สรุป 6 เทรนด์ดิจิตอลแห่งปี ที่กำลังส่งผลต่อชีวิตของคุณอยู่

“There are no boundaries or borders in the digital age” คำพูดของ Karim Rashid ที่เราคิดว่าใคร ๆ ก็คิดเหมือนกัน ในยุคที่ดิจิตอลเข้ามีบทบาทในชีวิตของเราแบบปฏิเสธไม่ได้  จากการที่เราได้เข้าร่วม “Creativities Unfold Bangkok 2016 : Exit สู่ความจริงรูปแบบใหม่” งานชุมนุมความคิดนานาชาติ จัดโดยศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ TCDC ที่มีการบรรยายของเหล่านักวิจัย นักออกแบบ และนักลงทุนระดับโลกที่มีชื่อเสียง ทีมงาน UNLOCKMEN จึงได้สรุป 6 Digital Trends ที่มีบทบาทต่อชีวิตมนุษย์ในปัจจุบันมาแชร์กัน

TREND 1 : ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI)

เวลานี้ทั่วโลกกำลังจับตามองการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเอไอ ซึ่งไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรมอีกต่อไป แต่เข้าใกล้ชีวิตพวกเราเข้ามาเรื่อยๆ Dr. Stefan Wess นักวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ ได้โชว์ภาพวาดที่วาดโดยเอไอ อย่าง Google Deep Dream หรือในญี่ปุ่นมีนิยายที่แต่งโดยเอไอ  (และเกือบได้รางวัลนิยายดีเด่น!)  นอกจากนั้นเอไอยังแต่งเพลง และขับรถเองได้อีกด้วย เอไอกำลังถูกนำมาใช้ในทุกวงการ และเทคโนโลยีนี้ก็สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆฟรี ๆ หากคุณเป็น developer  ลองเข้าไปดูเวบของ  NVIDIA

คำถามสำคัญ คือ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเอไอเข้ามาแทนที่มนุษย์ ? ดร.สเตฟาน แสดงกราฟให้เราเห็นว่าบริษัทในประเทศพัฒนาแล้วจะสามารถลดต้นทุนได้ถึง 90% หากเปลี่ยนมาใช้เอไอ ที่น่าคิดกว่านั้น อาชีพที่จะตกงานก่อน คือ อาชีพที่ทำงานวิเคราะห์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนมากเป็นพนักงานออฟฟิศ แต่อาชีพที่ใช้งานฝีมือและงานบริการจะได้ไปต่อ เอาล่ะ คุณคงจะรู้แล้วว่ามีลูกจะให้เรียนอะไร ?

TREND 2 : เศรษฐกิจแบ่งปัน (Access Economy)

เศรษฐกิจแบ่งปัน คือ การที่ใครๆก็สามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการบางอย่างได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของอีกต่อไป อย่างเช่น Amazon Mechanical Turk ซึ่งเป็นเว็บที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่าง นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นและแรงงาน คุณไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงาน เพียงโยนงานเข้าไปในเว็บไซต์และจ่ายค่าแรงเป็นครั้งๆ ศิลปิน Kyle McDonald ใช้เศรษฐกิจแบ่งปันมาสร้างงานศิลปะและเปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ เช่น การทำโคมไฟแอบฟัง Conversnitch (2013-2014) เขาทำโคมไฟที่ซ่อนไมค์ไว้ภายใน และเขียนโปรแกรมให้แรงงาน Mechanical Turk ช่วยพิมพ์ทุกคำที่ได้ยินออกมา ก่อนจะทวีตคำพูดเหล่านั้นออกไปอัตโนมัติ แค่นี้คุณก็สามารถแอบฟังทุกอย่างได้แล้ว หรือโปรเจค Exhausting a Crowd (2015) เมื่อเขานำภาพจากกล้องวงจรปิดมาฉายผ่านเวบ และคุณสามารถเขียนอะไรก็ได้เพื่อบรรยายคนหรือสิ่งของในฉากนั้น จนกลายเป็นเหมือนเรื่องสั้นที่ถูกเขียนจากคนทั่วโลกแบบ Real Time (ลองไปอ่านเล่นๆดู สนุกมากๆ)

สิ่งที่เราเรียนรู้จากงานของ Kyle ก็คือ เราไม่ต้องถูกตีกรอบด้วยข้อจำกัดเดิมๆอย่างเงินทุนหรือเวลาอีกแล้ว เพราะเศรษฐกิจแบ่งปันเปิดโอกาสให้คุณสร้างสรรค์โปรเจคใหม่ๆโดยไม่ต้องมีออฟฟิศ ลูกจ้าง หรือหุ้นส่วน เพียงมีคอมพิวเตอร์กับอินเตอร์เนตดีๆก็พอ

TREND 3 : โลกเสมือนจริง (Virtual and Augmented Reality)

โลกเสมือนจริงสามารถเข้าถึงได้โดยคนหมู่มาก
ผลงานของ Yuri Suzuki นักออกแบบและศิลปินด้านดนตรี เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้เทคโนโลยีนี้ ด้วยการนำ AR มาเชื่อมความจริงเข้ากับโลกเสมือนจริง เขาสร้างแอพลิเคชั่นชื่อ AR Music Kit  ให้คุณเปลี่ยนของในบ้านให้กลายเป็นเครื่องดนตรี โดยใช้แค่โพสอิทและสมาร์ทโฟน สำหรับหนังเสมือนจริง​ (VR) ปัจจุบันแค่ซื้อแว่นตากูเกิลกระดาษลังราคา 180 บาท มาต่อกับมือถือแอนดรอยด์ก็สามารถดูได้แล้ว และใครๆก็สามารถศึกษาทำหนังเสมือนจริงได้ เว็บไซต์  https://vr.google.com มีคอร์สสอนและมีโปรแกรมช่วย แต่อย่างไรก็ตาม Jessica Brillhart หัวหน้าฝ่ายสร้างภาพยนตร์ VR ของ Google ให้ความเห็นว่าหนัง VR จะเข้าถึงทุกบ้าน แต่ไม่มีทางจะมาแทนที่ทีวีได้แน่นอน

TREND 4 : สร้างผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคล (Personalisation)

หมดยุคสำหรับการผลิตแบบ Mass Production ให้ได้ของเหมือนกันจำนวนมากๆ ตอนนี้ใครๆก็อยากได้ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมาเพื่อเขาและเธอโดยเฉพาะ งานของ Jussi Ängeslevä เป็นตัวอย่างที่ดี Jussi ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยตัดความยุ่งยากด้านการผลิตออกไป เพียงลูกค้าใส่ข้อมูลลงไปในเวบไซต์ คอมพิวเตอร์จะ generate ผลิตภัณฑ์จากข้อมูลนั้นโดยอัตโนมัติ ลองเข้าไปดู Locatable โต๊ะทานข้าว ที่ลายบนหน้าโต๊ะมาจากแผนที่บ้านคุณ  Hilight  โคมไฟที่คุณเพียงแค่เลือกว่าอยากจะให้แสงตกตรงมุมไหนเป็นพิเศษ ก็จะได้โคมไฟสำหรับห้องของคุณโดยเฉพาะ และ Cipering แหวนที่คุณเลือกข้อความที่จะซ่อนไว้ได้ โดยแต่ละวงจะออกมาหน้าตาไม่เหมือนกันตามข้อความที่คุณเลือก เทรนด์นี้เกิดขึ้นมาซักพักใหญ่ๆแล้ว และน่าจะอยู่ไปอีกนาน อยู่ที่ว่าแบรนด์ใดจะสามารถตอบโจทย์นี้ได้มากแค่ไหน

TREND 5 : เรื่องราวที่จับใจคือสิ่งสำคัญ ส่วนเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือช่วยเท่านั้น (Content is King, Technology is Tool)

ในช่วงเวลาที่ทุกคนเห่อกับนวัตรกรรมและเทคโนโลยี แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่างานเหล่านั้นทำให้คนว้าวได้เพียงแป๊บเดียว แล้วทุกคนก็พากันลืมภายในสองวัน หากจะจับใจคนได้ในระยะยาว เรื่องราวและคอนเซ็ปต์ที่มีความหมายต่างหากที่เป็นปัจจัยหลัก งานของสตูดิโอ Art+COm  (โดยมี Jussi Ängeslevä เป็นแกนนำอีกเช่นกัน) เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด งาน Kinectic Sculpture — The Shapes of Things to Come, 2008  ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยบังคับการเคลื่อนที่ของแผงลูกบอลเหล็ก เพื่อเล่าเรื่องราวกระบวนการคิดเบื้องหลังรถยนต์ทั้ง 5 รุ่นของ BMW (งานชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ BMW ที่เมืองมิวนิค) หลังจากงานชิ้นนี้ถูกจัดแสดง เทคนิค Kinectic Sculpture แบบนี้ถูกเลียนแบบไปทั่วโลก แต่ก็ไม่ติดตาตรึงใจใครนัก เพราะขาดแนวความคิดที่มีความหมาย อีกผลงานหนึ่งที่เทพมากๆ คิดเยอะสุดๆในทุกกระบวนการ คือ RIVER IS…, 2012  ซึ่งจัดแสดงที่กรุงโซล โดย Art+COm ออกแบบระนาบพื้นผิวสะท้อนแสงคล้ายผิวน้ำ ให้ผู้เข้าชมแต่ละคนหาความหมายของน้ำ ด้วยการใช้ไฟฉายส่องลงไปที่พื้นผิวนั้น เพื่อให้เห็นเงาสะท้อนขึ้นบนฉากเป็นคำต่างๆ ต่างกันไปตามตำแหน่งของไฟฉาย งานชิ้นนี้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยคำนวนระยะและรูปทรงของพื้นผิว เพื่อให้ตอบโจทย์คอนเซ็ปต์ที่คิดมาอย่างดีแล้วให้เด็ดขึ้นไปอีก

TREND 6 : สตาร์ทอัพ (Start Up)

ธุรกิจสตาร์ทอัพ คือ ธุรกิจที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆให้กับตลาด เทรนด์นี้ก็ดังมาสักพักแล้วเช่นกัน แต่น้อยคนนักที่รู้วิธีทำให้ไอเดียสตาร์ทอัพกลายเป็นธุรกิจจริงๆ ไคลี่ อึ้ง (Khailee Ng)  ผู้ร่วมบริหาร 500 Startups ได้ให้เคล็ดลับความสำเร็จสำหรับคนที่อยากเริ่มธุรกิจไว้ว่า “จงลงมือทำ และทำให้เร็ว” คือ “ร่างโปรเจกต์ให้เสร็จภายใน 1 วัน (อย่าใช้เวลาเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือนในการร่าง คุณจะล้มเลิกเสียก่อน) หาเพื่อนมาให้คำปรึกษา 1 คน คลอดผลิตภัณฑ์ 1 ชิ้น ขายให้ได้ 1 ออเดอร์ (จะขายลดราคา ขายให้เพื่อน ยังไงก็ได้ขอให้ได้ขาย) เพื่อจะได้อย่างน้อย 1 ความเห็นจากลูกค้าคนนั้น และคุณจะได้ไปพัฒนาต่อ” แล้วทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยจำไว้ว่าศัตรูของคุณคือเวลา ยิ่งคุณใช้เวลามากเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ว่าไอเดียของคุณจะไม่สำเร็จผลก็มากขึ้นเท่านั้น อันนี้ใครที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจหรือแค่มีไอเดียดีๆ เราขอให้ฟังเค้าพูด มีประโยชน์มากจริงๆ ลองคลิกลิงค์นี้ ชั่วโมงที่ 7.24 เป็นต้นไป

ใครอยากไปฟังเรื่องราวและไอเดียดีๆจากนักคิดชั้นนำของโลก ปีหน้าอย่าพลาด ดูรายละเอียดงานได้ที่  CU-TCDC และเข้าไปดูวิดิโอการบรรยายของปีนี้ได้ที่นี่  TCDC VIDEO

Writer :  Piyanun Uthaisangchai