Entertainment

ปลุกความอาร์ตในตัวคุณ “11 หนังอาร์ตเฮาส์น่าจับตาปีนี้”ที่ผู้ชายควรหามาเสพ

By: unlockmen April 12, 2019

การเลือกดูหนังสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้และหลายครั้งที่ตัวตนของเราถูกประกอบสร้างขึ้นมาจากหนังสักเรื่อง หากคุณเบื่อหนังบล็อกบัสเตอร์วันนี้เรามีหนังอาร์ต 11 เรื่อง มาเป็นทางเลือกให้ แม้หนังเหล่านี้จะไม่ได้ใช้นักแสดงชื่อดังหรือใช้ทุนมหาศาล แต่ขอให้เชื่อเถอะว่าหนังที่เราเลือกมาแนะนำในวันนี้อาจจะทำให้คุณหันมาหลงรักหนังอาร์ตอย่างไม่อาจถอนตัว

ที่สำคัญการคัมแบ็คของเหล่าผู้กับหนังแนวอินดี้ชื่อดังอย่าง Olivier Assayas Mia Hansen-Løve และ Simon Amstell ก็การันตีได้ในระดับหนึ่งเลยว่า คุณจะไม่ผิดหวังที่เสียสละเวลามาให้หนังแนวนี้บ้างอย่างแน่นอน

TOO LATE TO DIE YOUNG (Dominga Sotomayor)

จากผู้สร้าง Call me by your name สู่ TooLate to die young ภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นประเทศชิลี ซึ่งย้อนไปในปี ค.ศ.1990 ประเทศชิลีกลับมารวมตัวเป็นประชาธิปไตยอีกครั้งหลังจากการล่มสลายทางอำนาจของนายพล Augusto Pinoche

โซเฟีย (Demian Hernández) สาวน้อยวัย 16 ปี อาศัยอยู่ในชนบทที่อยู่ใกล้กับเมืองหลวงซันติอาโก เธอมักจะมีปัญหากับพ่ออยู่ตลอดเวลา ท าให้เธอมีความฝันที่อยากจะย้ายไปอยู่กับแม่ของเธอที่เป็นนักดนตรีในเมืองหลวง


LONG DAY’S JOURNEY INTO NIGHT (Bi Gan)

ภาพยนตร์แนวดราม่าที่มีทั้งความจริง ความฝัน และความทรงจำเล่าถึงเรื่องราวของ Luo Hongwu (Huang Jue) กลับไปที่บ้านเกิดของเขาหลังจากที่หนีไปด้วยเรื่องราวอะไรบางอย่างเมื่อหลายปีก่อน การกลับไปของเขาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะไปตามหาผู้หญิงที่เขารัก ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้อารมณ์นัวร์ ๆ หน่อย (Noir)


NON-FICTION (Olivier Assayas)

ภาพยนตร์แนว comedy ที่กำกับโดย Olivier Assayas ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส เขาใช้เวลากว่า 2 ปีเขียนบท โดย NON-FICTION เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสื่อสิ่งพิมพ์ที่เปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดดในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล


BENJAMIN (Simon Amstell)

ภาพยนตร์แนว comedy อีกหนึ่งเรื่องที่มาในชื่อ Benjamin เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองของ Simon Amstell ครั้งนี้เขากลับมานำเสนอเรื่องราวตลกขบขันโดยมี Colin Morgan นักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่ได้รับรางวัล Drama Performance Male award in the 2013 จากซีรีส์เรื่อง Merlin มารับบทเป็นนักแสดงนำในชื่อ Benjamin


SAUVAGE (Camille Vidal-Naquet)

Felix Maritaud จาก 120 battements par minute มารับบทเป็น Leo ชายหนุ่มวัย 22 ปี ที่มีรสนิยมแบบชายรักชาย แต่สิ่งที่ท้าทายสำหรับเขาในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่การรับบทชายรักชาย แต่กลับเป็นบทที่เขานั้นต้องค้าบริการทางเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องรอติดตามดูว่าเขาจะเล่นได้สมบทบาทมากน้อยแค่ไหน


HAPPY AS LAZZARO (Alice Rohrwacher)

ผู้กำกับหญิงชื่อดังชาวอิตาเลียนนามว่า Alice Rohrwacher เธอมีความสามารถที่หลากหลายไม่ว่าจะในบทบาทของการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ หรือแม้กระทั่งในเรื่องของการเขียนบทนั้นก็ทำให้เธอได้รับรางวัล Best Screenplay Award 2018 (Cannes Film) จากภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่การันตีได้เลยว่า HAPPY AS LAZZARO น่าติดตามอย่างปฏิเสธไม่ได้


MAYA (Mia Hansen-Love)

การกลับมาของ Mia Hansen –Løve มาพร้อมกับเรื่องราว drama ที่เล่าถึงชีวิตของ Gabriel (Roman Kolinka) นักข่าวชาวฝรั่งเศสอายุ 30 ปี ที่ถูกจับเป็นตัวประกันในซีเรียอยู่หลายเดือนหลังจากถูกปล่อยตัวออกมา มีบางสิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางไปที่ประเทศอินเดีย สิ่งที่น่าติดตามของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การเดินทางและการดำเนินชีวิตหลังจากที่เขาได้รับอิสรภาพ


IN FABRIC (Peter Strickland)

ภาพยนตร์อาร์ตแนว Horror โดยความน่าสนใจคือ Peter Strickland ผู้กำกับชาวอังกฤษที่คลั่งไคล้ในการสร้างสรรค์ผลงานแนวสยองขวัญ ครั้งนี้เขาจะนำเสนอความตื่นตาตื่นใจและความแปลกใหม่ให้กับผู้ที่รอติดตามดูผลงานของเขาไปในรูปแบบใด เราคิดว่าไม่ควรพลาดเลยจริง ๆ


ASH IS PUREST WHITE (Jia Zhangke)

ภาพยนตร์อันธพาลที่มีเนื้อหาดุเดือดรุนแรง แต่กลับมาพร้อมกับความโรแมนติคและโศกนาฏกรรม ว่าด้วยเรื่องราวของ Qiao (Tao Zhan) สาวนักเต้นที่คบหาอยู่กับอันธพาล Bin (Fan Liao) เรื่องของทั้งสองจะมีรายละเอียดแบบไหนและลงเอยอย่างไร ไม่ติดตามคงไม่ได้แล้วจริง ๆ


SUNSET (Laszlo Nemes)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดย Laszlo Nemes ผู้กำกับชาวฮังการีที่กำกับภาพยนตร์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ใคราวนี้เขาหอบหิ้วนักแสดงสาวหน้าสวยจากฮังการี Juli Jakab มารับบทเป็น Irisz
Leiter หญิงสาวผู้งดงามที่เดินทางไปยังบูดาเปสต์ในปี ค.ศ.1913  เพราะตั้งใจจะสมัครเป็นช่างทำหมวกในร้านพ่อแม่ของเธอที่ล่วงลับไปแล้ว


THE GREEN FOG (Guy Maddin, Evan Johnson, Galen Johnson)

ปิดท้ายกันด้วย The Green Fog ภาพยนตร์อาร์ตโคตรอินดี้ที่ Guy Maddin ผู้สร้างภาพยนตร์ผู้แหกทุกกฎ โดยเลือกสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่นำเอาฟุตเทจจากภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในอดีตมาเรียบเรียงกันจนเกิดเป็นเรื่องราวที่จบภายในหนึ่งชั่วโมง สิ่งที่น่าติดตามคือผู้ชมจะมีอารมณ์ร่วม และเข้าถึง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถึงขั้นไหนเมื่อเทียบกับความแหวกแนวของตัวหนัง

ไม่ต้องดูให้ครบ 11 เรื่อง เพียงแค่สองสามเรื่องจากทั้งหมดนี้ ก็อาจทำให้คุณตกหลุมรักจนหันมาเสพติดหนังอาร์ตอย่างหาทางออกไม่เจอก็เป็นได้


 

WRITTEN BY: Vitita jairak

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line