CARS

BMW SERIES 3 คอมแพคซีดานที่สะท้อนภาพลักษณ์ของ BMW ได้ดีที่สุด

By: LIT March 15, 2019

ถ้าให้พูดถึงไอคอนด้านยนตรกรรมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกก็คงหนีไม่พ้น BMW 3 Series แน่นอน ที่นับได้ว่าเป็นโมเดลที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ BMW ได้เด่นชัดที่สุดในฐานะคอมแพคซีดานตัวแรกที่โดดเด่นด้วยลุคสปอร์ตและสมรรถนะที่ทรงพลังและปราดเปรียวเหนือใคร

จนถึงวันนี้ BMW Series 3 ได้ผ่านมาถึง 6 เจเนอเรชั่นแล้ว และยังคงครองตำแหน่งยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมที่ขายดีที่สุดในโลก นอกจากนั้นแล้วยังเป็นรุ่นที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดของแบรนด์ BMW ด้วย โดยมียอดจำหน่ายรวมกว่า 15 ล้านคัน ซึ่งการออกแบบของรถในแต่ละยุคก็เปรียบเหมือนภาพสะท้อนของแฟชั่น ที่ทำให้เราได้เห็นถึงการพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงของโลกในช่วงนั้น ๆ

 

1975-1983

เริ่มกันด้วย BMW 3 Series E21 ต้องย้อนกลับไปที่ปี 1975 ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยูอีกยุคหนึ่ง และเป็นครั้งแรกที่ BMW 3 Series E21 ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ต้องบอกว่าการเปิดตัวของ BMW E21 นั้น สั่นสะเทือนไปทั้งวงการรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยดีไซน์กระจังหน้าที่ค่อนข้างชันและขนาดที่ใหญ่ขึ้น ดูล้ำยุคล้ำสมัยขึ้น และพูดได้ว่ามีสไตล์คล้าย ๆ 5 Series E12 ที่ผลิตอยู่ในช่วงนั้นเพื่อให้มันห่างจากกันมาก

ในส่วนของภายใน ตัวคอนโซลนั้นเป็นการนำวิธีการดีไซน์แบบใหม่เข้ามาใช้เป็นครั้งแรกและสร้างมาตรฐานให้กับรถรุ่นหลัง ๆ แผงควบคุมทั้งหลายจะทำมุมหันเข้าหาผู้ขับเพื่ออำนวยความสะดวกและวิสัยทัศน์ให้แก่ผู้ขับ

E21 เป็นผลงานการดีไซน์จากมันสมองและจินตนาการของ Paul Bracq ผู้ที่เป็น BMW Director of Design ในช่วงปี 1970 ถึง 1974

1982-1994

ในปี 1982 ไมโครเวฟ, เครื่องเล่นวีดีโอ, และระบบตอบรับอัตโนมัติในโทรศัพท์เริ่มเป็นสิ่งที่อยู่ติดบ้านทุกบ้าน และในปีนั้นเอง ก็เป็นปีที่คนทั้งโลกได้รู้จักกับ BMW 3 Series E 30 รุ่นนี้เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ 3 Series และถือว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ด้วยยอดขายที่ถล่มทลายในยุคนั้น

ในเรื่องดีไซน์ของ E30 ตัวรถนั้นมีความเพรียวลมและตอบสนองหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้นกว่ารุ่นก่อน พื้นที่ภายในนี้แน่น แต่มีประสิทธิภาพเพราะ วิศวกรของ BMW ได้ใช้เวลาออกแบบห้องควบคุมมันอย่างตั้งใจ อีกทั้ง E30 ยังเป็นรถคันแรก ๆ ที่มีระบบแจ้งเตือนด้วยไฟฟ้า (electronic monitoring device, service warning lights)

นอกจากนี้ยังทำออกมาให้เลือกทั้ง 2 ประตู 4 ประตู และยังมี Convertible อีกจึงทำให้ปัจจุบันยังได้รับความนิยมจากนักสะสมรถทั่วโลกอยู่ เพราะมันคือผลงานชิ้นเอกของ BMW ในตระกูล 3 Series

รถทุก ๆ คันใน 3 Series E30 จะมาในรูปแบบไฟหน้าคู่สองข้างหมดทุกคัน และก็ได้เป็นต้นแบบให้ 3 Series ทั้งหมดทุกรุ่นหลังจากนี้

1990-2000

และแล้วก็มาถึงยุค 90 ยุคที่ แฟชั่น ศิลปะ และเทคโนโลยีได้เข้าใกล้อนาคตขึ้นเรื่อย ๆ เจนเนอเรชั่นที่ 3 BMW 3 Series E36 รุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งดีไซน์ หรือจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกของมัน ซึ่งถ้าใครอยู่ในวงการรถยนต์ต้องเคยได้ยินฉายาของมัน ในชื่อ “บีเอ็มนกแก้ว” เพราะไฟคู่หน้าที่ดูเปลี่ยนไปมีกระจกมาครอบ และไตคู่ที่ดูกว้างขึ้น แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่สมรรถนะความแรงของมันยังไม่เคยเปลี่ยน และยังดีขึ้นอีกต่างหาก

ไอเดียของ E36 จริง ๆ แล้วเริ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 1981 ทุก ๆ ส่วนได้รับอิทธิพลจากสร้างรถเพื่อตอบสนองหลักอากาศพลศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะรูปทรงภายนอก และกระจกครอบไฟหน้า แม้กระทั่งกระจกข้างก็ยังถูกออกแบบให้เล็กลง

1997-2006

ในปี 1997 นี้หนังฟอร์มยักษ์เรื่อง Titanic ได้ทำลายสถิติโรงหนัง การเจาะหูกลายเป็นเรื่องปรกติธรรมดา การส่งข้อความทางโทรศัพท์ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในชีวิตทุกคนไปแล้ว และก็เป็นปีที่ BMW 3 Series E46 ได้เข้าสู่ตลาด

เจนเนอเรชั่นที่ 4 BMW 3 Series E46 นอกจากจะพัฒนารูปร่างหน้าตาของมันให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น หรูหรามากขึ้น ตามยุคสมัย เพราะว่ากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียลอย่างแท้จริง

การเปิดตัวของ E46 ยังถือเป็นการปฎิวัติความเหลี่ยมในการดีไซน์ของยุคที่ผ่านมาอีกด้วย กระจกของไฟคู่หน้ามีความโค้งขึ้น หลังคาโค้งเว้ามากกว่าเดิม เรียกว่าทันยุคทันสมัย ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ BMW 3 Series

2005-2013

มาถึงการเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้งนึงในปี 2005 ได้มีการเปิดตัว BMW 3 Series E90 นับเป็นอีกครั้งที่เป็นการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของ BMW 3 Series เลย มันคือการวิวัฒนาการ เพราะด้วยดีไซน์ที่เปลี่ยนไปมีความโค้งมนอย่างสวยงาม มีสเน่ห์ รวมถึง เส้นสาย ทั้งภายในภายนอกที่ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งเป็นการทิ้งการออกแบบในยุคเดิม ๆ ไปเลย ซึ่งการออกแบบก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก BMW Z4 นั่นเอง ให้มีกลิ่นอายของความเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง

และในเวลาแค่หนึ่งปีเท่านั้น รถคันนี้ก็ได้รับรางวัล “World Car of the Year” (WCOTY) ไปครอบครอง และตามมาด้วยรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายในปีถัดมา

 

2011-2018

F30, F31, F34 คือรหัสของ BMW 3 Series รุ่นที่หกที่ผลิตในปี 2011 ถึงปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรุ่นนี้ คือการที่รถยนต์รูปแบบคูเป้ หรือเปิดประทุน (Convertible) ถูกย้ายไปอยู่ใน 4 series แทน และในเจนเนอเรชั่นที่หกนี้ก็ได้มีบอดี้แบบ GT (Gran Turismo) อีกด้วย

การเปิดตัวของ BMW 3 Series F30 ในรุ่นนี้ ต้องบอกว่าเป็นการรื้อโครงสร้างการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด โดยเน้นรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ดุดัน สะดุดตา ดูเป็นความสปอร์ตเต็มตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า และยังถูกทำให้คล้ายคลึงกับ 5 Series และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นอีกด้วย

จุดเด่นของดีไซน์ที่เห็นได้ชัดก็คือไฟหน้าที่เชื่อมต่อกับไตคู่เหมือนเป็นชิ้นเดียวกัน และไฟหลังเป็นรูปทรงตัว L

อีกทั้งยังมีการนำระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวโยงกับตัวรถมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ถึงจะเปลี่ยนการออกแบบเกือบทั้งหมด แต่ไฟหน้าและกระจังหน้าก็ยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ BMW ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน

 

2019

โมเดลล่าสุดของ BMW 3-series นับเป็น Generation ที่ 7 และคนทั่วโลกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นรุ่นที่สวยที่สุด สามารถผสมผสานความสปอร์ตและความหรูหราเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ตัวถังมีขนาดใหญ่โตขึ้นกว่ารุ่นก่อน ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 16 มิลลิเมตร สูงขึ้น 1 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อใหญ่ขึ้น 41 มิลลิเมตร เพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางขึ้น ความพิเศษคือการดีไซน์ภายนอกและภายในใหม่หมด ไฟหน้า LED ที่เชื่อมต่อกันยาวไปถึงไตคู่ขนาดใหญ่ เหลี่ยมสันของลายเส้นที่คมคายขึ้น รับกับไฟ LED ทรง L Shape ด้านท้าย และที่สำคัญคือ interior ใช้แบบเดียวกันกับของ BMW Z4  และ 8-seriesใหม่ พร้อมยกเทคโนโลยีหลายอย่างมาไว้ในรถคันนี้ ไม่ว่าจะเป็น BMW Intelligent Personal Assistant, Parking Assistant และอีกมากมาย สำหรับสเปคไทยคงต้องรอดูรายละเอียดกันว่าจะจัดเต็มมาขนาดไหน

สำหรับใครที่สนใจ BMW 3-Series G20 สามารถสัมผัสคันจริงขอจริงได้ในงาน ​Motor Show ที่จะถึงนี้ แนะนำให้ทำใจแข็ง ๆ เข้าไว้ เพราะคุณอาจจะเผลอจองได้โดยไม่รู้ตัว เพราะ G20 คันนี้สวยจริง ๆ

 

LIT
WRITER: LIT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line