Entertainment

10 หนังเที่ยวทิพย์ วิวสวย เนื้อเรื่องยอดเยี่ยม สำหรับดูให้หายคิดถึงจนกว่าจะได้ไปเที่ยวกันใหม่

By: unlockmen June 28, 2021

“เพราะการเดินทาง คือการเติมเต็มชีวิต และค้นหาตัวตน”

ใครบางคนเคยกล่าวคำเท่ ๆ เอาไว้ ถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปยังถิ่นเมืองแปลก จะด้วยการไปเพื่อผ่อนคลายหรือไปเพื่อผจญภัยก็ตาม

แต่คนที่กล่าวอาจจะไม่ทันได้คิดว่าโลกจะเข้าสู่วิกฤตโรคระบาด ที่รุนแรงถึงขั้นมนุษย์ไม่อาจจะเดินทางไปไหนได้ไกลจากรั้วบ้าน ซึ่งมันก็ผ่านไปปีกว่าแล้ว ยังคงไร้วี่แววที่เราจะแพ็คกระเป๋าออกเดินทางไหนได้เลย

เราเข้าใจในความอึดอัดนี้ จึงขอแบ่งปันหนังเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวที่เราคิดว่ายอดเยี่ยมที่สุด อย่างน้อยก็ได้เที่ยวทิพย์ผ่านการดูหนังก็ยังดี โดยเราแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อความชอบตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป ถ้าพร้อมแล้วก็หยิบรีโมทค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช่ แล้วออกเดินทางแบบเที่ยวทิพย์ไปพร้อมๆกันเลย

 

Wild (2014)

เรื่องราวที่สร้างจากชีวิตจริงของ Cheryl Strayed ผู้ทิ้งความหดหู่ของชีวิตในเมืองใหญ่ ตัดสินใจแบกเป้เดินเท้ากว่า 1,100 ไมล์ เพื่อออกตามหาความหมายของชีวิต

หนังกล่าวถึงการต่อสู้ในจิตใจสับสนจากอดีตอันแสนช้ำตรม เพื่อมาสัมผัสธรรมชาติที่แม้จะโหดร้าย แต่กลับช่วยเยียวยาจิตใจ และช่วยให้เข้าใจความหมายอันถ่องแท้ของชีวิต

Wild สร้างและแสดงนำโดย Reese Witherspoon หลังจากที่เธอได้อ่านหนังสือ Wild: From Lost to Found on the Pacific Crest Trail บทบันทึกที่เล่าถึงการเดินทางไปยัง “แปซิฟิก เครสต์ เทรล” ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าตามสันเขาที่ทอดยาวตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐ ผ่านความยากลำบากนานัปการ

ซึ่งนอกจากจะยกกองไปถ่ายทำยังสถานที่จริงแล้ว Reese Witherspoon นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ยังต้องการความสมจริงด้วยการแบกเป้ที่น้ำหนักใกล้เคียงความจริงตามที่หนังสือได้บรรยายเอาไว้ ทำให้เราได้เห็นความทรหด และความยากลำบาก ผ่านวิวทิวทัศน์อันงดงาม ที่เริ่มต้นจากทะเลทรายโมฮาวี่ จนไปถึงจุดสุดยอดที่สะพาน Bridge of the Gods ใน Cascade Locks ที่เวิ้งว้างและสวยจับใจอีกด้วย

 

Into The Wild (2007)

หนังที่เปรียบเสมือน ไบเบิ้ลแห่งการเดินทางสายผจญภัย เรื่องราวของ Christopher McCandless ชายหนุ่มที่มีทุกอย่างในชีวิตไม่ว่าจะครอบครัวฐานะร่ำรวย อนาคตที่เสมือนปูพรมแดงและโรยด้วยกลีบกุหลาบให้เขาได้เดินต่อไปหลังสำเร็จการศึกษา เรียกได้ว่าโปรไฟล์ดีเลิศ แต่ชีวิตที่ดีนั้นกลับเติมเต็มชีวิตเขาไม่ได้ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “เงินซื้อความสุขไม่ได้” ก็ว่าได้ เด็กหนุ่มจึงออกเดินทางตามหาความหมายของชีวิต จนได้รู้ว่าธรรมชาตินั้นทั้งสวยงามและโหดร้ายในคราวเดียวกัน

หนังเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนที่สร้างจากเรื่องจริง ผลงานกำกับโดยนักแสดงยอดฝีมือ Sean Penn ถ่ายทอดภาพความเวิ้งว้างของทัศนียภาพจากทะเลทรายโคโลราโดทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ให้เต็มเปี่ยมด้วยมนต์ขลังและความลึกลับ

แม้ตอนท้ายจะลงเอยด้วยการทำร้ายหัวใจคนดู แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า Into the Wild ชุ่มชูใจให้เหล่านักผจญภัยอยากเดินทางไปสัมผัสแก่นแท้ของจิตวิญญาณสักครั้งในชีวิต


 

Easy Rider (1969)

ต้นฉบับแห่งหนัง Road Movies ขวัญใจนักดูหนังและชาวบุปผาชน หนังไร้พล็อตเรื่องนี้ตามติดชีวิตของสองนักบิดช็อปเปอร์ ที่เพิ่งได้เงินจากการขายโคเคนมาหมาด ๆ จึงทำการควบมอเตอร์ไซค์คันยักษ์ และเดินทางในเส้นทาง Malibu Canyon พบเจอผู้คนมากมายทั้งร้ายทั้งดี เพื่อแสวงหาจิตวิญญาณเสรี ที่ช่วยปลดปล่อยพันธนาการทางจิตใจ

หนังทุนต่ำที่กำกับโดย Dennis Hopper 1 ในผู้ร่วมแสดง สร้างความมึนงงให้กับนักดูหนังในยามที่แรกฉาย หลายคนก่นด่าว่าหนังดูไม่รู้เรื่อง แต่มันกลับโดนใจฮิปปี้ที่เป็นขบถสังคมในยุคนั้นเข้าอย่างจัง เพราะหนังไร้พล็อตเรื่องนี้สะท้อนชีวิตของวัยรุ่นที่จมปรักจากรัฐบาลสมัยนั้นจนอยากไปให้ไกลจากกรอบและระเบียบอันแสนเส็งเคร็ง กลายเป็นหนังคัลท์เรื่องยิ่งใหญ่ที่ทำกำไรให้อย่างมหาศาล ทำให้ดูเสร็จรู้สึกคันไม้คันมือ อยากพารถคู่ใจออกไปสู่โลกกว้างใจจะขาดแล้ว

 

The Motorcycle Diaries (2004)

เรื่องราวชีวประวัติของนักปฏิวัติในตำนาน Che Guevara ที่เล่าช่วงเวลาวัยหนุ่มอายุ 23 ปี ตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับมิตรสหายเพื่อนตายของเขา Alberto Granado ด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจ Norton 500 ออกเดินทางจากอาร์เจนตินาผ่านชิลี เปรู และโคลอมเบียไปยังเวเนซุเอลาโดยใช้เวลาในการเดินทางกว่า 8 เดือน

นอกจากวิวทิวทัศน์อันงดงามที่อยู่รายล้อมแล้ว เขายังได้พบมิตรภาพจากเพื่อนต่างถิ่น / ความเป็นอยู่ที่แตกต่าง และสภาพสังคมทั้งดีและร้าย ส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อการเปลี่ยนมุมมองชีวิตของพวกเขา

แม้จะเป็นหนังชีวประวัติ แต่หนังก็เลือกโฟกัสเพียงช่วงชีวิตสั้น ๆ ช่วงหนึ่งเท่านั้น การเดินทางแบบค่ำไหนนอนนั่น กลับสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับชีวิตของเขาอย่างใหญ่หลวง เมื่อทั้ง 2 ได้พบเจอปัญหาเชิงโครงสร้างในแต่ละท้องถิ่นที่แตกต่างกันไป หนังเรื่องนี้จึงมอบประสบการณ์การเดินทาง นอกจากวิวทิวทัศน์อันสวยงามในแถบละตินอเมริกาแล้ว ยังพาเราไปพบความหลากหลายของชนชาติที่ทำให้อิ่มเอมและเติมเต็มความหมายของชีวิตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถึงขั้นมีบริษัททัวร์จัดทริป “เดินทางตามรอย Che Guevara” กันเลยทีเดียว


 

The Darjeeling Limited (2007)

ผลงานของ Wes Anderson ผู้กำกับผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยสไตล์อันจัดจ้าน ผ่านการเดินทางด้วยรถไฟของ 3 พี่น้องที่ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ แต่จำใจต้องเดินทางร่วมกันเพื่อมาร่วมงานศพของพ่อ แต่ความวุ่นวายและวัฒนธรรมอันแตกต่างแต่ชวนหลงไหลของดินแดนภารตะอย่างอินเดีย ก็นำพวกเขาไปสัมผัสอีกรสชาติของชีวิตไปในทันที

แม้เส้นทางรถไฟในเทือกเขาหิมาลัยในหนังจะเป็นเรื่องสมมติ แต่โลเคชั่นของหนังก็ได้พาเราไปดื่มด่ำความสวยงามของทัศนียภาพในเมืองจ๊อดปูร์ รัฐราชสถาน และด้วยการบิดสีของหนังให้กลายเป็นสไตล์ในแบบ Wes Anderson เมืองอินเดียที่แสนวุ่นวายจึงกลายเป็นเมืองในฝันที่เราอยากนั่งรถไฟไปชมสักครั้งในชีวิต

 

Before Sunrise (1995)

ทริปเวียนนา ของหญิงสาวและชายหนุ่มแปลกหน้า นำพาสู่เรื่องราวโรแมนติก และกลายเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งหนังที่ทุกคนรัก จนนำไปสู่ไตรภาคที่เราต่างลุ้นว่าเมื่อไหร่หนอทั้ง 2 จะได้ลงเอยกันจริง ๆ เสียที

แม้ว่าหนังจะดำเนินเรื่องไปด้วยบทสนทนาของคน 2 คนที่รู้จักกันโดยบังเอิญบนรถไฟ ก่อนจะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดและทัศนคติตลอดทั้งค่ำคืน ก่อนจะลาจากกันในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น แต่คอนเซ็ปท์ของหนังและเคมีที่เข้ากันของทั้งคู่ ต่างก็นำพาให้เราได้ไปรู้จักและสำรวจตรวจสอบวิธีคิดของทั้งพระเอก Ethen Hawk และนางเอก Julie Delpy ท่ามกลางบรรยากาศต้องมนต์ของกรุงเวียนนา

แน่นอนว่าหนังนั้นแสนจะเรียลและสมจริง แต่บรรยากาศชวนฝันของสถานที่ก็ทำให้เราอยากจะตามรอยเดินทางเผื่อหวังว่ารถไฟที่เรานั่งจะเจอหญิงสาวในฝันเหมือนในหนังเช่นกัน


 

The Secret Life of Walter Mitty (2013)

หนังเที่ยวทิพย์ หากไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็คงเหมือนขาดอะไรบางอย่าง เพราะ The Secret Life of Walter Mitty คือหนังสามัญประจำบ้านสำหรับคนที่ต้องการออกไปผจญภัยเพื่อสัมผัสความยิ่งใหญ่แห่งโลกกว้าง ขณะเดียวกันก็ช่วยปลุกปั่นแรงบันดาลใจเพื่อให้เราออกจากเซฟโซนชีวิตอันแสนน่าเบื่อหน่าย

เรื่องราวของชายหนุ่ม ที่ทำงานอย่างอุดอู้ในห้องเนกาทีฟของนิตยสาร TIME ก่อนมีเหตุด่วนที่ทำให้เขาต้องเดินทางข้ามซีกโลกเพื่อตามหารูปที่สูญหายไป ก่อนรูปเพียงใบเดียวจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

หนังถ่ายทอดแรงบันดาลใจที่โดนคนวัยทำงาน กับการต้องอุดอู้ทำงานเช้าจรดเย็นโดยหน้าที่การงานค่อย ๆ กัดกินความฝันและแรงบันดาลใจของเราไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เลยว่าความสวยงามนั้นรอให้เราก้าวข้ามเพื่อสัมผัสมัน อย่างน้อยที่สุด วิวของประเทศไอซ์แลนด์ก็กวักมือเรียกเราให้ไปสัมผัสมันสักครั้งในชีวิต

 

The Bucket List (2007)

2 หนุ่มวัยเก๋า นำแสดงโดย Jack Nicholson และ Morgan Freeman พบว่าตัวเองมีมะเร็งเนื้อร้าย และจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน จึงตกลงกันทำในสิ่งที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้ทำ ผ่านเกมที่ชื่อ Bucket List ที่ต่างฝ่ายเขียนถึงสิ่งที่ปรารถนาอยากจะทำ เที่ยวในที่ ๆ อยากเที่ยว เพื่อเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายก่อนจะลาโลกนี้ไปแบบหมดห่วง

แม้หนังจะมีพล็อตที่สุดแสนรันทด แต่การเสนอกลับเต็มไปด้วยความสนุกและความซาบซึ้งใจของ 2 หนุ่มสุดเก๋าที่พื้นเพชีวิตของทั้งคู่แตกต่างกัน แต่โชคชะตาก็นำพาทั้ง 2 ให้ต้องพบจุดสิ้นสุดเหมือน ๆ กัน เมื่อพระเจ้าให้ร่างกายและจิตวิญญาณแก่เราแล้ว ก่อนที่เราจะคืนทุกอย่างให้กับธรรมชาติและพระเจ้า ทำไมเราไม่ใช้ทุกวันที่เหลือให้คุ้มค่าเสียล่ะ

ว่าแล้วหนังก็พาเราไปพบกิจกรรมสุดเหวี่ยงมากมาย ตั้งแต่โดดร่ม ยันมองพระอาทิตย์ตกดินที่อียิปต์ เพื่อย้ำเตือนเราว่า “ชีวิตมีเพียงครั้งเดียว จงใช้มันอย่างคุ้มค่าซะ” 


 

Lost in Translation (2003)

พูดถึงเมืองใหญ่ ไม่พูดถึงเมืองแห่งแสงสีอย่าง โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็คงไม่ได้ เพราะ Lost in Translation คือหนังคนเหงาที่พาเราสู่ห้วงแห่งความหว้าเหว่ของคนแปลกหน้า 2 คน อยู่ในเมืองที่ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ ภายใต้แสงสีที่เย้ายวนตาจากนีออนหลากสี และ LED หลากแสง ก็นำพาทั้ง 2 ให้สุดเหวี่ยงกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่อง Culture Shock ก่อนจะนำพาไปสู่ตอนจบอันเงียบงันท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่ จนกลายเป็นหนึ่งในหนังเหงาจับขั้วหัวใจของคนในยุคมิลเลนเนี่ยม

โตเกียวคือหนึ่งในเมืองท่าที่คนไทยเลือกที่จะเดินทางไปเยี่ยมเยือนเสมอ เพราะเต็มไปด้วยสีสัน วัฒนธรรมอันหลากหลาย รวมไปถึงแสงสีและความคึกคัก แถมใช้เวลาในการเดินทางไม่นาน จึงเป็นหนึ่งในเมืองแห่งความคิดถึงที่เชื่อมั่นว่าพอประเทศเปิดอย่างจริงจัง ทุกคนต้องปักหมุดเพื่อกลับไปเยือนสถานที่ ๆ คุ้นเคยอย่าง ชิบูย่า / ชินจูกุ รวมไปถึงเมืองอย่างเกียวโต / โอซาก้า แห่งนี้อย่างแน่นอน

 

Mission: Impossible 1-6

อ่านไม่ผิดหรอกครับ หนังสายลับพันหน้า จารชนรูปหล่อที่ดำเนินมาได้ 6 ภาคนี่แหละ คือการเที่ยวทิพย์รอบโลกที่คุ้มค่าที่สุด เพราะในแต่ละภาคนั้น สายลับ Ethan Hunt จะพาเราเดินทางไปปฏิบัติการในสถานที่สำคัญที่เป็นแลนด์มาร์คของโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรุงปรากในภาคแรก / อิตาลี่ในภาค 3 / ดูไบในภาค 4 / โมรอคโคใน 5 และ ลอนดอน นอร์เวย์ และ นิวซีแลนด์ในภาค 6 เท่านี้เราก็เที่ยวทิพย์ได้เกือบทุกภูมิภาคในในโลกใบนี้แล้ว แถมยังสนุกลุ้นระทึกกับการเสี่ยงตายแบบเล่นจริงเจ็บจริงของ Tom Cruise อีกด้วย

 

เป็นอย่างไรบ้าง กับการพาทัวร์ทิพย์ผ่านหนัง หวังว่าทุกท่านที่ได้อ่านจะได้รับวัคซีนในเร็ววัน และได้ท่องเที่ยวไปตามฝันโดยเร็วไว แต่ช่วงนี้ก็อย่าลืมรักษาระยะห่าง ล้างมือ สวมแมสก์เหมือนเดิม จนกว่าเราจะได้เดินทางกันจริง ๆ เสียที

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line