“หมดไฟ” ไม่อยากทำอะไรแล้ว ชีวิตมันแย่ เรามีทางแก้ให้

By: Lady P. November 26, 2017

ไม่เอาแล้วเว้ย ไม่อยากทำอะไรแล้ว กูแม่ง หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ทำอะไรต่อไปก็ไม่มีอะไรดีหรอก หลายคนอาจเคยผ่านอารมณ์ ความรู้สึกแย่ ๆ แบบนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าทุกอย่างยังไม่หมดสิ้น ถ้าคุณยังไม่สิ้นลมหายใจ เพียงแต่ความรู้สึกนี้อาจทำให้ช่วงชีวิตของคุณดูโหดร้าย หดหู่ ซึมเศร้า เหมือนหมดอะไรตายอยาก ก่อนอื่นถ้าคุณได้เข้ามาอ่านบทความนี้ เราอยากให้คุณตั้งสติ เรื่องเลวร้าย ความผิดพลาด ความไม่สมหวังทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เริ่มจากที่ตัวคุณเอง “ตั้งสติ และ ลุกขึ้นใหม่”

อาการหมดไฟ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Burnout เป็นอาการทางด้านอารมณ์ที่อาจเกิดจากการสะสมของความเครียดมากมาย จนเรารู้สึกว่า รับไม่ไหวแล้ว รู้สึกหมดหวัง หมดพลัง ขาดกำลังใจจนไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว ซึ่งบางครั้งอาการเหล่านี้เราอาจปรับตัวได้ทันก่อนที่จะถึงขั้นหมดไฟ

ก่อนอื่นลองเช็คกันดูหน่อยว่าคุณเริ่มเข้าข่ายมีอาการ “หมดไฟ” หรือเปล่า

รู้สึกว่าทำไมแต่ละวันมีแต่เรื่องแย่ ๆ
รู้สึกเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งรอบตัวไปเสียหมดทุกอย่าง
รู้สึกหมดพลังไม่อยากจะทำอะไรเลย
รู้สึกว่าไม่มีอะไรทำให้ภูมิใจในชีวิต
รู้สึกว่ามีแต่เรื่องหนัก ๆ ผ่านเข้ามาให้แต่ละวัน

จากเช็คลิสเบื้องต้นนี้ ถ้าคุณมีอาการเข้าข่ายเหมือนใกล้หมดไฟอย่างข้างต้น เราแนะนำให้คุณหยุดตั้งสติกับตัวเองสักพัก ทุกอย่างจะดีขึ้นได้เริ่มจากการปรับทัศนคติของตัวคุณเอง

ลองหาสาเหตุ “ทำไม” คุณถึงรู้สึกหมดไฟ

ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งเราโตขึ้น เรายิ่งเจอะเจอกับปัญหามากมายขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว เรื่องจัดการบริหารการเงิน ซึ่งถ้าคุณมองทุกเรื่องเป็นปัญหา นั่นหล่ะ ปัญหาใหญ่ได้เกิดขึ้นกับคุณแล้ว ก่อนอื่นตั้งสติ แล้วลองลิสสาเหตุที่แท้จริงกันหน่อยว่า สาเหตุหลักที่ทำให้คุณหมดไฟตอนนี้มันเกิดจากอะไร ยกตัวอย่างเช่น น้องจ๋าหมดไฟในการทำงาน ไม่อยากจะไปทำงานอีกแล้ว เธอจึงลองนั่งนึกสาเหตุจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงหมดไฟ ซึ่งเธอเองก็ไปทำงานตรงเวลาเช้าทุกวัน งานที่เธอทำก็เป็นงานที่เธอชอบ เพื่อนร่วมงานก็ดีกับเธอเหลือเกิน ติดแต่เจ้านายของเธอสั่งงานเธอทุกครั้งตอนห้าโมงเย็น จนทำให้เธอทำงานเลิกดึกทุกวันจนไม่สามารถไปเจอครอบครัวเธอในตอนเย็นได้เลย สุดท้ายแล้วเธอก็รู้ตัวว่าเธอไม่ได้เบื่องาน แต่กลับเป็นที่เจ้านาย จึงหาโอกาสลองคุยกับเจ้านายปรับวิธีการทำงานกันใหม่

ทัศนคติที่ดี เริ่มที่ตัวคุณ

หลายครั้งสาเหตุของการหมดไฟ อาจเกิดจากคนรอบข้างทำให้คุณรู้สึกและเป็นอย่างนั้น ซึ่งบางทีมันยากที่จะไปเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นอย่างที่คุณต้องการ ดังนั้น การเริ่มปรับทัศนคติของตัวคุณเอง จะทำให้มุมมองต่าง ๆ ดีขึ้นได้ ซึ่งมันอาจต้องใช้กลยุทธ์ ระยะเวลาในการปรับมุมมองของตัวคุณเอง แต่เมื่อคุณสามารถทำได้ คุณก็จะมีพลัง มีความสุขขึ้นได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง นายแมนหมดไฟในการทำงานเป็นอย่างมาก เพราะเจ้านายของเขาเจ้ากี้เจ้าการ ลงรายละเอียดกับทุกพรีเซนต์ เขาไม่เคยทำงานผ่านในรอบเดียวเลย ต้องแก้งานหลายรอบมาก จนกว่าจะผ่าน แมนรู้สึกหมดไฟไม่อยากไปทำงานอีกแล้ว แต่เมื่อเข้าตั้งสติ แล้วลองนึกถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องแก้งานหลายรอบ มันเป็นเพราะ เขายังไม่รอบคอบ และยังขาดประสบการณ์ ความจริงที่เจ้านายคอยด่า ว่าเขา เพราะอยากให้เขาพัฒนา เมื่อแมนมองถึงจุดนี้ ก็ปรับทัศนคติใหม่ นำความผิดพลาดเป็นบทเรียน นำคำด่ามาเป็นคำสอนเพื่อพัฒนาตนเองต่อไป

พยายามออกห่างจากคนที่มีความคิดลบ

เวลาคุณหมดไฟ ยิ่งถ้าคุณอยู่ใกล้คนคิดลบ อะไรก็จะนำพาคุณไปสู่ความรู้สึกที่แย่กว่าเดิม ยิ่งคุณบ่น คนข้าง ๆ ก็บ่น เออ ใช่ มันแย่ มันแย่มาก ความรู้สึกของคุณจะยิ่งแย่มาก ยากที่จะกู่กลับ ออกไปหาแรงบันดาลใจ คนที่ให้กำลังใจคุณได้เสมอ หรือหากคุณหมดพลังจากการทำงาน ทำอะไรไม่สำเร็จสักที อาจไปหาคอร์สสัมนาสร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นพลังบวกในตัวคุณ หาหนังสือดี ๆ สักเล่มอ่านปลุกแรงบันดาลใจ หรือหาหนังสักเรื่องดูก็ถือเป็นการพักสมองไปอีกทาง (หนังแนะนำปลุกพลังในตัวคุณ)

หมดไฟ แต่อย่าหยุดดูแลตัวเอง

หมดไฟ ปวดหัว หัวตึบ ก็ออกไปวิ่งให้เหงื่อออก ออกกำลังกายให้ความเครียดมันไหลออกมากับเหงื่อบ้าง มีผลวิจัยบอกว่า การออกกำลังจะช่วยลดความเครียดของคุณได้ และบูสอารมณ์ของคุณให้ดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพองค์รวมดีขึ้น

นอน นอน นอนพักผ่อนบ้าง หมดไฟแล้วก็อย่าทำร้ายตัวเองต่อ หยุดทุกอย่างสักพัก แล้วให้ร่างกาย หัวสมองได้พักบ้างก็ได้ นอนหลับสักพักให้ร่างกายได้พักผ่อนบ้าง อาจเจออะไรมาเยอะทั้งวัน นอนสักพักเดี่ยวฝันร้ายก็ผ่านไป

ใช้เวลาย้อนดู “เป้าหมาย” กันใหม่

คุณอาจหมดไฟ เพราะคุณไม่สามารถทำเป้าหมายให้สำเร็จได้ แต่เราเชื่อว่า ทุกอย่างสามารถสำเร็จได้ ถ้าเราไม่หมดความพยายาม เป้าหมายที่คุณวางไว้อาจจะใหญ่มาก จนต้องใช้เวลายาวนาน หรือกลยุทธ์ที่เหนือชั้น แต่เชื่อเถอะว่ามันยังเป็นไปได้ ลองย้อนดูเป้าหมายกันอีกครั้ง หากแนวทางที่ผ่านมาทำให้เป้าหมายไม่สำเร็จ ลองหาแนวทางใหม่ ๆ กลยุทธ์ใหม่ ๆ หรืออาจวางเป้าหมายเป็นระยะสั้น กลาง ยาว แล้วค่อย ๆ ก้าวไปที่ละขั้น มีความสุขกับแต่ละเป้าหมายที่ค่อย ๆ ก้าวไปถึง ก็เป็นอีกทางที่จะสร้างพลังใจให้คุณไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นได้

มองปัญหาเป็นเกมส์

การเจอปัญหา หรือผิดหวังบ่อย ๆ มันทำให้คุณรู้สึกแย่ได้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครชอบความผิดหวัง แต่หากคุณลองเปลี่ยนทัศนคติ ลองมองปัญหาเป็นเกมส์ ซึ่งแต่ละด่านก็มีความยากง่ายแตกต่างกันใหญ่ บางครั้งอาจต้องเจอ Boss ด่านยากที่ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตายสักที เป็นเราที่ตายทุกครั้งที่เจอด่านนี้ แต่ถ้าคุณเล่นด่านนั้นบ่อย ๆ รู้วิธีหลบหลีก Boss ด่านยากจากที่ต้องสู้กันบ่อย ๆ สุดท้ายคุณก็จะผ่านด่านจนได้ อาจใช้เวลา แต่ถ้าคุณผ่านมันได้ สุดท้ายคุณจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ชนะได้ทุกเกมส์ในชีวิต