Business

CONFIDENCE IS THE KEY: 5 วิธีเสกความมั่นใจไว้พูดสะกดให้คนทุกระดับโน้มตาม

By: anonymK June 4, 2018

คุณว่าที่มาของ “อำนาจ” ที่ทำให้คนแต่ละคนแตกต่างกันคืออะไรหากไม่นับรวมต้นทุนที่บางคนคาบติดตัวมาตั้งแต่เกิดอย่างทรัพย์สินเงินทอง ถ้าคำตอบของคุณคือ “ความสามารถ” หรือทักษะที่เราจะวัดกันจากผลงานอย่างเดียวมันก็ออกจะเป็นการฝันกลางวันไปหน่อย เพราะในโลกความเป็นจริง “คนเก่ง” ที่ไม่ได้ไปต่อ กองตายเกลื่อนมีอยู่เป็นกองทัพเพราะขาดสกิลสำคัญคือ “การนำเสนอความเก่ง” หรือ “การสร้างอำนาจจากคำพูด”

กว่าจะได้แสดงความเก่งสู่สายตา “คำพูด” มันจึงต้องผ่านด่านก่อน เพื่อให้ชาว UNLOCKMEN ไต่อันดับขึ้นไปท็อปฟอร์ม โดดไปอยู่แนวหน้าที่พูดอะไร แบบไหนใครก็ฟังก็เชื่อ เราคัดวิธีสร้างความมั่นใจมาให้ทดสอบด้วยตัวเองกันแล้ว บอกเลยว่างานนี้ดึง insight มาจากการวิเคราะห์เหล่า CEO ที่เคยให้ข้อมูลกับการนำเสนอของ IPO road-show หรือการขายหุ้นสดใหม่ที่ไม่มีใครสามารถพยากรณ์ได้ว่ามันรุ่งหรือร่วง ซึ่งแค่ 30 วินาที นักลงทุนก็รู้ทันทีว่าคำพูดพวกนั้นจะแหกกระเป๋าพวกเขาไปได้หรือเป็นแค่เรื่องแหกตาปาหี่ จากปัจจัยการมองเพียง 5 อย่างนี้เท่านั้น

 

ชุดเนี้ยบกว่าคนทั้งห้อง 25 %

เลิกพูดเถอะว่าแต่งตัวยังไงก็ไม่สำคัญ หากกางเกงเจเจหรือขาก๊วยที่สวมมามันไม่ได้ยัดเงินตุงมาเต็มกระเป๋ากางเกง เพราะทันทีที่เดินก้าวเข้ามาในห้องเพื่อจะพูดนำเสนออะไรก็ตาม คนเขาก็มองและตัดสินคุณตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เพราะฉะนั้นความประทับใจแรกและความเป็นมืออาชีพเลยเกาะอยู่ตามเสื้อผ้า ซึ่งคีย์สำคัญมันอยู่ที่ 25% ที่คุณต้องบวกมันเพิ่มขึ้นมาให้เหนือกว่าคนทั้งห้อง ต้องมีสไตล์กว่า ต้องเป็นทางการกว่า นั่นคือการช่วงชิงความเชื่อที่ดีได้

EXPERT RECOMMEND:

Matt Eversmann (คนซ้าย) และ James Citrin (คนขวา)

  • Matt Eversmann อดีตผู้บังคับบัญชาที่เกษียณจากกองทัพสหรัฐฯ ปัจจุบันสอนเรื่องความเป็นผู้นำใน Johns Hopkins University เขาบอกว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะส่งกลิ่นอายของความเชื่อมั่นน่าเกรงขามออกมานับแต่นาทีแรกที่เจอ ดังนั้นเพื่อกุมใจคนใต้บังคับบัญชาทั้งหลายให้พร้อม follow ทุกคำพูดแต่โดยดี ไม่มีประท้วง การแต่งกายให้ดีกว่าและเนี้ยบกว่าทุกคนแค่เล็กน้อยก็เหมือนการสะบัดเส้นโซ่กำราบได้แล้ว ที่สำคัญชุดที่เนี้ยบมันต้องเหมาะสมกับกาลเทศะ เนี้ยบให้ถูกงานแล้วคุณจะได้ใจไปเอง
  • James Citrin หนุ่ม Recruiter ที่สรรหาผู้บริหารระดับ CEO ให้บริษัททั้งหลายเคยให้คำแนะนำเหล่า candidate ว่าเคล็ดของการได้งานที่ดีมันอยู่ที่การเลือกชุด แค่ 25% ที่ทางการขึ้นก็เอาชนะใจกรรมการได้ ที่สำคัญตู้เสื้อผ้าของหนุ่ม ๆ ถึงจะไม่ได้เปลี่ยนบ่อยตามแฟชั่นเหมือนสาว ๆ แต่เราก็ต้องเปลี่ยนมันสักปีละสองครั้ง เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับบอดี้ของเรา ใครขยายใครเฟิร์มขึ้นจะได้มีเสื้อผ้าที่ฟิตพอตัว ที่สำคัญคือแมทช์ให้เหมาะกับสีผิวกับสีผมด้วยลุคจะได้ดูดี สุดท้ายคือปลายเท้าอย่าเลือกคู่ที่ตรากตรำเจนศึกรอยเพียบ เพราะมันขมุกขมอมเกินไปไม่เนี้ยบ

 

เช็กวิถีการส่งคำพูด

พูดให้มั่นใจต้องปรับวิธีการพูด คนทั่วไปอาจจะคิดว่าเอ้า! จะปรับยังไงล่ะครับเพราะธรรมชาติของผมมันเป็นแบบนี้ แต่เดี๋ยวก่อน ธรรมชาติบางทีมันก็ลงโทษเราได้เหมือนกัน ถ้าเราติดพูดเร็วยังไงคนก็มองว่าเราดูล่ก ดูไม่มั่นใจ ถ้าเนิบช้าเกินมันก็ทำให้ดูเฉื่อยชาไม่น่าฟัง ดังนั้นลองจับจังหวะการพูดให้ดีและฝึกการพูดแบบนั้นเพื่อให้ร่างกายจดจำจนเคยชิน ถัดจากจังหวะก็เป็นเรื่องของใบหน้า ระหว่างพูดให้ดูสีหน้าตัวเองในกระจกหรืออัดคลิปไว้ดูท่าทางได้ว่าสมูทดีไหม ถ้าเห็นทำหน้าแหยเมื่อไหร่รีบคลายปมที่ขมวดระหว่างคิ้ว ปรับท่าทางให้ดูน่าเชื่อถือด้วยอารมณ์สบาย ๆ เพราะมันทำให้คนฟังรู้สึกว่ากำลังพูดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่การท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง

EXPERT RECOMMEND:

  • Bryan Stevenson นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนที่ได้รับเสียงปรบมือยาวนานในเวที TED แนะนำว่าถ้ากลัวตื่นให้มองหน้าผู้ฟังเหล่านั้นแล้วคิดเสียว่ากำลังเล่าเรื่องให้กลุ่มเพื่อนของเราฟังระหว่างกินข้าวชิลล์ ๆ เหมือนแฮงก์เอาต์ช่วงเย็นปกติในร้านข้าวก็ได้ ส่วนความเร็วที่เขาใช้อยู่ที่ 190 คำต่อนาที แต่ใครที่อยากจะพูดให้เร้าใจขึ้นไปอีกเพราะต้องเป็น speaker พูดสร้างแรงบันดาลใจจับเวลาสำรวจมาแล้วอยู่ที่ 220 คำต่อนาที

 

ย่อให้ด้วย

การใช้คำยาว ๆ ยาก ๆ ไม่ได้จำเป็นเสมอไป ถ้าเราได้คำสั้นที่เฉียบกว่า การใช้คำสลับซับซ้อนยุคนึงอาจจะเป็นสิ่งที่นักวิชาการไว้ใช้อธิบายให้ดูมีหลักการสร้างความน่าเชื่อถือ แต่สำหรับยุคนี้คนที่ยุบคำให้สั้นลงและเข้าถึงได้ง่ายต่างหากที่ทำให้น่าเชื่อถือและเข้าใจได้ดีขึ้น

EXPERT RECOMMEND:

 

 

  • กลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยี Collective Health บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านประกันสุขภาพให้คำแนะนำว่าคนส่วนใหญ่งงทั้งนั้นเวลาพูดเรื่องเงื่อนไขประกัน สิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับการพูดคือการเตรียมคำพูดในภาษาเดียวกับที่เด็ก ป.3 ฟังแล้วยังเข้าใจ เออ…ถ้า ป.3 ฟังแล้วเข้าใจความเคลียร์นี้แหละที่จะดึงดูดให้คนฟังติดตามโดยไม่เบือนหน้าหนีอย่างแน่นอน

 

ซ้อมแบบกดดันหน่อย

เรื่องนี้ไม่ใช่เล่น ๆ ถ้าคำนึงถึงผลลัพธ์แล้วเราจะฝึกแบบสบายเกินไปไม่ได้ มันต้องหยอดความกดดันให้สมจริงเข้าไปด้วย หลายคนตกม้าตายในสถานการณ์สำคัญ ๆ เพราะขาดการเตรียมตัวเรื่องนี้

EXPERT RECOMMEND:

  • นักประสาทวิทยาออกมายืนยันจากผลการศึกษาของนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายว่ากว่าจะสำเร็จได้เขาต้องซ้อมในสภาพเหมือนจริงทุกประการเพื่อให้ร่างกายตอบสนองกับภาวะกดดันที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้น อย่าลืมว่าไหน ๆ เราจะต้องพูดต่อหน้าผู้คน ตอนซ้อมก็ต้องหาคนมาลองฟังดู เผื่อเจอรีแอ็คชั่นแปลก ๆ อย่างคนหันหน้าหนี หรือจิ้มสมาร์ตโฟน ในสถานการณ์จริงจะได้ดึงสติอยู่

 

ท่วงท่าเปิดกว้างผึ่งผาย

ซื้อใจด้วยคำพูด สีหน้า จังหวะ ความกดดันแล้ว สุดท้ายก็เรื่องท่าทางนี่แหละ หากเราคิดจะพูดให้คนเชื่ออย่าไปทำท่าปิดกั้นนัก วัดจากตัวเราเองก็ได้ว่าถ้ามีคนมาพูดอะไรให้ฟังแล้วยืนพูดหลังโพเดียมฉบับเดียวกับโฆษกเราคงอยากหันหน้าหนี หรือท่าทางกอดอก และล้วงกระเป๋านี่ก็ต้องจำให้ขึ้นใจว่าอย่าทำเป็นอันขาดเพราะมันดูลับ ๆ ล่อ ๆ เสียเหลือเกิน หรือท่าอื่นที่ต้องเซ็นเซอร์เราก็เคยมีสรุปให้ดูเพิ่มเติมแล้วไปดูกันได้

ส่วนท่าที่มีไว้สร้างความมั่นใจก็เป็นท่าผายมือออก วาดไปให้สัมพันธ์กับเรื่องเล่าอย่างเป็นธรรมชาติ การลดกำแพงระหว่างคนพูดกับคนฟัง ถ้าคิดภาพไม่ออกก็ให้จำลองภาพจากการดู TEDX เห็นไหมว่าเหล่า Speaker ทั้งหลายที่เราชื่นชมและเปิดฟังคลิปนับครั้งไม่ถ้วนเขาไม่เคยทำท่าทางแบบนี้เลยสักครั้ง

การเติมเต็มความมั่นใจด้วยวิธีทั้ง 5 อย่างที่นำมาฝาก ทีมงาน UNLOCKMEN ขอการันตีว่าเป็นวิธีที่ควรมีไว้ เพราะสิ่งนี้ถือเป็นหัวใจของการเสริมประสิทธิภาพทำงานเช่นกันไม่แพ้ความเก่งกาจอื่น ๆ และไม่ใช่การประจบเลียแข้งขาเจ้านายแบบที่ผู้ชาย UNLOCKMEN เกลียดเข้าไส้อีกด้วย ก็แค่ขายในสิ่งที่เราทำได้ดีเพื่อให้คนอื่นเห็นเท่านั้นเอง

สู้ ๆ นะหนุ่ม ๆ เรารู้คุณทำได้

 

 

SOURCE

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line