Life

“THE BURT MUNRO STORY” ตำนานลูกผู้ชายฉายา “The God of Speed”

By: HYENA December 26, 2016

เรื่องราวในอดีตหลายเหตุการณ์ได้กลายเป็นตำนาน ถึงแม้ว่าจะผ่านล่วงเลยวันเวลามาขนาดไหนก็ตาม เรื่องราวสุดพิเศษนี้ก็ยังคงถูกเล่าขานต่อมาไม่เคยเลือนหายไป เช่นเดียวกับผู้ชายคนนึงที่มีชีวะประวัติน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เค้าคือคนที่ยิ่งใหญ่ด้วยความพยายาม ความตั้งใจ และความหลงใหลอย่างแท้จริง คุณเชื่อหรือไม่ว่า สิ่งที่เค้าทำเอาไว้ตั้งแต่ปี 1962 มาจนกระทั่งวันนี้ ยังไม่เคยมีใครเทียบได้ และยังคงไม่มีใครลืมในสิ่งที่เค้าทำเอาไว้ สำหรับชายที่ชื่อว่า Burt Munro แม้ว่าจะได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่เรื่องราว และความหญิ่งใหญ่ของเค้า ยังคงถูกบันทึกไว้เป็นสถิติไปตลอดกาล เชิญพบกับเรื่องราวของผู้ชาย ที่จะทำให้พวกเราเข้าใจกับประโยคที่ว่า “ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ ตราบใดที่เรายังคงมีความเชื่อ ความมุ่งมั่นจริงจัง และความพยายาม” กันได้เลย

161226-burt-munro-2

ถ้าหากคุณเป็นคนที่อยู่ในแวดวง 2 ล้อ คุณอาจจะเคยได้ยินชื่อของชายผู้นี้มาบ้าง Burt Munro ผู้ชายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเจ้าของฉายาว่า “The God of Speed” หรือ “เทพเจ้าแห่งความเร็ว” ตัวจริงเสียงจริง มันไม่ใช่เรื่องเล่าในการ์ตูน มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกแต่งขึ้นให้ฟังดูเจ๋ง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาได้นั้น นาย Burt Munro ได้พยายามทำมันอย่างเต็มที่

161226-burt-munro-1

Herbert James Munro เกิดที่เมือง Invercargil ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศ New Zealand ในปี 1899 Burt ถือว่าเป็นเด็กชายที่ชื่นชอบในเรื่องของความเป็นพิเศษ โดยเฉพาะความเร็วที่มากับรถ 2 ล้อ สำหรับเค้าแล้ว ความสนใจในรถจักรยานยนต์นั้น เรียกได้ว่าเจริญเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวเค้าเองเลยทีเดียว

161226-burt-munro-3

เพราะนอกจากการขี่รถแล้ว Burt ยังทำการศึกษาในเรื่องของกลไกการทำงานของเครื่องยนต์ รวมไปถึงดัดแปลง ชิ้นส่วนอะไหล่ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรถได้อีกด้วย  Burt Munro เคยพูดถึงเรื่องราวที่มาของความชอบนี้เอาไว้ว่า “พ่อของผมเป็นเจ้าของฟาร์ม ฟังดูแล้วอาจจะสงสัยว่า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการตกหลุมรักในความเร็วของผม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเร็วที่ผมหลงรักเป็นครั้งแรกนั้น มันเกิดขึ้นจากการขี่ม้าในฟาร์ม และนั่นถือเป็นรักแรก ระหว่างผมกับความเร็ว”

161226-burt-munro-4

หลังจากที่ Burt Munro เติบโตขึ้นภายในฟาร์มจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว เค้าก็ตัดสินใจที่จะออกไปเปิดโลก โดยได้ไปสมัครงานเป็นพนักงานขายรถจักรยานยนต์ และเป็นช่างซ่อมบำรุง เค้าทุ่มเทความชอบทั้งหมดที่มีต่อรถจักรยานยนต์ลงไปในการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ง รวมไปถึงลงแข่งด้วยตัวเอง และนั่นจึงส่งผลให้ ชื่อของ Burt Munro ที่ทำงานอยู่ในอู่ เล็กๆ กลับโด่งดังในฐานะช่างมืออาชีพในระดับแนวหน้าของประเทศ New Zealand เลยทีเดียว

161226-burt-munro-6

เค้าทำแบบนั้นทุกวันเรื่อยมาจนเมื่อมีอายุย่างเข้า 40 ปี Burt Munro ตัดสินใจลาออกจากงานประจำพร้อมทั้งได้นำเอาเงินเก็บที่สะสมมา จัดการดัดแปลงเปลี่ยนบ้านตัวเองให้กลายเป็นอู่สำหรับซ่อม และปรับแต่งรถจักรยานยนต์  ในตอนนั้นเองที่เค้ามีความคิดที่อยากจะสร้างผลงานอะไรที่เป็นสถิติโลกสักอย่างนึง ซึ่งหลายคนมองว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจาก Burt ในเวลานั้นก็มีอายุมากแล้ว จะให้สร้างรถ หรือขี่รถทำลายสถิติโลกก็คงจะไม่ไหว เพราะรถจักรยานยนต์ของเค้าเอง ซึ่งเป็นรถยี่ห้อ Indian รุ่น Scout สร้างขึ้นในปี 1920 ก็มีความเก่าแก่ไม่แพ้เจ้าของ อีกทั้งตัวรถที่ใช้ขี่ก็สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียงแค่ 55 ไมล์ ต่อชั่วโมงเท่านั้น

161226-burt-munro-5

แต่สำหรับ Burt Munro แล้ว เสียงของคนรอบข้างไม่เคยทำให้ความฝันที่จะเป็นคนที่ขี่จักรยานยนต์เร็วที่เร็วสุดในโลก สั่นคลอนเลยแม้แต่น้อย เค้าจึงเริ่มคิดว่า หากต้องการจะทำสถิติโลกให้ได้ต้องทำอย่างไรบ้าง ทันทีที่แผนการถูกวางไว้ Burt พยายามปรับแต่งรถของเค้าให้ทะลุขีดจำกัดที่มีอยู่ที่ 55 ไมล์ ต่อชั่วโมงให้สำเร็จก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงเริ่มที่จะผลิตอะไหล่ทุกชิ้นขึ้นใหม่ด้วยตัวเองทุกชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็นการหล่อลูกสูบขึ้นมาใหม่ รวมไปถึงชิ้นส่วนสำคัญๆ ต่างๆ อีกด้วย

161226-burt-munro-13

เมื่อ Burt มั่นใจว่ารถเค้าแรงได้สุดๆ แล้ว ปัญหาอีกอย่างก็ตามมา เมื่อสถานที่ที่ Burt Munro ฝันว่าจะต้องไปสร้างสถิติให้ได้สักครั้งนึงนั้น ไม่ได้อยู่ที่ New Zealand แต่มันตั้งอยู่ที่รัฐ Utah ประเทศสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ “Bonneville Speed Week” ที่นั่นเป็นสถานที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา และเป็นสถานที่ที่มีความกว้างขนาด 40 ตารางกิโลเมตร เปรียบเสมือสังเวียนของคนที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่า คนคนนั้นจะสามารถกลายเป็นคนที่เร็วที่สุดในโลกได้หรือไม่

161226-burt-munro-7

แต่สมัยก่อนนั้น การเดินทางไปนั้นไม่ง่ายอย่างในสมัยนี้ Burt จึงต้องนำรถขึ้นเรือจาก New Zealand ไปลงที่ LA จากนั้น ต้องขับรถพร้อมทั้งลากรถจักรยานยนต์ของเค้าต่อไปที่ Utah ด้วยตัวเองเพียงลำพัง ระหว่างนั้นเค้าต้องเจอกับอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน จนแทบที่จะล้มเลิกความตั้งใจไป แต่สุดท้ายเค้าก็กัดฟันจนไปถึง แม้ว่าแทบจะไม่เหลือเงินติดตัวแล้วก็ตาม

161226-burt-munro-8

แต่นั่นยังไม่ทำให้ Burt ต้องเสียใจเท่ากับสิ่งที่เค้าต้องเจอเมื่อไปถึง เพราะเมื่อเค้าได้นำเอารถเข้าตรวจสภาพก่อนเข้าการแข่งขัน ผลปรากฏว่า รถของเค้า และตัวเค้าเองนั้นแก่ และเก่าเกินไป จนกลุ่มผู้จัดการแข่งขันเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ซึ่งไม่สามารถจะปล่อยให้รถเค้าลงวิ่งได้ Burt พยายามทุกวิถีทาง และขอร้องว่า ขอให้รถเค้าได้วิ่งสักครั้ง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอันตรายกับชีวิตเค้าก็ตาม เพราะเค้าต้องการที่จะทำมันจริงๆ และแม้ว่ามันอาจจะอันตรายถึงชีวิตเค้าก็ยอมที่จะเสี่ยงทำมันอย่างเต็มใจ

161226-burt-munro-10

เมื่อทุกคนที่เข้าร่วมงาน รวมไปถึงนักแข่ง และผู้จัดได้เห็นถึงความตั้งใจ ของ Bert ที่เดินทางมาไกลจากอีกฝั่งของโลก จึงอนุญาตให้เค้าลงทำการวัดความเร็วสูงสุดอย่างที่เค้าตั้งใจไว้ตอนแรก อีกทั้งยังได้รวบรวมเงินกันให้กับ Bert เป็นของรางวัลอีกด้วย

161226-burt-munro-11

เดิมทีทุกคนคิดว่ารถจักรยานยนต์ Indian Scout นั้น ยังไงก็วิ่งได้ไม่เกิน 55 ไมล์อยู่แล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายในเรื่องทำสถิตความเร็ว เพียงแต่ช่วยกันลุ้นในเรื่องของความปลอดภัยกันซะมากกว่า แต่ Burt Munro ก็ทำให้ทุกคนถึงขั้นต้องอ้าปากค้าง หลังจากที่เค้าออกตัวไปชนิดที่จรวดเรียกพี่ อีกทั้งยังควบ Indian Scout คันเก่าๆ ทำลายสถิติสูงสุดด้วยความเร็ว 183.3 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เค้ากลายเป็นคนที่ขี่รถจักรยานยนต์ที่มีขนาดความจุไม่เกิน 1,000 cc และเป็นรถจักรยานยนต์ Indian คันแรก และคันเดียวที่ไปถึงระดับความเร็วนั้นได้ อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน สถิติจึงถูกบันทึกไว้ในปี 1962 เป็นต้นมา

161226-burt-munro-9

หลังจากนั้น Burt Munro ยังคงเดินทางไป “Bonneville Speed Week” อีก 2 ครั้ง ซึ่งก็สามารถทำลายสถิติเดิมที่ทำไว้ได้ตลอด จนครั้งสุดท้าย เค้าสามารถวิ่งได้ในความเร็วสูงสุดถึง 305 กิโลเมตร ต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ในปี 1967 Burt Munro ถูกยกย่องให้กลายเป็นเทพเจ้าแห่งความเร็วตลอดกาล เพราะยังไม่เคยมีใครคนไหนที่ขี่รถจักรยานยนต์ที่มี CC ขนาดนี้ทำได้อย่างเค้ามาก่อน

161226-burt-munro-12

และนี่คือผู้ชายที่พวกเราทุกคนควรเอาเยี่ยงอย่าง ไม่ใช่ในเรื่องของการขี่รถจักรยานยนต์เร็วเป็นจรวดท้าความตาย แต่เราต้องมีความคิดให้ได้อย่างเค้า ผู้ซึ่งไม่เคยมองว่าความฝันของตัวเองเป็นเพียงเรื่องไร้สาระอย่างที่ใครๆ คอยพูดใส่หน้าตลอดเวลา และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ เมื่อคุณตั้งใจทำอะไรสักอย่างแล้ว คุณใส่ใจกับมันแค่ไหน รู้จักมันจริงมากแค่ไหน และทำมันให้เต็มที่ที่สุดแล้วหรือยังต่างหาก นั่นคือข้อคิดที่ได้จากผู้ชายคนนี้ Burt Munro

quote-you-live-more-in-five-minutes-on-a-bike-like-this-going-flat-out-than-some-people-live-burt-munro-81-18-64

 

HYENA
WRITER: HYENA
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line