ต้อนรับ HBO GO บุกไทย ชี้เป้า 5 ORIGINAL SERIES ที่ชาว HBO มือใหม่ไม่ควรพลาด!!

หลังจากเปิดตัวมาในฐานะช่องรายการเสริมอิงแอบในแอปฯ และกล่องทีวีจากผู้ให้บริการอื่นมาพักใหญ่ ล่าสุดช่อง HBO ที่มีคอนเท้นต์ดี ๆ อยู่ในมือมากมาย ได้อาศัยช่วงที่พวกเราส่วนใหญ่ต้องใช้ชีวิตเก็บตัว Social Distancing อยู่ในบ้านเป็นฤกษ์ปล่อยแอปฯ HBO GO ลุยตลาดเมืองไทยแบบเต็มตัว

ขึ้นชื่อว่า HBO แน่นนอนว่ามาเต็มทุกความบันเทิงทั้งซีรีส์ดัง หนังดี และช่อง LIVE TV ให้รับชมได้ผ่านแอปฯ ของ HBO GO ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ทั้งใน iOS และ Android Device รวมถึงบนคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บไซต์ https://www.hbogo.co.th ในราคา 149 บาทต่อเดือน

สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ เรื่องใช้งานได้เสถียรมั้ย ใช้งานได้กี่เครื่อง แชร์ขึ้นจอใหญ่ได้หรือเปล่า? เอาเป็นว่าใครสนใจคงต้องไปเลื่อนอ่านต่อในเว็บ HBO GO หรือลองโหลดแอปฯ มาสมัครใช้งานกันดู (มีให้ทดลองดูฟรี 7 วัน)

เพราะในวันนี้เราไม่ได้จะมารีวิวแอปฯ HBO GO ให้อ่าน แต่จะขออาสามาชี้เป้าสำหรับชาว HBO หน้าใหม่ ว่ามี Original Series เรื่องไหนที่อุตส่าห์เสียเงิน Subscribed ทั้งที ถ้าไม่ดูเรื่องเหล่านี้ถือว่าพลาด

ซึ่งวันนี้เราขอคัดเน้น ๆ มาแค่ 5 เรื่อง จากจำนวนหลายสิบหลายร้อยเรื่องที่เอาไว้ค่อยทยอยมาแนะนำกันเรื่อย ๆ ในภายหลัง เพราะแค่ตามดู 5 เรื่องนี้ก็แทบจะไม่มีเวลาให้ได้หลับได้นอนกันไปยาว ๆ อีกหลายเดือนเลยล่ะ

The Outsider

1 season, 10 episodes – IMDb: 8.0/10

สำหรับชาว HBO มือใหม่ เราขอเริ่มต้นด้วย The Outsider ซีรีส์ที่ใหม่ไม่แพ้กันเพราะเพิ่งจะลาจอไปเมื่อต้นเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยซีรีส์เรื่องนี้มาในรูปแบบของมินิซีรีส์ 10 ตอนจบ สร้างจากนวนิยายขายดีชื่อเดียวกัน ผลงานจากปลายปากกาของ Stephen King ที่หลายคนคุ้นชินจากผลงานลี้ลับเขย่าขวัญ

แต่ The Outsider นั้นเปิดฉากมาในรูปแบบของซีรีส์สืบสวนสอบสวน กับเรื่องราวของโค้ชเบสบอลทีมเยาวชนอย่าง Terry Maitland ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตรกรรมลูกศิษย์ในทีมของเขาเอง

แต่ปมที่สร้างความน่าสนใจให้เรื่องนี้น่าติดตาม สุดท้ายก็ยังมีเหตุเหนือธรรมชาติมาเกี่ยวข้อง เพราะถึงแม้ว่า Terry จะถูกตีตราว่าผิดเต็ม ๆ ด้วยหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล, ภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึง DNA แต่ข้อเท็จจริงอีกด้านจากทนายของ Terry คือหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ณ วันเวลาเดียวกันกับเหตุฆาตรกรรมโค้ช Terry นั้นกำลังใช้ชีวิตอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะวาร์ปมาก่อเหตุ

ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ ต้องคอยลุ้น คอยเอาใจช่วยว่าแนวทางการสืบสวนแบบดั้งเดิมของ Ralph Anderson นักสืบมือดีผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับแบบสุดหัวใจ จะสามารถไขคดีเหนือธรรมชาตินี้อย่างไร แม้เรื่องนี้จะให้น้ำหนักไปกับการสืบคดี ไม่ได้เน้นไปที่ภูติผีปีศาจ แต่บอกเลยว่าในความเป็นไปไม่ได้แทบทุกมิติของคดีนี้ มันทำให้ฟินทุกครั้งที่นักสืบ Ralph Anderson สามารถสืบสวนเรื่องราวจนเจอจุดเชื่อมโยงรูปคดีที่สมเหตุสมผลทีละจุด ๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คือติดเรื่องนี้ไปแล้วเรียบร้อย

Band of Brothers

1 season, 10 episodes – IMDb: 9.5/10

ใครที่หลงใหลในเรื่องราวเกี่ยวกับสงคราม บอกเลยว่าไม่ควรเลื่อนผ่านซีรีส์ Band of Brothers ที่หลายเสียงต่างยกย่องว่านี่เป็นมินิซีรีส์สงครามที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง กับเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Stephen E. Ambrose การันตีความเข้มข้นของเนื้อหาได้จาก Tom Hanks และ Steven Spielberg ผู้อำนวยการสร้างมินิซีรีส์ความยาว 10 ตอนจบชุดนี้

เนื้อเรื่องถ่ายทอดเหตุการณ์จริงกลางสมรภูมิของกองร้อย Easy กองทหารพลร่มแห่งสหรัฐอเมริกาที่เข้าร่วมปฏิบัติการรบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยซีรีส์แต่ละตอนจะบอกเล่าภารกิจสำคัญที่เหล่าทหารหาญแห่งกองร้อย Easy ได้รับ เรียงร้อยไปกับไทม์ไลน์สำคัญของเหตุการสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกเรื่องราวแห่งหน้าประวัติศาสตร์สงคราม ไม่ว่าจะเป็นความโหดร้ายทารุณ การสูญเสีย มิตรภาพ ความกล้าหาญ และการเสียสละ สามารถตรึงผู้ชมอย่างเราให้คอยเฝ้าติดตามจากหน้าจอได้ไม่ยาก

The Wire

5 seasons, 60 episodes – IMDb: 9.3/10

หนุ่ม ๆ คอซีรีส์อาชญากรรมต้องห้ามพลาด The Wire อีกหนึ่งซีรีส์คลาสสิกขึ้นหิ้งของ HBO ที่ฉายต่อเนื่อง 5 ซีซัน ระหว่างปี 2002 – ปี 2008 ซึ่งเว็บไซต์บันเทิงชื่อดังอย่าง Vulture ยกให้เป็น “The greatest drama of the past 25 years.”

เสน่ห์ของเรื่องนี้อาจไม่ใช่ความระห่ำจากฉากบู๊ปืนเดือ แต่มันคือความเข้มข้นของเรื่องราวความฟอนเฟะจากหลากหลายปัญหาที่ถูกละเลยในสังคมอเมริกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วมันสามารถสะท้อนภาพความเละเทะในหลายประเด็นของสังคมโลกด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องของแก๊งอาชญากรรม ยาเสพติด สื่อ การศึกษา ปัญหาเยาวชน การทุจริตในวงการต่าง ๆ

ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือนักการเมือง แห่ง West Baltimore The Wire ที่เมื่อไล่ดูจนครบต้องนับถือผู้สร้าง ทีมเขียนบท และนักแสดง ที่สามารถเชื่อมโยงสเกลเรื่องราวที่กว้างมากของทั้ง 5 ซีซันเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว รวมถึงถ่ายทอดรายละเอียดทุกมิติของตัวละครออกมาได้อย่างลึกซึ้งสมจริง ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เวลาไม่อาจพรากความเจ๋งของมันไปจากใจคนดูทุกยุคทุกสมัยได้เลย

Game of Thrones

8 seasons, 73 episodes – IMDb: 9.4/10

หากนับย้อนไปตั้งแต่การเปิดฉากสู่สายตาชาวโลกหลายล้านคู่เมื่อเดือนเมษายน ปี 2011 จวบจนถึงปัจจุบัน คงไม่อาจปฏิเสธว่าซีรีส์ Game of Thrones ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง A Song Of Ice And Fire ของ George R.R. Martin คือซีรีส์เบอร์ต้น ๆ ของ HBO ที่ครองใจผู้ชมมาอย่างยาวนาน

แม้ในซีซันส์ที่ 8 ซึ่งเป็นซีซันส์สุดท้าย แฟน ๆ GOT ทั้งหลายอาจเสียงแตก มีทั้งเสียงชม เสียงด่าปะปนกันไป แต่เรื่องราวเหนือจินตนาการ ตำนานปรัมปรา มังกร ทาส เกมการเมือง กองทัพผีดิบ สงคราม ความรัก ความรุนแรง เล่ห์เหลี่ยมทรยศหักหลัง ศึกแย่งชิงบัลลังก์เหล็ก ที่ถูกร้อยเรียงเหตุการณ์เอาไว้อย่างแยบยล

พร้อมถ่ายทอดผ่านตัวละครมากมายที่แม้จะมีบุคลิก นิสัย ที่แตกต่างกันชัดเจน แต่ทั้งหมดล้วนมีความเป็นมนุษย์จริง ๆ ที่มีความเป็นสีเทา ซึ่งคนดูอย่างเราไม่รู้จะเอาใจช่วย หรือ สาปส่งกันแน่ รวมถึงไดอะล็อกคม ๆ น่าจดจำ และพล็อตทวิสต์อันลือลั่นที่ช็อกผู้ชมจิตอ่อนให้ต้องหลบสปอยล์มาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี คือสิ่งที่ทำให้ซีรีส์ Game of Thrones นั้นเป็นอะไรที่ใครซึ่งยังไม่ต้องลองดูสักครั้ง ส่วนใครที่เคยดูแล้ว จะงัดมาดูใหม่ช่วงกักตัวอยู่บ้านก็เป็นอีกตัวช่วยให้หนึ่งวันอันยาวนานหมดไปได้โคตรไว

Westworld

3 seasons, 24 episodes – IMDb: 8.8/10

ปิดท้ายกันที่ Westworld ซีรีส์ที่ HBO หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นหัวหอกคอนเทนต์รุ่นถัดไป ภายหลังการปิดฉากลงของรุ่นใหญ่อย่าง Game of Thrones ด้วยการทุ่มทุนมหาศาลสร้างซีรีส์ Sci-Fi สุดล้ำ ภายใต้การกุมบังเหียนของโปรดิวเซอร์ Jonathan Nolan ร่วมกับ J.J Abrams

โดยนำเนื้อหาจากหนังชื่อเดียวกันของผู้แต่ง Jurassic Park มาดัดแปลง ที่สำคัญคือมีดาราเบอร์ใหญ่อย่างปู่ Anthony Hopkins และ Ed Harris รวมถึงดาราจากจอเงินอีกหลายรายร่วมแสดงในดราม่า Sci-Fi สุดทะเยอทะยานเรื่องนี้ด้วย

เรื่องราวของ Westword ว่าด้วย Theme Park แห่งอนาคต ที่ถูกเนรมิตขึ้นมาให้เศรษฐีกระเป๋าหนักเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจ สวมบทบาทผู้คนในยุคคาวบอย ใช้ชีวิตได้อิสระ จะดวลปืนขำ ๆ หรือกระทำอะไรที่ป่าเถื่อนกว่านั้นกับ Host ซึ่งเป็นหุ่นดรอยด์ ที่ถูกสร้างมาให้มีเลือดเนื้อเหมือนมนุษย์อย่างไรได้ แต่แล้วก็มีเหตุให้ดรอยด์เริ่มมีความรู้สึกนึกคิด รู้ผิดชอบชั่วดี จนคิดแข็งข้อกับมนุษย์

แต่อย่างที่บอกว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมาสานต่อความทะเยอทะยานจาก Game of Thrones ที่ไม่ใช่เพียงแค่ทะเยอทะทานเรื่องทุนสร้างหรือดาราดัง แต่วิธีเล่าเรื่องนั้นก็เป็นอีกส่วนที่เติมเต็มความทะเยอทะยานของ Westworld

เพราะพล็อตที่เราเพิ่งเล่าไป ไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมาแบบตรง ๆ ทื่อ แต่เลือกใช้วิธีการเล่าที่ฉลาดซับซ้อนและแฝงด้วยปรัชญา ซึ่งถ้าไม่ใช่คอซีรีส์ Sci-Fi อาจต้องทำความเข้าใจกับมันสักหน่อย แต่ถ้าจับจุดได้บอกเลยว่าวางตาไม่ลงแน่ ๆ

และถ้าเริ่มติดเมื่อไหร่อาจต้องทำใจสักนิด เพราะ Westworld ที่วางเรื่องราวเอาไว้ทั้งหมด 5 ซีซันส์ นั้นจะมาแบบปีเว้นปี ด้วยสเกลเรื่องราวที่ใหญ่ โปรดักชันสุดอลัง ทำให้ใช้เวลาเขียนบท ถ่ายทำ รวมถึง Post-Production นานพอตัว โดยซีซันส์ 3 ซึ่งเป็นซีซันส์ล่าสุดเพิ่งลงจอไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง