World

ทำไมทั่วโลกจึงมองกัญชาในด้านบวกมากขึ้น สิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากสมุนไพรยิ้มเหล่านี้คืออะไร

By: SPLESS December 14, 2018

สำหรับหนุ่ม ๆ ที่ติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับกัญชามาตลอดปีที่ผ่านมา คงจะสังเกตเห็นว่าหลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองและแนวคิดต่อกัญชาในทางบวกมากขึ้น ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการใช้เพื่อสันทนาการ ทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กัญชากลายเป็นพืชที่มีอิทธิพลในตัวเองทั้งด้านประโยชน์ทางการแพทย์รวมถึงเม็ดเงินมหาศาล ซึ่งแรงสั่นสะเทือนในครั้งนี้ก็ส่งผลกระทบมาถึงในบ้านเราด้วยเช่นกัน

Foreign Policy

ปลุกกระแสเสรี

มีข้อมูลโดย dr. John Collins จาก London Scholl of Economics พูดถึงภาพการเปลี่ยนแปลงโดยรวมต่อกัญชาทั่วโลกผ่าน BBC อย่างน่าสนใจว่า จุดเริ่มต้นของทัศนคติที่ดีขึ้นต่อสมุนไพรชนิดนี้ มีจุดเริ่มจากช่วงปี 2012 หลังจากอุรุกวัยกลายเป็นประเทศแรกในโลก ที่ออกมาจัดการให้กัญชากลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายในการใช้งานทุกรูปแบบ โดยเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการกวาดล้างและแทนที่ผู้ค้ากัญชาผิดกฎหมาย เพื่อถ่ายโอนเม็ดเงินทั้งหมดให้รัฐและเอกชนบางส่วนดูแลแทน เพราะไหน ๆ คนก็เสพกันอยู่แล้ว สู้เอาขึ้นมาบนดินให้รายได้เข้ารัฐน่าจะดีกว่า

ต่อมาในปีเดียวกันรัฐวอชิงตัน ดีซี และโคโลราโดก็มีมติโหวตผ่านให้สามารถใช้กัญชาในทางสันทนาการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยการกระทำในครั้งนั้นสามารถก็สร้างความหวังให้กับหนุ่ม ๆ สายเขียวทั่วโลกที่หลงใหลอาการ High ให้มีความหวังว่าสักวันหนึ่งประเทศของพวกเขาจะเปิดเสรีกัญชาเหมือนที่รัฐทั้งสองทำได้ ซึ่งแน่นอนว่าในทางปฏิบัติต้องใช้เวลารวมถึงผ่านการวิจัยรวบรวมข้อมูล และออกแบบขั้นตอนทางกฎหมายต่าง ๆ เพราะมันยังคงเป็นเรื่องเปราะบางในหลายประเทศ แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาที่ขึ้นชื่อว่าเสรีสุด ๆ แต่รัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ก็ยังถูกวิจารณ์ว่ายอมอ่อนข้อให้กับสงครามยาเสพติดที่ทำต่อเนื่องกันมาหลายสิบปี

DolceVita

แม้แต่ในสมัยของประธานาธิบดี Donald Trump ประชาชนในรัฐอย่าง แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา, แมสซาซูเสส, เมนและเนวาดา ก็กลายเป็น 5 รัฐล่าสุดที่มีการโหวตผ่านให้กัญชากลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย โดยผู้คนให้เหตุผลว่า กัญชาเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่าโทษ ซึ่งฝ่ายที่ผลักดันและสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวมาเป็นเวลาปี หวังว่าชัยชนะครั้งนี้จะเป็นหนทางสู่การปรับเปลี่ยนกฎหมายประเทศในเวลาต่อมา ซึ่งถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าแม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วยังต้องใช้เวลาในการต่อสู้เพื่อความเสรีเป็นเวลานาน กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางเหมือนในปัจจุบัน

แต่สิ่งที่จะทำให้มองภาพออกอย่างชัดเจนมากขึ้น คือการที่แคนาดาออกมาประกาศให้กัญชากลายเป็นสิ่งถูกกฎหมายของประเทศ โดยพวกเขาเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G20 ที่มีออกมาเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากมีประชาชนในประเทศจำนวนถึง 15 เปอร์เซ็นต์ที่แสดงตัวเป็นสายเขียว และเช่นเดียวกับหลายประเทศที่รัฐบาลของพวกเขาต้องการกำจัดกลุ่มพ่อค้ายาผิดกฎหมายให้หมดสิ้นไปจากประเทศเสียที พร้อมสร้างความมั่นใจว่ากัญชาที่รัฐบาลอนุญาตให้จำหน่ายจะเป็นของดีที่ปลอดภัยมากกว่าด้วย

ซึ่งผลที่ตามมาคือเม็ดเงินจากภาษีมูลค่ามหาศาลซึ่งจะนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ล่าสุดประเทศเม็กซิโกภายใต้รัฐบาลของผู้นำอย่าง Andres Manuel Lopez Obrador ก็เริ่มเดินหน้าเสนอร่างกฎหมาย เพื่อให้สามารถใช้กัญชาได้อย่างถูกกฎหมายทั้งทางการแพทย์และสันทนาการเป็นประเทศต่อไป หลังสู้รบกันมาอย่างยาวนานแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดไป ถ้านึกไม่ออกว่ารบกันแรงขนาดไหนก็ดู Narcos : Maxico จะเห็นภาพชัดเลยทีเดียว

The Independent

ยอมรับด้วยผลการรักษาและมูลค่า

ภาพการใช้กัญชารักษาเด็กป่วยน่าจะสร้างความ Impact และเป็นตัวเร่งให้ทั่วโลกสนใจกัญชาในด้านการแพทย์มากขึ้น อันที่จริงการรักษาด้วยกัญชาถูกเริ่มต้นและพัฒนามาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งก็มีกรณีตัวอย่างของการรักษาอย่างได้ผลให้เห็นออกมาเป็นระยะ  ๆ แต่ที่เห็นภาพชัดเจนที่สุดและสามารถทำให้ท่าทีของชาวอังกฤษหัวอนุรักษ์นิยมหัวโบราณยอมใจอ่อนได้คือ กรณีการรักษาเด็กอย่าง Alfie Dingley และ Billy Caldwell ซึ่งป่วยด้วยโรคลมชักแบบหายาก โดยทั้งสองถูกรักษาให้ดีขึ้นจากการใช้น้ำมันสกัดจากกัญชา ความสำเร็จครั้งนี้นี่เองทำให้ต่อมารัฐบาลของสหราชอาณาจักรตัดสินใจเปลี่ยนแปลงกฎหมายกัญชา เพื่อให้แพทย์สามารถกำหนดรูปแบบการรักษาได้หลากหลายมากขึ้น

เวลาเดียวกันในขณะที่กลุ่มประเทศเสรีกัญชาเริ่มเดินหน้าพัฒนาและจัดการระบบต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่เพื่อจัดสรรเม็ดเงินที่กำลังจะตามมาจากเวชภัณฑ์ที่ผลิตจากกัญชา, ภาษีร้านค้าของรัฐ รวมไปถึงการขออนุญาตเข้ามาทำการค้าเกี่ยวกับสมุนไพรจากองค์กรต่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ประโยชน์จากเม็ดเงินมูลค่ามหาศาลที่หมุนเวียนอยู่ในระบบมากแค่ไหน

นอกจากนี้ธุรกิจจากกัญชายังช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงานจำนวนมาก ทั้งหมดนี่เองที่เป็นเครื่องกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ที่กำลังลังเลในการแก้ไขร่างกฎหมายกัญชาของประเทศตัวเองให้หันมาตื่นตัวกันมากขึ้นอีกด้วย

LADbible

ความเคลื่อนไหวในเอเชียและประเทศไทย

ขยับมาใกล้บ้านเรามากขึ้น ประเทศเกาหลีใต้กำลังจะเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออก ที่ให้การใช้กัญชาทางการแพทย์ถูกกฎหมาย โดยสภาสมัชชาแห่งชาติได้อนุมัติให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. ควบคุมยาเสพติดของประเทศแล้วในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะให้ผู้ป่วยเริ่มใช้กัญชาในการรักษาเร็วที่สุดได้ในช่วงต้นปี 2019 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายแนวคิดอนุรักษย์นิยมของโลกตะวันออกเป็นอย่างมาก รวมถึงอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนและตัวอย่างสำคัญให้กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเดียวกันได้ขยับตาม ถ้าเกาหลีใต้สามารถแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของกัญชาได้เป็นรูปธรรมขึ้น ส่วนโซนโอเชียเนียประเทศนิวซีแลนด์ก็พึ่งปรับกฎหมายใหม่ ให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้เป็นวงกว้างมากขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับในบ้านเราหลายคนคงทราบกันดีว่า ตอนนี้เป็นช่วงที่หน่วยงานและองค์กรทั้งหลายในประเทศไทยซึ่งเล็งเห็นถึงประโยชน์ของกัญชา กำลังช่วยกันผลักดันให้มันได้รับอนุญาตให้ใช้ในการวิจัยทางการแพทย์ โดยต้องแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษปี 2522 เพื่อปลดล็อกกัญชามาใช้พัฒนาเป็นยารักษาโรคได้ ซึ่งร่างกฎหมายยาเสพติดเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของ สนช. ที่มีการเผยแพร่รายละเอียดคร่าว ๆ ออกมาเพื่อสร้างความเข้าใจต่อคนในประเทศได้บอกถึงการควบคุมต่าง ๆ ไว้ค่อนข้างชัดเจนว่า

1. กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5  ซึ่งการใช้เพื่อความบันเทิงหรือสันทนาการยังคงเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
2. การผลิต นำเข้า หรือส่งออกยังคงผิดกฎหมาย เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
3. การจำหน่ายและมีไว้ในครอบครองถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เว้นแต่ได้รับใบอนุญาต
4. แพทย์ที่ได้รับใบอนุญาต สามารถสั่งให้ผู้ป่วยใช้เพื่อการวิจัยและบำบัดได้ โดยไม่มีความผิด
5. ผู้ป่วยที่แพทย์สั่งให้ใช้ สามารถครอบครองเพื่อใช้รักษาโรคตามที่แพทย์กำหนดได้โดยไม่มีความผิด
6. ผู้ที่มีสิทธิขออนุญาต สำหรับจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครอง ได้แก่ หน่วยงานของรัฐหรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

MMJ Recs

โดยร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านการรับฟังเห็นจากประชาชนตามมาตรา 77 วรรค 2  โดยมีผู้เห็นด้วยร้อยละ 99.03 เปอร์เซ็นต์ และที่ประชุมได้ลงมติรับวาระร่างดังกล่าวด้วยคะแนนเอกฉันท์ 145 เสียง ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ซึ่งแม้จะยังไม่มีกฎหมายรับรองเป็นรูปธรรม แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยในเมืองไทยที่กำลังต้องการความหวังใหม่ในการรักษา รวมถึงอาจเป็นลู่ทางสู่การใช้เพื่อสันทนาการได้ ถ้าหากคนไทยมีโอกาสได้ศึกษาและทำความเข้าใจต่อประโยชน์และโทษของพืชชนิดนี้มากยิ่งขึ้นในอนาคต

สังเกตได้ว่าทั่วทุกมุมโลกเริ่มมีการตื่นตัวกับกระแสเสรีกัญชากันมากขึ้น หลังจากพืชชนิดนี้ถูกมองว่าเป็นยาเสพติดที่ทำให้คนขี้เกียจอยู่นานหลายสิบปี อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็ควรเป็นไปตามระเบียบของสังคม ซึ่งถ้าหากเราเริ่มสนับสนุนให้ใช้ทางการแพทย์ ก็ควรทำตัวเป็นนักเรียนรู้และให้ข้อมูลที่ดีถึงประโยชน์ในการช่วยชีวิตคนของสมุนไพรชนิดนี้  ส่วนเรื่องของการใช้เพื่อสันทนาการแม้จะเป็นไปได้ยาก แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย ซึ่งคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดกันต่อไป

ถ้าถามว่า UNLOCKMEN อยู่ฝั่งไหน แน่นอนว่าเราเชียร์ให้กัญชาถูกกฎหมาย เพราะปัจจุบันก็ซื้อขายกันไม่ได้ยากเย็นอะไร ถ้าเปลี่ยนผู้ขายเป็นรัฐบาลซะ ก็น่าจะสร้างรายได้รวมถึงเปิดธุรกิจใหม่ ๆ ได้อีกมหาศาล และยังมั่นใจได้ว่าสินค้าจะสด สะอาด ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าจะผสมสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงมาเกินขนาด

 

SOURCE 1   SOURCE 2  SOURCE 3

 

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line