Entertainment

สำรวจแนวคิด 5 ภาพยนตร์ระทึกขวัญในพื้นที่จำกัด ความท้าทายที่ไม่จำกัดไอเดียสร้างสรรค์ในการเล่าเรื่อง

By: unlockmen June 26, 2021

ก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคแห่งการล็อคดาวน์ มีหนังเกี่ยวกับการอยู่ในที่แคบหรือพื้นที่จำกัดมากมายที่แสดงให้เห็นสภาวะอันอึดอัด และการต้องหาทางรอดของตัวละครในหนัง ซึ่งการทำหนังที่เกี่ยวกับพื้นที่แคบนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะในเรื่องของเนื้อหา การสื่อสารกับคนดู ทุนสร้าง หรือจำนวนบุคลากรที่ต้องลดจำนวนลง ดังนั้นเวลาเราดูหนังยิ่งมีพื้นที่แคบอยู่ในไม่กี่สถานที่ กลับเป็นการท้าทายไอเดียที่ยากยิ่งกว่าสำหรับผู้สร้างเพื่อจะก้าวข้ามขีดจำกัดต่าง ๆให้ได้  ไม่ใช่หนังที่ถ่ายง่าย ๆ อย่างที่หลายคนคิด

มาดูกันว่ามีหนังในที่แคบเรื่องอะไรกันบ้าง แล้วเขามีเทคนิคในการถ่ายทำอย่างไร

Rear Window (1954)
Directed by Alfred Hitchcock

ถือเป็นหนังต้นตำรับบิดาแห่งการกักตัวของตำนานภาพยนตร์อย่างแท้จริง เรื่องราวของพระเอก James Stewart ตากล้องผู้โชคร้ายที่ต้องใช้ชีวิตวนเวียนอยู่บนรถเข็นเนื่องจากประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาจึงต้องหาอะไรทำแก้เซ็งด้วยการส่องดูชีวิตคนที่อพาร์ทเมนท์ฝั่งตรงข้าม แต่ด้วยความสอดรู้สอดเห็น มันนำพาให้เขาได้พบเห็นความน่าสงสัยของใครบางคน จากนั้นเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวในค่ำคืนหนึ่ง ก็ทำให้ชายหนุ่มบนรถเข็นเชื่อมโยงปะติดปะต่อเรื่องราวว่าสิ่งที่เขาได้พบเห็นนั้นมีความไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

อย่างที่รู้กันว่า Alfred Hitchcock คือราชาหนังที่เล่นแร่แปรธาตุในการสร้างความแปลกและแตกต่างให้กับภาษาหนังมือต้น ๆ ของโลก และในเรื่องนี้ Hitchcock ได้ทำการทดลองสถานการณ์ในพื้นที่จำกัด ด้วยการให้พระเอกของเรานั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา เน้นแสดงออกทางสายตาเพื่อให้สื่อสารอากัปกิริยาที่แตกต่างไป หนังวนเวียนอยู่แค่ในบ้านและวิวนอกหน้าต่าง แต่ถึงกระนั้น Hitchcock ก็ได้ให้ทีมงานออกแบบห้องพัก และด้านนอกของตึกแถวจำนวน 7 ชั้นสร้างใน Paramount Studio โดยออกแบบเสมือนจริงที่สุด และใช้ความระทึกขวัญสั่นประสาท ความลึกลับใคร่รู้ของตัวละคร ซึ่งเสมือนเป็นตัวแทนของคนดูที่มีความอยากรู้อยากเห็น พร้อมทั้งวางเงื่อนไขให้ตัวละครไม่สามารถเดินไปไหนได้

Rear Window จึงนับเป็นการทดลองขั้นสุด เพื่อแสดงให้เห็นถึงสภาวะปิดตายของตัวละครว่าพวกเขาจะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไร

หนังใช้ทุนสร้างแสนจำกัดจำเขี่ยเพียง 1 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่เมื่อออกฉายกลับทำรายได้ในยุคนั้นถึง 36.8 ล้านเหรียญ ถือว่าทำกำไรได้อย่างมโหฬาร และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าภายใต้ข้อจำกัดนั้น มีช่องว่างในการสร้างสรรค์อยู่เสมอ

สามารถรับชมได้ทาง Amazon Prime / Apple TV ในระบบเช่าหรือซื้อ


 

CUBE (1997)
Directed by Vincenzo Natali

อีกหนึ่งหนังพล็อตเรื่องฉลาดสัญชาติแคนาดา ที่เล่าถึงกลุ่มคนทั้ง 6 ที่ถูกจับขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสอันแสนลึกลับ พวกเขามีประตูให้เลือกเพื่อที่จะไปยังอีกห้องนึง หรือพบเจอกับดักที่พร้อมจะฆ่าเขาอย่างเลือดเย็น พร้อมกับการแก้โจทย์ชุดตัวเลขที่นำพาพวกเขาออกสู่อิสรภาพ แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่าย ยิ่งความตายเข้าประชิดเขาทุกวินาที ความกดดันยิ่งถาโถมใส่ตัวละคนและคนดูมากยิ่งขึ้น หนังเขย่าประสาทด้วยการค่อย ๆ แก้โจทย์ที่มีทั้งความกดดัน อึดอัด และมันค่อย ๆ ทวีความน่ากลัวสยดสยองมากขึ้นเรื่อย ๆ

พล็อตหนัง “การแก้ปัญหาในห้องปิดตาย” อาจจะไม่ใช่พล็อตใหม่ในยุคปัจจุบัน แต่ในยุค 90s หนังเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะหนัง Sci-Fi / Thriller ที่มีพล็อตแสนฉลาดและตื่นเต้นทุกวินาที ผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 6 ต้องพยายามแก้โจทย์เพื่อเอาตัวรอดจากลูกบาศก์มรณะห้องนี้ไปให้ได้ มันจึงเป็นหนังที่กระตุ้นความหวาดกลัวในที่แคบ สถานการณ์บีบคั้นที่ต้องใช้สมองแข่งกับเวลา ขณะเดียวกัน การถ่ายก็ค่อนข้างถูกจำกัดด้วยการออกแบบห้องลูกบาศก์ขนาด 4.7 x 4.7 เอาไว้ ท่ามกลางทีมงานและนักแสดงที่จำกัดจำนวนมาก ๆ เพื่อการทำงานที่คล่องตัว

หนังใช้งบสร้างเพียง 350,000 เหรียญ แต่ใช้ประโยชน์และความฉลาดจากมุมกล้องในการถ่ายทำได้อย่างคุ้มค่ามาก ๆ จนเกิดเป็นภาคต่อตามมาอีกหลายภาค และกำลังถูกญี่ปุ่นรีเมค ออกฉายในเดือนตุลาคมปีหน้า มาดูกันว่าลูกบาศก์มรณะฉบับญี่ปุ่นจะยอดเยี่ยมเท่าภาคแรกได้หรือไม่


 

Panic Room (2002)
Directed by David Fincher

หนึ่งในความระทึกขวัญของผู้กำกับจอมเขย่าชีพจรอย่าง David Fincher เมื่อแม้เลี้ยงเดี่ยวและลูกสาวในวัยเจ้าปัญหา ต้องเผชิญหน้ากับ 3 โจรร้ายที่วางแผนปล้นบ้านที่พวกเธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาอาศัย โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าบ้านหลังนี้มหาเศรษฐีเจ้าของเก่าได้วางกลไกห้องลับอันแยบยล พร้อมอุปกรณ์สุดไฮเทคมากมายเอาไว้ มันจึงกลายเป็นการไล่ล่าในห้องแคบที่เต็มไปด้วยการชิงไหวพริบชวนให้ตื่นตะลึงตลอดทั้งเรื่อง ระหว่าง Jodie Foster และลูกสาว Kristen Stewart สมัยเข้าวงการใหม่ ๆ กับกลุ่มโจรที่มีทั้งความโหดและสุขุม แสดงโดย Jared Leto และ Forest Whitaker

หนังวางเงื่อนไขให้หญิงสาวทั้ง 2 เสียเปรียบทุกประตู ไม่ว่าจะความเป็นผู้หญิง จำนวนคน สภาพแวดล้อม ต่อกรในบ้านปิดตายกับ 3 โจรสุดโหดอาวุธครบมือ มีเพียงสมองและกลไกเก่า ๆ ของห้อง Panic Room เท่านั้นที่จะทำให้เธอรอดจากสภาวะคับขันนี้ไปได้

David Fincher ลงทุนดัดแปลง Raleigh Studios ให้กลายเป็นห้องที่พร้อมไปด้วยฟังชั่นเพื่อสอดรับกับมุมกล้องที่สามารถถ่ายทอดกลไกของห้องทั้งผนัง ประตู กำแพง ได้อย่างอิสระ ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนถึง 6 ล้านเหรียญ หนังเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่หนังทุนต่ำ เหมือน 2 เรื่องก่อนหน้า แต่การทำงานของเจ้าพ่อร้อยเทคอย่าง Fincher ก็วางแผนอย่างรัดกุมเพื่อให้ห้องสุดไฮเทคนี้สมจริง และเต็มไปด้วยเงื่อนไขที่พร้อมจะจู่โจมชีพจรของคนดูให้เต้นแรงอยู่ตลอดเวลา

สามารถรับชมได้ทาง Netflix / Apple TV ในระบบเช่าหรือซื้อ


 

Buried (2010)
Directed by Rodrigo Cortes

หากเรื่องราวที่ผ่านมายังแคบ และอึดอัดไม่พอ เราขอเสนอ Buried ที่อึดอัดทั้งคนแสดงและคนดู ตัวเอกของเรื่องที่ถูกขังอยู่ในโลงศพขนาดใหญ่กว่าร่างของเขาเพียงเล็กน้อย เป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวโคตร ๆ เท่าที่เราจะจินตนาการได้ และ Ryan Reynolds ต้องเป็นเดอะแบก ในการแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องเพียงคนเดียว ในฐานะชายหนุ่มที่ถูกลักพาตัวและตื่นขึ้นมาในโลงศพ แค่นั้นไม่พอ ยังเป็นโลงศพที่ถูกฝังดินเอาไว้อีกต่างหาก มีเพียงมือถือ Blackberry ที่แบตใกล้จะหมดเพียงเครื่องเดียว เขามีเวลา 90 นาทีที่จะติดต่อกับคนภายนอก ก่อนที่ออกซิเจนในโลงจะหมดลง มันจึงเต็มไปด้วยความอึดอัด หวาดวิตก และความกลัวที่นักแสดงของเราต้องแสดงอย่างโดดเดี่ยว แถมขยับเนื้อขยับตัวแทบไม่ได้ จึงต้องอาศัยการแสดงออกที่แสนจะยากเพื่อให้คนดูอินไปกับเนื้อเรื่อง

เนื่องจากหนังเรื่องนี้เป็นหนังอินดี้ที่ทีมงานส่วนใหญ่เป็นชาวสเปน Ryan Reynolds และทีมงานจึงต้องเดินทางไปถ่ายทำที่เมืองบาร์เซโลน่าเป็นเวลา 16 วัน ซึ่ง Ryan Reynolds กล่าวว่า “มันให้ความรู้สึกถึงนรกไม่ต่างกับในหนังเลย” วัน ๆ เขาต้องอยู่ในโลงที่เซ็ทขึ้นมาเพื่อการถ่ายทำ ซึ่งทีมงานได้สแตนบายทีมแพทย์ไว้ช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน

แต่ถึงกระนั่นการแสดงของ Ryan Reynolds ก็ได้รับคำชมในการสะท้อนภาพความหวาดกลัวที่แคบได้สมจริง แหงล่ะ เพราะการถ่ายทำอันแสนทรมานและสมจริงนั้นทำให้เขานั้นเป็นโรคกลัวที่แคบไปเลยหลังถ่ายเสร็จ


 

Oxygen (2021)
Directed by Alexandre Aja

แล้วก็มาถึงหนังเรื่องล่าสุดใน Netflix ที่เราอยากแนะนำ เรื่องราวของหญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาแบบมึน ๆ ท่ามกลางความทรงจำที่สูญหาย เธออยู่ในแคปซูลสุดไฮเทคที่มีสภาพไม่ต่างกับโลงศพ แต่ยังดีกว่า Buried ด้านบนเพราะเต็มไปด้วยเทคโนโลยี แถมมีจักรกลอัจฉริยะคอยตอบคำถามเธอทุกอย่าง ยกเว้นอดีตอันดำมืดที่เกี่ยวข้องกับเธอ

นอกจากที่เธอต้องเอาตัวรอดภายในพื้นที่และเวลาที่แสนจำกัดก่อนที่ออกซิเจนจะหมดลง เธอยังต้องรื้อฟื้นความทรงจำที่สูญหายให้กลับคืนมาให้ทันเวลาอีกด้วย

ผลงานการกำกับของ Alexandre Aja ผู้กำกับสุดขีดคลั่งจากแดนน้ำหอมประเทศฝรั่งเศส ถนัดในการโยนตัวเอก (ที่ส่วนใหญ่มักเป็นผู้หญิง) ให้ต้องเผชิญหน้ากับความโหดเถื่อนถึงเลือดถึงเนื้อ ไม่ว่าจะเป็น High Tension (2003), The Hills Have Eyes (2006) หรือก่อนหน้านี้ที่นางเอกต้องปะทะจรเข้ยักษ์ใน Crawl (2019) มาครั้งนี้แม้มันจะไม่ถึงเลือดถึงเนื้อแบบเรื่องที่ผ่าน ๆ มา แต่ Oxygen ก็เต็มไปด้วยสถานการณ์สุดเลือดเย็น โหดร้าย โคตรจะแคบ และการค่อย ๆ เผยความทรมานที่หนังนำเสนอให้เห็นเรื่อย ๆ และการที่หนังออกฉายในขณะที่หลายประเทศล้วนอยู่ในสภาวะถูกล็อคดาวน์ ยิ่งช่วยให้เข้ากับบรรยากาศของหนังที่เต็มไปด้วยความอึดอัดได้อย่างดีแท้

สามารถรับชมได้ทาง Netflix


 

และนี่คือหนังเกี่ยวกับที่แคบทั้ง 5 เรื่อง ที่เราอยากแนะนำ เพราะกว่าจะเล่าเรื่องให้ออกมาจากพื้นที่แคบ ๆ แบบนั้นได้ แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้สร้างและนักแสดง ในการเอาชนะโจทย์ที่ท้าทาย เช่นเดียวกับปัญหาที่เราเจอในแต่ละวัน ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับว่า เราจะยอมแพ้ หรือจะหาทางก้าวข้ามขีดจำกัดไปให้ได้

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line