยียดผิวและขู่ทำร้ายร่างกายเลยทีเดียว

แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็นนักเตะที่ทรยศ แต่การตัดสินใจครั้งนี้แคมป์เบลล์ก็ทำได้อย่างถูกต้อง เพราะเขาประสบความสำเร็จกับอาร์เซนอลเป็นอย่างมากด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 2 สมัย โดยเฉพาะในฤดูกาล 2003/2004 กับแชมป์ไร้พ่ายแห่งประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นแคมป์เบลล์ ยังพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัฟได้อีก 3 สมัย และ คอมมูนิตี้ชีลด์ อีก 1 สมัย

ภายหลังเจ้าตัวได้ยอมรับว่าสาเหตุการย้ายทีมเพราะไม่พอใจนโยบายของสโมสรที่ประเคนค่าเหนื่อยให้นักเตะต่างชาติมากกว่านักเตะท้องถิ่น แต่เหตุผลนั้นมันก็ไม่อาจจะลบความขุ่นเคืองของแฟนบอลสเปอร์สไปได้เลยแม้แต่น้อย


4.เอริค คันโตน่า

อีกหนึ่งดีลแห่งประวัติศาสตร์และเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 1992 ปีศาจแดงตัดสินใจควักเงิน 1 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว เอริค คันโตน่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสมาจากลีดส์ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลจากสงครามดอกกุหลาบ งานนี้แฟนบอลยูงทองก็รวมตัวกันแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน เพราะคันโตน่าคือนักเตะคนสำคัญของสโมสร แต่ในทางกลับกันบรรดาแฟนบอลของทีมปีศาจแดงต่างรู้สึกดีใจกับดีลนี้เป็นอย่างมาก

ทันทีที่คันโตน่าย้ายเข้ามาอยู่กับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปโดยทันที เขากลายมาเป็นนักเตะคีย์แมนสำคัญของทีม, มีอิทธิพลต่อห้องแต่งตัว และเป็นนักเตะที่มีสไตล์สุดอาร์ตแบบหาตัวจับยาก เท่านั้นยังไม่พอในฤดูกาลแรกของเขาก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมีย์ลีกได้โดยทันที ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นยุคทองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกด้วย

อย่างไรก็ตามคันโตน่าลงเล่นให้กับปีศาจแดงไปทั้งหมด 5 ฤดูกาลก่อนจะตัดสินใจแขวนสตั๊ดแบบช็อกโลกทั้ง ๆ ที่อายุเพียง 31 ปีเท่านั้น แต่เขาก็ได้ทิ้งความสำเร็จเอาไว้จากถ้วยพรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัฟ 2 สมัย และเอฟเอ คอมมูนิตี้ชีลด์ อีก 3 สมัย

สำหรับเคสการย้ายทีมจากลีดส์ ยูไนเต็ดมาสู่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้มีเพียงคันโตน่าเท่านั้น แต่ยังมีริโอ เฟอร์ดินานและอลัน สมิธ ด้วยเช่นกัน


5.คาร์ลอส เตเบซ

คาร์ลอส เตเบซ กองหน้าชาวอาร์เจนติน่า กลายเป็นนักเตะที่เหล่าบรรดาแฟนบอลปีศาจแดงเกลียดขี้หน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

เตเบซย้ายมาค้าแข้งกับทีมปีศาจแดงในฤดูกาล 2007/2008 ด้วยสัญญายืมตัวจากทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด และได้กลายมาเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกด้วยการประสานงานอันยอดเยี่ยมระหว่างเวย์น รูนีย์และคริสติอาโน่ โรนัลโด้ จนถูกขนานนามโดยสื่อกีฬาของไทยว่า “โด้ เตฟ รูน”

เตเบซ เป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยแพชชั่น ทุ่มเททุกนัดที่ลงสนาม มีแรงเท่าไหร่ใส่สุดเสมอ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แฟนบอลก็ต่างรู้สึกและสัมผัสมันได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะกลายเป็นอีกหนึ่งนักเตะที่แฟนบอลต่างโปรดปราน รวมไปถึงเตเบซยังมีส่วนร่วมในการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่า แชมป์เปียนลีก 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, สโมสรโลก 1 สมัย และคอมมูนิตี้ ชิลด์ อีก 1 สมัย

ทุกอย่างดูลงตัวและสวยงาม แฟนบอลต่างคาดหวังให้เตเบซเซ็นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแบบถาวรซักที แต่สุดท้ายมันกลับไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง เพราะมีการเจรจาที่ไม่ลงตัว และก็กลายเป็นทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อริร่วมเมืองคว้าตัวเตเบซไปร่วมทีม

ในตอนแรกแฟนบอลปีศาจแดงต่างรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นเตเบซอยู่ในทีมรักของตนเอง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในฤดูกาล 2011/2012 เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และเตเบซก็ทำในสิ่งที่ทำให้เหล่าแฟนบอลของอดีตต้นสังกัดคาดไม่ถึงด้วยการชูป้าย “R.I.P. FERGIE” พร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างภาคภูมิใจในระหว่างที่อยู่ในขบวนฉลองแชมป์ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติต่อเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยแท้จริง กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของบรรดาสื่อต่าง ๆ และแฟนบอลที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว และแน่นอนว่ามันกลายเป็นแค้นฝังหุ่นของเหล่าบรรดาแฟนบอลปีศาจแดงที่แม้จะผ่านไปกี่ปีก็ไม่มีทางลบความโกรธให้จางหายไปได้แต่อย่างใด


 

 

JEDDY
WRITER: JEDDY
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line