การได้เห็นนักเตะจากเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปค้าแข้งในยุโรปดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว โดยเฉพาะในเวทีพรีเมียร์ลีกที่มีนักเตะเชื้อชาติเหล่านี้เฉิดฉายและสร้างชื่อเสียงมาตลอดระยะเวลาเกือบ ๆ 20 ปี ไม่ว่าจะเป็น Hidetoshi Nakata, Junichi Inamoto, Park Ji-Sung, Shinji Kagawa, Shinji Okazaki, Son Heung Min เป็นต้น และล่าสุดกับกองหลังวัย 23 ปี นามว่า “Takehiro Tomiyasa” ที่ย้ายข้ามฝากมาจากทีม Bologna ในอิตาลี มาสู่เมืองลอนดอนกับทีมไอปืนใหญ่ Arsenal Tomiyasu เป็นคนที่หลงใหลกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขามีทักษะที่โดดเด่นเกินวัยและดูเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน โดยเฉพาะความเร็วอันจัดจ้านจนไปเตะตาแมวมองนามว่า Kanji Tsuji ถึงขนาดยอมลงทุนไปพูดคุยกับผู้ปกครองของ Tomiyasu เพื่อให้เขาได้มีเวลาฝึกฝนฝีมือให้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งโชคดีที่ทางบ้านเข้าใจและมองเห็นอนาคตในอาชีพนักฟุตบอล จนทำให้ Tomiyasu ได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อระดับประถมที่โรงเรียน Sanchiku จนกระทั่งวัย 11 ปี เขาก็เกือบได้ย้ายไปเล่นฟุตบอลที่ประเทศสเปนแล้ว แต่สุดท้ายมันกลับล้มเหลว ล้มเหลวกับการย้ายไป
แม้ว่าทีม Barcelona จะอยู่ในสภาพทีมที่ไม่สามารถลุ้นแชมป์ได้สนุกเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากสภาวะทางการเงินที่มีปัญหาอย่างหนัก จนทำให้ทีมต้องยอมขาย Lionel Messi ออกจากทีมไป แถมนักเตะใหม่ที่เข้ามาก็ยังทำผลงานได้ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ที่เห็นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้น Luuk De Jong กองหน้าชาวดัตช์ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเอาซะเลย รวมไปถึงนักเตะซีเนียร์ในทีมอีกหลาย ๆ คนก็เริ่มโรยรา ไม่ว่าจะเป็น Gerard Pique, Jordi Alba และ Sergio Busquets เป็นต้น แต่ถ้าจะให้มองอีกหนึ่งมุมสโมสรแห่งนี้กำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผันจากยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ ผลผลิตนักตะจากแคมป์ลา มาเซีย กำลังค่อย ๆ ออกดอกออกผลมาให้ได้ยมโชมกัน ซึ่งแต่ละคนก็เริ่มฉายแววกับทีมชุดใหญ่ทั้ง ๆ ที่อายุอานามยังไม่ถึง 20 ปีกันเลยด้วยซ้ำ หนึ่งในดาวจรัสแสงเหล่านั้นคือ Pablo Martín Páez Gavira หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Gavi” มิดฟิลด์วัย 17 ปี สัญชาติสเปนที่ก้าวข้ามกับทีมชุดบีขึ้นมาเป็นตัวหลักของชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงถูกเรียกไปติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่แล้วเช่นเดียวกัน Gavi เริ่มเตะฟุตบอลตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบกับสโมสรในท้องถิ่นที่ชื่อว่า Liara Balompie และสามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนถูกแมวมองของทีม Real
นับเป็นข่าวที่น่าเสียดายสำหรับวงการฟุตบอล เมื่อ Sergio Agüero กองหน้าระดับเวิร์ลคลาสทีมชาติอาร์เจนตินา และสโมสรบาร์เซโลนา ตัดสินใจประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัยเพียง 33 ปี เนื่องจากมีปัญหาของภาวะหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ในเกมที่พบกับอลาเบสเมื่อเดือนตุลาคม หลังจากนั้น Agüero ก็ได้รับการรักษาจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งตัวเขาเองก็พยายามต่อสู้และมีความหวังที่จะกลับมาลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่สุดท้ายมันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะทีมแพทย์ได้แนะนำให้ Agüero เลิกเล่นเพื่อความปลอดภัยของตนเอง แต่มันก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดที่ต้องหันหลังให้กับสิ่งที่เขารักมาตลอดชั่วชีวิต สิ่งที่ Sergio Agüero ได้ฝากไว้ให้กับวงการฟุตบอลถือว่ายิ่งใหญ่มาก เขาคือกองหน้าสุดแสนอันตราย สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับฝั่งตรงข้ามด้วยทักษะและความรวดเร็ว มีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม และมีฝีเท้าระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเริ่มเจิดจรัสฉายแสงความเก่งกาจนับตั้งแต่เป็นนักเตะระดับเยาวชน ณ สโมสรอินดิเพนเดนเต้ ทำลายสถิติ DIEGO MARADONA ด้วยวัยเพียง 15 ปี Sergio Agüero เริ่มต้นความฝันบนผืนหญ้าในสนามฟุตบอลด้วยวัยเพียง 9 ขวบ ในฐานะนักเตะเยาวชนของทีมอินดิเพนเดนเต้ เขาได้รับแรงบันดาลใจอาชีพนักฟุตบอลมาจากคุณพ่อของเขา Agüero ใช้เวลาบ่มเพาะฝีเท้าอยู่กับทีมเยาวชนหลายปี จนกระทั่งในวันที่ 5 กรกฎาคม ปี 2003 เขาก็ได้สัมผัสเกมในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในฐานะตัวสำรองในเกมที่พบกับทีมคลับ แอตเลติโก ซาน ลอเรนโซ่
ตอกย้ำการเป็นนักเตะอันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง สำหรับ Lionel Messi นักเตะชาวอาร์เจนติน่าของสโมสรเปแอสเชที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ได้อย่างยิ่งใหญ่เป็นสมัยที่ 7 เบียดเอาชนะ Robert Lewandowski กองหน้าชาวโปแลนด์ของสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ตัวเต็งที่ใครหลายคนคาดว่าจะต้องได้รับรางวัลในปีนี้ รวมไปถึง Messi ยังเอาชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่าง Cristiano Ronaldo ไปได้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่ทำให้ Messi ได้รับคะแนนโหวตจนเข้าวินมาจากการพาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โคปา อเมริกาได้นั่นเอง อีกทั้ง Messi ยังได้ตำแหน่งดาวซัลโว 4 ประตู และทำได้อีก 5 แอสซิสต์ ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว และยังพาสโมสรเก่าบาร์เซโลน่าคว้าแชมป์โคปา เดล เรย์ มาครองได้ในฤดูกาลที่แล้ว รวมไปถึงยังสามารถยิงได้ 38 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ จากการลงสนามในทุก ๆ รายการ ในส่วนของ Robert Lewandowski นับว่าโชคร้ายสุด ๆ เพราะในฤดูกาล 2019/2020 เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 6 รายการ
นักเตะที่เก่งกาจ อาจจะไม่ใช่ผู้จัดการทีมที่เก่งกาจข้างสนาม คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่ไม่เกินเลยความจริง มีนักเตะระดับตำนานหลาย ๆ คนที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับตำแหน่งนี้ แต่ก็มีไม่น้อยที่ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยสมองอันปราดเปรื่องจนสามารถประสบความสำเร็จในตำแหน่งผู้จัดการทีมได้ หนึ่งในนั้นคือ “อันโตนิโอ คอนเต้” แม้จะประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะกับทีมยูเวนตุสอย่างยิ่งใหญ่ พาทีมกวาดแชมป์ได้ถึง 14 รายการตลอดระยะเวลาที่รับใช้ทีมม้าลาย 13 ปีเต็ม ๆ แต่เส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมของคอนเต้กลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะมันเลวร้ายย่ำแย่ถึงขนาดทำทีมตกชั้นก็เคยมาแล้ว แต่ทุกอุปสรรคทุกย่างก้าว ล้วนเป็นประสบการณ์ให้คอนเต้ได้ขัดเกลาฝีมือของตัวเองให้กลายมาเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ในโลกของฟุตบอล ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้น คอนเต้ได้รับโอกาสชิมลางในการเป็นผู้จัดการทีมด้วยตำแหน่งผู้ช่วยกับทีมเซียน่าในฤดูกาล 2005-2006 ซึ่งเขาทำงานร่วมกับ ลุยจิ ดิ คานิโอ ที่เป็นเฮดโค้ช ณ เวลานั้น แต่การเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมของคอนเต้กลับมาไวเกินคาด ในเดือนกรกฎาคมปี 2006 เขาได้รับโอกาสคุมทีมอเรซโซ่ ในซีเรียบี แต่การเริ่มต้นกลับต้องเจอความล้มเหลวอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาใช้เวลาคุมทีมเพียงแค่ 3 เดือนอก็ถูกไล่ออกจากผลงานทำทีมชนะได้เพียง 1 นัดจาก 12 เกมส์ แม้สุดท้าย อเรซโซ่ จะตัดสินใจดึงคอนเต้กลับมาคุมทีมอีกครั้งเพื่อกู้วิกฤติหนีตายจากโซนตกชั้น แต่เรื่องจริงก็ไม่เหมือนนิยาย เพราะคอนเต้ทำภารกิจไม่สำเร็จ ทีมของเขาต้องหล่นไปสู่ซีเรียซี 1 (ระดับดิวิชั่น 3) นับเป็นการเริ่มต้นที่น่าวิตกกังวลมากเลยทีเดียว ความสำเร็จแรกในฐานะผู้จัดการทีม
หากคุณต้องเจอกับความล้มเหลว คุณจะจัดการปัญหาเหล่านั้นอย่างไร? จะยอมแพ้เดินหนีไปหรือจะไม่ย่อท้อลุกขึ้นสู้กับมัน แต่สำหรับ Memphis Depay นักฟุตบอลชาวดัตช์เลือกที่จะทำอย่างหลัง ชายผู้เคยล้มเหลวในประเทศอังกฤษแต่กลับยืนหยัดกลับขึ้นมาผงาดได้ราวกับนกฟีนิกซ์ที่เกิดใหม่จากกองเถ้าถ่าน Memphis Depay เริ่มต้นเส้นทางบนโลกฟุตบอลตั้งแต่วัย 8 ขวบ เขาได้สร้างความประทับใจให้กับทีมงานแมวมองของทีม Sparta Rotterdam จนถูกจับไปเข้าร่วมทีมเพื่อปลุกปั้นเพาะพันธุ์เยาวชนแห่งโลกฟุตบอลในเนเธอร์แลนด์ จนกระทั่งอายุได้ 12 ปี จึงเริ่มขยับขยายสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพด้วยการเลือกเล่นให้กับทีมเยาวชนของ PSV Eindhoven ที่มีชื่อว่า “Jong PSV” ก้าวแรกกับ PSV EINDHOVEN ด้วยทักษะอันร้ายกาจจนเป็นที่เลื่องลือทำให้ในปี 2011 ทีมชุดใหญ่ของ PSV ได้เรียกตัว Depay มาทดสอบฝีเท้า และเขาก็ใช้เวลาไม่นาน ในเดือนกันยายนปี 2011 Depay ในวัย 17 ปี ได้เดบิวต์ทีมชุดใหญ่ในเกม KNVB Cup รอบ 2 ที่พบกับทีม VVSB เกมนั้นทีมของเขาถล่มคู่แข่งไป 8-0 หลังจากนั้นเวลาผ่านไป 5 เดือน Depay
หากจะให้พูดถึงผู้รักษาประตูที่มีฟอร์มการเล่นร้อนแรงมากที่สุดในชั่วโมงนี้ คงต้องยกให้ Edouard Mendy จากเชลซี และทีมชาติเซเนกัล จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในแนวรับของทีมสิงห์บลูส์ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา แต่กว่าที่ Mendy จะก้าวขึ้นมาเป็นนายทวารระดับโลก ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่ก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับคนที่ไม่ยอมละทิ้งความฝัน เขาใช้เวลา 6 ปีที่ผ่านพ้นช่วงเกือบจะถอดใจกับวงการฟุตบอลจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกได้น่าอัศจรรย์ “เมื่อไหร่ที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ มันทำให้ผมได้ตระหนักถึงเส้นทางในอาชีพของผม มันคือความจริงที่ว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อมาก! ผู้คนชอบพูดว่าการทำงานหนักจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และมันก็จริง ผมทำงานหนักมาก ๆ ผมยอมรับในเรื่องนี้ ผมเคยอยู่ที่มาร์กเซย, แร็งส์, แรนส์ และตอนนี้คือเชลซี มันมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะเติบโตขึ้นไปอีกขึ้นครับ” Edouard Mendy ให้สัมภาษณ์กับสโมสรเชลซีไว้เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2020 จุดเริ่มต้นที่เกือบกลายเป็นจุดจบ Mendy เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับทีมเยาวชน เลอ อาฟร์ ด้วยวัย 13 ปี ก่อนจะย้ายไปสโมสร ซีเอส มูนิซิปัล เลอ อาฟ และย้ายเข้าสู่ทีมฟุตบอลระดับซีเนียร์กับทีมเฌอบัว ในปี 2011 ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในลีก The Championnat National
เป็นสัปดาห์ที่แสนสาหัสของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยแท้จริง กับการพ่ายแพ้คู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูลในเกมแดงเดือดไปแบบเละเทะคาบ้านถึง 0-5 เป็นการพ่ายแพ้ทั้งสกอร์และรูปแบบแผนการเล่น บ่งบอกถึงความห่างชั้นของผู้จัดการทีมระหว่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์และเจอร์เกน คลอปป์ ได้เป็นอย่างดี ผลงานของโซลชาร์นับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก 5 นัดหลังสุดเก็บได้เพียง 4 แต้มและแพ้ไปถึง 3 เกมส์ด้วยกัน ยิ่งพอมามองตัวผู้เล่นที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ ก็ยิ่งตอกย้ำผลงานอันน่าผิดหวังของผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ผู้นี้แบบสุด ๆ และสมควรเดินลงจากตำแหน่งนี้ได้แล้ว และนี่คือ 5 เหตุผลว่าทำไมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรปลดโซลชาร์ 1.แผนการเล่นที่จำเจ ปัญหาหลักของปีศาจแดงในฤดูกาลนี้คือแผนการเล่น จริงอยู่ว่าในฤดูกาลที่แล้วมันใช้ได้ผล จนสามารถพาทีมจบอันดับ 2 ในลีกและรองแชมป์ยูโรป้าลีก แต่ในฤดูกาลนี้รูปแบบแผนการเล่นของทีมยังคงไม่ต่างจากเดิม ทำให้ทีมคู่แข่งจับทางได้หมด ในหลาย ๆ ครั้งเมื่อเจอทีมที่ใช้เกมรับแนวลึกก็มักจะสร้างปัญหาในการเข้าทำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้ต้องเสียคะแนนที่ควรจะได้โดยใช่เหตุ และปัญหาดังกล่าวมันก็ยิ่งเด่นชัดกับการพ่ายแพ้ลิเวอร์พูล เมื่อแผนการเล่นสุดจำเจไม่สามารถสร้างปัญหาใด ๆ ให้กับทีมหงส์แดงได้เลยแม้แต่น้อย 2.ไม่มีกองกลางตัวรับธรรมชาติ กองหลังจะลดงานหนักหากมีกองกลางตัวรับดี ๆ ซักคนมาคอยสกรีน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมโซลชาร์ถึงมั่นใจในการใช้คู่กลางเป็นสกอตต์ แมคโทมิเนย์ และ เฟร็ด ทั้ง ๆ ที่
สโมสรฟุตบอลอังกฤษไม่ได้มีดีแค่นักเตะมากฝีมือ หากยังมีสโมสรฟุตบอลที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมด้วย หลังจากปี 2016 ที่ Zaha Hadid Architects (ZHA) สตูดิโอสถาปัตยกรรมชื่อก้องโลกชนะการแข่งขันออกแบบสนามฟุตบอลสำหรับสโมสรฟุตบอลอาชีพ Forest Green Rovers F.C. ในที่สุด Zaha Hadid Architects (ZHA) ก็สร้างสนามฟุตบอลขึ้น ซึ่งนี่ถือเป็นสนามฟุตบอลไม้แห่งแรกของโลก ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนด้วยพลังงานยั่งยืน และรองรับผู้ชมได้สูงสุดมากถึง 5,000 คน สนามฟุตบอลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับสโมสรฟุตบอลอาชีพ Forest Green Rovers F.C. และจะสร้างขึ้นในเมืองกลอเซสเตอร์เชียร์ (Gloucestershire) ของประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นที่ตั้งเดียวกันกับสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ โครงสร้างของสนามสร้างขึ้นจากไม้ชนิดพิเศษที่ผ่านการเคลือบพื้นผิวด้วยสารเคมีหน่วงไฟ จึงติดไฟยากและลดการแพร่กระจายของเพลิงไหม้ได้ดี สนามปกคลุมด้วยหลังคาโปร่งใสชนิดพิเศษ ช่วยลดเงาบนสนามที่อาจรบกวนผู้เล่นในระหว่างการแข่งขัน พร้อมทั้งทำให้หญ้าเติบโตงอกงามภายใต้แสงแดดในเวลาเดียวกัน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับการสร้างสนามฟุตบอลแต่ละแห่ง และผู้คนส่วนใหญ่จะมองการว่าสร้างสนามฟุตบอลขนาดยักษ์ได้ ต้องกินพื้นที่ธรรมชาติหรือพื้นที่สีเขียวไปไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร แต่สนามฟุตบอลแห่งนี้ช่วยลดความกังวลว่าการออกแบบสนามจะต้องสูญเสียพื้นที่สีเขียว เพราะสนามฟุตบอลไม้ของสโมสร Forest Green Rovers F.C. สร้างสนามฟุตบอลไปพร้อม ๆ กับพื้นที่สีเขียว Forest Green Rovers
จบกันไปแล้วสำหรับศึก UEFA Champions League ฤดูกาล 2018-2019 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่ระหว่าง Manchester United กับ Paris Saint-Germain ด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 1 เป็นการพ่ายคาบ้านของยอดทีมจากฝรั่งเศส ทำให้เป็นอีกครั้งที่พวกเขาไปไม่ถึงฝัน ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยกฎอเวย์โกล์ เหตุการณ์นี้เราเชื่อว่าต่อให้เป็นแฟนของทีมปีศาจแดงก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะในเกมแรก Manchester United พ่ายคารัง Old Trafford แบบหมดรูป 2 ประตูต่อ 0 และหลังจากนั้นพวกเขาก็ประสบปัญหานักเตะบาดเจ็บกันค่อนทีม ดังนั้นในทริปมาเยือนเมืองน้ำหอมทัพปีศาจแดงจึงเต็มไปด้วยนักเตะสำรองและดาวรุ่ง แต่สุดท้ายด้วยเลือดนักสู้และจิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ Manchester United ก็สร้างปาฏิหาริย์ ณ Parc des Princes ได้สำเร็จ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการ Comeback อย่างยิ่งใหญ่แบบนี้ในศึก UEFA Champions League ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาทุกคนย้อนอดีตไปรำลึกถึงช่วงเวลามหัศจรรย์แบบนี้กันอีกครั้ง UCL ไม่ใช่ที่ของ Paris Saint-Germain เกมเมือคืนไม่ใช่ฝันร้ายครั้งแรกของ Paris Saint-Germain ในศึก UEFA Champions League เพราะย้อนไปเมื่อ