DESIGN
WORLD CUP BALL: ส่องดีไซน์ลูกหนังที่ใช้ในศึกฟุตบอลโลกตั้งแต่ยุคแรกยัน WORLD CUP 2018
By: PEERAWIT June 19, 2018 110206
พูดถึงลูกกลม ๆ ที่โดนชายทั้ง 22 คนในสนามทั้งเตะ เหยียบ เขี่ย โขก จับ ทุ่ม ชก และเขวี้ยงแล้ว มันช่างฟังดูยิ่งใหญ่ และยิ่งถ้าพูดถึงลูกฟุตบอลที่ใช้ในศึกฟุตบอลโลกยิ่งฟังดูใหญ่ยิ่ง เพราะว่ามันถูกยิงเพื่อตัดสินความเป็นชาติเจ้าแห่งลูกหนังบนโลกใบนี้
ด้วยความที่เป็นลูกฟุตบอลที่ใช้ในทัวร์นาเม้นต์ที่มีความหมายมากที่สุด ลูกบอลนั้นย่อมต้องผ่านการออกแบบมาให้มีความหมายมากที่สุดเช่นกัน มีดีไซน์สวยงาม และมีเทคโนโลยีที่ทันเท่ากับการพัฒนาฝีเท้าของนักเตะ ขณะเดียวกันก็ต้องได้มาตรฐานตามกฏ กติกาฟุตบอล ซึ่งไม่ใช่งานง่าย ๆ เลยในทุกกระบวนการผลิต
อย่างใน World Cup Russia 2018 ลูกฟุตบอลที่เราเห็น คือ adidas Telstar 18 ที่ได้แรงบันดาลใจมากจากรุ่นที่เป็นไอค่อนอย่าง Telstar ปี 1970 ซึ่งออกแบบให้เป็นสีขาวและดำสลับกัน เพื่อให้มองเห็นได้ชัดในขณะที่แฟนบอลกำลังชมเกมผ่านทางทีวีขาวดำในตอนนั้น และได้รับการยกย่องมากมาย โดยในรุ่นปี 2018 นี้ ได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดให้มีโครงสร้างผิวสัมผัสที่มีคุณสมบัติเกาะยึดดีขึ้น ทนทานมากขึ้นทั้งในและนอกสนามแข่งขัน ขณะที่วัสดุบางชิ้นสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แถมยังฝังชิพ NFC เอาไว้ ให้ผู้เล่นสามารถปฏิสัมพันธ์กับเจ้าลูกบอลใบนี้ผ่านสมาร์ทโฟน เรียกได้ว่าล้ำและลุยขึ้น ตามเกมฟุตบอลสมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีมาผสานกับความดั้งเดิม
ดูลูกฟุตบอลของครั้งล่าสุดกันไปแล้ว ลองมาย้อนดูการออกแบบลูกหนังในใช้ในศึกฟุตบอลโลกในอดีตกันบ้างดีกว่า จะได้รู้ถึงประวัติศาสตร์ และพัฒนาการของอุปกรณ์ที่จะขาดไม่ได้เลยของกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
ลูกหนังใบนี้ถูกเรียกว่า ‘T-Mode’ ตามลักษณะของชิ้นส่วนด้านข้างที่คล้ายตัว T มันคือลูกฟุตบอลใบแรกที่ถูกใช้ในฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 จัดที่ประเทศอิตาลี และเจ้าภาพก็คว้าแชมป์ด้วยการส่งลูกบอล Federale 102 ที่ made in Italy เข้าตาข่ายฝั่งเช็กโกสโลวาเกีย เฉือนเอาชนะไป 2-1
Allen เป็นลูกบอลที่ผลิตในฝรั่งเศส และก็ถูกใช้เป็นส่วนใหญ่ในศึกฟุตบอลโลก 1938 ที่เมืองน้ำหอม
Superball Duplo T เป็นลูกฟุตบอลแบบสูบลม เย็บจากชิ้นส่วน 12 ชิ้น ถูกใช้ในศึกฟุตบอลโลก 1950 ที่บราซิล ซึ่งปีนั้นอุรุกวัย เฉือนเอาชนะ ทีมแซมบ้า 2-1 ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 170,000 คน ในสนามมาราคาน่า
เจ้าลูกหนังใบนี้เป็นใบที่ติดตาใครหลายคน เพราะขอบอันซิกแซกของมัน ส่วนชื่อนั้น ตั้งตามเจ้าภาพสวิตเซอร์แลนด์
ความพิเศษของลูกบอลใบนี้ก็คือ ฟุตบอลโลก 1958 เป็นครั้งแรกที่มีการเปิดให้ส่งประกวดออกแบบลูกบอลเพื่อใช้ในการแข่งขัน และบริษัทจากสวีเดนก็ชนะเลิศด้วย Top Star ลูกบอลที่เคลือบแวกซ์กันน้ำเอาไว้ ถือเป็นการแก้ปัญหาได้ดีเวลามีฝนเทลงมา
ลูกบอลใบนี้มีชื่อเล่นว่า ‘The Crack’ ออกแบบด้วยรูปทรงที่แตกต่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคนั้น
Slazenger เป็นลูกบอลสัญชาติอังกฤษ ที่ทำขึ้นเพื่อการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 1966 เย็บจากชิ้นส่วน 4 เหลี่ยม 25 ชิ้น และไม่มีการสกรีนอะไรใด ๆ เพื่อบ่งบอกยี่ห้อของลูกหนังใบนี้
ลูกหนังใบนี้ตั้งชื่อตามดาวเทียมที่ขึ้นสู่วงโคจรโลกเมื่อปี 1962 และเป็นบอลใบแรกที่ค้ายกีฬายักษ์ใหญ่จากเยอรมนีเป็นผู้ผลิต เย็บจากชิ้นส่วน 6 เหลี่ยมสีขาว 20 ชิ้น กับชิ้นส่วน 5 เหลี่ยมสีดำ 12 ชิ้น และมันเป็นบอลที่ปฏิวัติวงการลูกหนังอย่างแท้จริง มีชื่อเล่นว่า ‘Star of Television’ เพราะว่ามันเห็นได้อย่างเด่นชัดในการชมเกมผ่านทีวีขาวดำ นี่คือต้นแบบของ Telstar 18
หลังจากประสบความสำเร็จกับ 1970 Telstar adidas ก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง หนนี้มีการนำรุ่นก่อนหน้านี้มาปรับโฉมใหม่เล็กน้อย รวมถึงมีการพัฒนาวัสดุให้สามารถกันน้ำได้มากขึ้น ถ้าเปรียบกับรถ ก็คงเป็น minor change
การออกแบบลูกบอล Tango ที่ใช้ในฟุตบอลโลก 1978 เริ่มมีการนำเอาแรงบันดาลใจของเจ้าภาพมาใช้ และลูกหนังใบนี้ก็สะท้อน passion ของอาร์เจนตินาในฐานะเจ้าถิ่นได้ดี
Tango Espana เป็นลูกบอลลูกแรกที่ใช้วัสดุผสมกันระหว่างหนังแท้และวัสดุสังเคราะห์ มีประสิทธิภาพในการกันน้ำดีขึ้น แต่ก็มีการปรับปรุงหลายครั้งจึงจะสามารถนำมาใช้ได้สมบูรณ์ และก็กลายเป็นลูกบอลที่ใช้หนังจริงรุ่นสุดท้ายที่ใช้ในฟุตบอลโลก
Azteca เป็นลูกบอลที่ใช้ในฟุตบอลโลกลูกแรกที่ใช้วัสดุสังเคราะห์ มีลวดลายกราฟิกที่คลี่คลายมาจากลายแบบ aztec ถูกใช้ในฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก
ฟุตบอลโลก 1990 จัดที่อิตาลี และบอลลูกนี้ได้รับการออกแบบเพื่อฉลองให้กับเจ้าภาพด้วยลวดลายสไตล์อิตาเลียนโบราณ เป็นกราฟิกรูปสิงโต Etruscan คำรามอยู่ 3 ด้าน
บอลลูกนี้ใช้ในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ทำจาก 5 วัสดุที่แตกต่างกัน รวมถึงโพลียูรีเทนโฟมที่ทำให้กันน้ำได้ดีขึ้นอีก ส่วนชื่อ Questra นั้นเป็นคำโบราณที่หมายถึง ‘pursuit of the stars’ หรือการไล่ล่าคว้าดาว
Tricolore เป็นลูกบอลสีสันลูกแรกที่ใช้ในฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศ ใช้สีฟ้าเช่นเดียวกับธงชาติฝรั่งเศส และมีลวดลายตามแบบฉบับดั้งเดิมของสัญลักษณ์ฝรั่งเศส และ FFF หรือ สมาคมฟุตบอลฝรั่งเศส
Fevernova คืองานออกแบบลูกฟุตบอลที่สร้างความแตกต่างในยุคนั้น ทั้งสีสัน และดีไซน์ ส่วนวัสดุก็เป็นชั้นโฟมพิเศษ โดยชั้นที่หนาที่สุดมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยิงและจ่าย อย่างไรก็ตามเจ้าลูกบอลใบนี้ก็ถูกวิจารณ์ว่ามีน้ำหนักที่เบาเกินไป
บอลลูกนี้ใช้ใน World Cup 2006 โดยทางผู้ผลิตบอกว่าล้ำมากในเรื่องของเทคโนโลยีและดีไซน์ มีชิ้นส่วนทั้งหมด 14 ชิ้นประกอบกัน เพื่อจุดประสงค์ให้ผู้เล่นคอนโทรลบอลได้ดีขึ้น สีทองที่ใช้ได้แรงบันดาลใจมาจาก World Cup trophy ส่วนชื่อ Teamgeist นั้นแปลว่าสปิริตของทีม
และฟุตบอลโลก 2006 ยังเป็นบอลโลกครั้งแรกที่ใช้บอลลูกพิเศษในนัดชิงชนะเลิศ ก็เลยเป็นที่มาของ Teamgeist Berlin ที่ใช้สีทองอร่ามมาสร้างความโดดเด่นสวยงามยามฟาดแข้ง อย่างที่ Franz Beckenbauer ตำนานลูกหนังอินทรีเหล็กบอกไว้ว่า “ฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศเป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแข่งขันกีฬาทั้งมวล ไม่มีสิ่งใดจะยอดเยี่ยมเท่ากับการได้ฟาดแข้งในเกมนัดนี้ นั่นคือเหตุผลที่เราควรมีลูกฟุตบอลพิเศษเพื่อใช้ในแมตช์ชิง”
ในภาษาซูลู Jabulani นั้นหมายถึงการเฉลิมฉลอง อย่างไรก็ตามลูกฟุตบอลลูกนี้เป็นหนึ่งในลูกบอลที่โดนวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ทั้งนักเตะและโค้ชหลายคนบอกว่าเจ้าลูกนี้คาดเดาทิศทางในอากาศได้ยาก ส่วนการออกแบบใช้สีทั้งหมด 11 สี หมายถึงนักเตะ 11 คนในสนาม, 11 ภาษาทางการในแอฟริกาใต้ และ 11 ชุมชนในแอฟริกาใต้
และนี่คือครั้งที่สอง ที่ทางผู้ผลิตสร้างสรรค์ลูกฟุตบอลพิเศษขึ้นมาเพื่อใช้ในรอบชิงชนะเลิศ และตั้งชื่อว่า Jo’bulani มาจากชื่อเล่นของกรุง Johannesburg ที่เรียกกันว่า Jo’burg ส่วนสีทองนั้นก็ได้มาจากชื่อเล่นอีกชื่อของนครแห่งนี้ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทองคำ
Brazuca เป็นลูกฟุตบอลแรกในบอลโลกที่ถูกทางภาครัฐตั้งชื่อ สื่อถึงความภาคภูมิใจในวิถีชีวิต การออกแบบนั้นคลี่คลายมาจากชีวิตที่ไหลลื่นของชาวบราซิเลียน และแม่น้ำอเมซอน ใช้เวลาในการออกแบบ สร้าง และทดสอบกว่าสองปีครึ่ง เป็นหนึ่งในลูกฟุตบอลที่ได้รับการทดสอบมากที่สุด
ส่วนเวอร์ชั่น Final Rio ที่ใช้ในนัดชิงชนะเลิศ มีการเปลี่ยนแปลงแค่สีสัน โดยใช้สีเขียว ทอง และดำ ที่ตัดกันดูโดดเด่น
น่าจะจุใจแฟนบอล กับการได้เห็นลูกหนังที่ถูกใช้ในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่าน ๆ มา สะท้อนให้เห็นความยิ่งใหญ่ของเกมฟาดแข้งที่ไม่ได้มีแค่นักเตะเท่านั้น แต่การออกแบบอุปกรณ์ในการแข่งขันก็ถูกให้ความสำคัญมาก ทั้งการใช้งานที่พยายามแก้ปัญหาที่เจอในเกมการแข่งขัน ความสวยงามที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของเจ้าภาพ รวมถึงใส่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในลูกกลม ๆ หวังว่าเรื่องราวของลูกหนัง (บางลูกก็ไม่หนัง) ที่ UNLOCKMEN นำมาแชร์กัน จะเป็นความรู้รอบตัวที่ดีสำหรับหนุ่ม ๆ ทุกคน