Entertainment

MANGA FOR LIFE : รวมมังงะ 6 เล่ม ที่อยากให้ทุกคนอ่านก่อนหมดปี 2022

By: GEESUCH December 29, 2022

อีก 2 วันสุดท้ายก็จะเข้าปีใหม่แล้ว (ไวมาก !) ใครที่ยังเลือกกิจกรรมทำในช่วงวันหยุดยาวอยู่ UNLOCKMEN ขอแนะนำมังงะ 6 เล่มที่ต้องอ่านก่อนหมดปี 2022 เพราะในหน้ากระดาษเหล่านั้นเต็มไปด้วยข้อคิดในการใช้ชีวิตดีมากมาย ซึ่งจะเป็นแรงซัพพอร์ตชีวิตในปี 2023 ของทุกคนได้เป็นอย่างดี : )


Look Back (Tatsuki Fujimoto) ตั้งคำถามกับความฝันของตัวเองให้แน่ใจ ว่ามันใช่ความฝันของเราจริงมั้ย ?  

ที่สุดของมังงะ One Short (ตอนเดียวจบไม่มีภาคต่อ) ของปี 2022 และของชีวิตเรา ในช่วงเวลาที่มังงะโชเน็นเรื่อง Chainsaw Man กำลังไฮป์อย่างสุดขีด ทั้งยอดขายต่อเล่ม และการถูกนำไปต่อยอดทำเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอ MAPPA จนทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ‘สมการความเก่งของนักเขียนการ์ตูนที่ชื่อ ‘ฟูจิโมโตะ ทัตสึกิ’ มาจากไหน’ มังงะเรื่อง Look Back มีคำตอบของคำถามนั้นซ่อนอยู่ในรูปแบบของจดหมายที่คุณฟูจิโมโตะเขียนถึงตัวของเขาเองในฐานะของนักเขียนการ์ตูนคนหนึ่ง

เรื่องย่อ : Fujino เด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมที่เป็นมือวาดการ์ตูนแก๊กประจำหนังสือพิมพ์ประจำสัปดาห์ของห้อง ถูกอาจารย์ประชั้นไหว้วานขอให้ช่วยแบ่งพื้นที่บนหน้าหนังสือพิมพ์ให้หน่อย เพราะอยากให้เพื่อนที่อยู่ห้องข้าง ๆ ชื่อ Kyomoto ซึ่งเป็นเด็กเก็บตัวกลัวสังคมภายนอกจนไม่มากล้าโรงเรียน ได้วาดการ์ตูนแก๊กด้วยเหมือนกัน … เหตุการณ์ผ่านไปจนถึงวันจบการศึกษาตอนชั้นประถม ฟูจิโนะถูกอาจารย์ไหว้วานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาขอให้เธอช่วยเอาใบจบการศึกษาไปให้เคียวโมโตะที่บ้านให้หน่อย แล้วตรงนั้นเอง การพบกันครั้งแรกทำให้ทั้งคู่ได้สานสัมพันธ์แห่งมิตรภาพผ่านการ์ตูนที่วาดด้วยกัน 

เป็นเรื่องที่ Recommend มาก ๆ สำหรับคนที่ชื่นชอบอาจารย์ฟูจิโมโตะแล้วอยากทำความรู้จักเขาเพิ่มให้รอบด้านมากขึ้น ความอัจฉริยะในการวางซีนแต่ละช่องที่ให้จังหวะแม่นยำราวกับกำลังดูหนังดี ๆ สักเรื่อง ใน Look Back นั้นเหนือระดับยิ่งกว่า Chainsaw Man เสียอีก คือมีระเบิดเวลาที่พร้อมทำให้น้ำตาร่วงได้ตลอดเวลาเลย แล้วสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้แฟน ๆ ตกใจมาก คือไม่นึกว่าเขาจะทำแนว Realistic ได้งดงามขนาดนี้ มันมนุษย์แบบที่สุดถึงที่สุดแล้วอะ     

Look Back เป็นมังงะที่เสียดสีสิ่งที่สังคมภายนอกมองเข้ามาถึง ‘คนวาดมังงะ’ อยู่ตลอดเวลา ทั้งการสร้างให้สไตล์งานของ 2 ตัวละครหลัก ฟูจิโนะ กับ เคียวโมโตะ ออกมาต่างกันอย่างสุดขั้วเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบ หรือการเอาช่วงเวลารอยต่อสำคัญของชีวิตตอนขึ้นชั้นมัธยม มาตั้งคำถามถึงความไม่มีกินของอาชีพนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเสียดสีที่อ้างอิงจากชีวิตจริงของคนทำงานศิลปะทั้งสิ้น และเป็นการปูทางสู่การพูดเรื่องความฝันไปในตัว ถ้าเจอสิ่งเหล่านี้แล้วเราจะทิ้งความฝันมั้ย แล้วถ้าทิ้งความฝันลงไปแล้วครั้งนึง การที่จะกลับมาเริ่มใหม่นั้นเป็นไปได้มั้ยนะ

ถ้าใครเคยอ่านมังงะของอาจารย์ฟูจิโมโตะหลาย ๆ เรื่อง จะเห็นว่าเขาจะหยิบประเด็นเรื่อง ‘การมีชีวิตต่อไปเพื่อทำสิ่งที่ฝันให้สำเร็จ’ ขึ้นมาพูดอยู่เสมอ ใน Look Back เองก็เหมือนกัน ประเด็นนี้ถูกยกขึ้นมาผ่านไดอะล็อคสำคัญในตอนท้ายที่ว่า “ถ้าการวาดการ์ตูนมันไม่สนุกเลย ทำไมฟูจิโนะถึงวาดการ์ตูนล่ะ ?” คำตอบของคำถามนี้ไม่ได้ถูกพูดออกมาจากปากของตัวละครตัวไหน แต่มันถูกตอบไปแล้วตั้งแต่เหตุการณ์ในช่วงต้นเรื่อง จนมาถึงท้ายเรื่องก็เป็นการย้ำคำตอบนั้นให้ชัดเจนขึ้นไปอีกครั้งนึง ซึ่งมันทำเราเชื่ออย่างหมดใจเลยว่า เหตุผลที่อาจารย์ฟูจิโมโตะยังคงวาดการ์ตูนออกมาให้เราได้อ่านกันเรื่อย ๆ มันหมายถึงว่าความฝันของเขามีขึ้นเพื่อต้องการเพียงมีใครสักคนที่อยู่ข้างกันบนเส้นทางเดินนี้ อาจจะเป็นคนอ่านหรือคนรักก็ตามแต่ เหมือนที่ ฟูจิโนะ มี เคียวโมโตะ นั่นเอง  


Mob Psycho 100 (ONE) การมีพลังวิเศษไม่ใช่สิ่งที่วิเศษเสมอไป ถ้าเราไม่ได้เข้าใจสิ่งที่อยู่ในชีวิตของตัวเองเลย 

ถึงเวอร์ชั่นมังงะของการ์ตูนเรื่องนี้จะจบล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่ฉบับอนิเมะนั้นเพิ่งฉายจบในปี 2022 นี้เอง หลังจากที่ออกฉายครั้งแรกในปี 2016 ก็ใช้เวลาไปถึง 6 ปี ! ใครที่ยังไม่ได้ดูก็ขอเชิญชวนมาก ๆ (ใน Netflix มี) เป็นการ์ตูนน้ำดีที่สตูดิโอ Bones ท๊อปฟอร์มเรื่องงานภาพแบบสุดพลัง

Mob Psycho 100 เล่าเรื่องราวของเด็กชายวัยมัธยมชื่อ Kageyama Shigeo แต่เพื่อน ๆ ให้ฉายาเขาว่า Mob เด็กหนุ่มคนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกที่มีพลังจิตวิเศษ สามารถมองเห็นวิญญาณ ขับไล่ผี และปกป้องผู้คนบนโลกได้ เพราะเขาก็เป็นอีกไม่กี่คนบนโลกอีกเช่นกันที่มีพลังแรงกล้ายิ่งกว่าใคร

สิ่งที่ยอดเยี่ยมมากใน Mob Psycho 100 นอกจากความสนุกแบบการ์ตูนโชเน็น หรือการดีไซน์พลังจิตเท่ ๆ ต่าง ๆ นา ๆ แล้ว คือการตั้งประเด็นคำถามที่ว่า ‘พลังจิตไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะการใช้ชีวิตคือการเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ต่างหากล่ะ’ ตลอดทั้งเรื่องนี้ เราจะได้เห็นม็อบปฎิเสธความดีงามถึงพลังจิตของตัวเองซึ่งคนอื่นชื่นชมมาโดยตลอด เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขาเป็นวัยรุ่นคนนึงที่ต้องการมีเพื่อนสักคนที่เข้าใจกัน / ต้องการมีสุขภาพอันแข็งแรง / ไปจนถึงมีความกล้าพอจะบอกความในใจกับคนที่แอบชอบออกไป และพลังจิตไม่ได้อยู่ในสมการตัวช่วยให้สำเร็จในสิ่งเหล่านั้นได้เลยแม้แต่ข้อเดียว ทั้งหมดต้องเริ่มจากตัวของเขาเอง  


jujutsu kaisen 0 (Gege Akutami) อย่าให้ความรักที่ toxic กลายเป็นกรงขังเราทั้งคู่เอาไว้

เชื่อว่า Jujutsu Kaisen ภาค 0 หรือในชื่อไทยว่า ‘มหาเวทย์ผนึกมาร’ ที่ถูกทำเป็นอนิเมะโดยสตูดิโอ MAPPA (อีกแล้ว) ต้องติดลิสต์เป็นตัวท็อปในดวงใจของใครหลายคนในปี 2022

Jujutsu Kaisen 0 จะเล่าเรื่องย้อนกลับไปก่อนเส้นเรื่องในปัจจุบันของมหาเวทย์ผนึกมารภาคหลัก โดยโฟกัสที่เรื่องราวตอนเข้าเป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนไสยเวทของ Yuta Okkotsu หนึ่งในนักเรียนระดับพิเศษที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกไสยเวท กับพลังของเขาที่มีความเกี่ยวโยงกับคำสาปหลังจากที่คนรักตอนประถม Rika Orimoto ได้จากไป   

ในช่วงท้าย ๆ ของ Jujutsu Kaisen 0 เนื้อเรื่องได้ถูกเฉลยว่าแท้จริงแล้วพลังอันยิ่งใหญ่ของยูตะ เกิดจากคำสาปอันแรงกล้าซึ่งทำให้ริกะ (คนรักตอนประถม) กลายเป็นวิญญาณร้ายคอยกลับมาช่วยในทุกครั้งที่เขาเรียกเสมอ กล่าวได้ว่า ‘ความรัก’ คือชื่อของคำสาปนั้น มันเป็นคำสาปชนิดที่ทำให้ริกะต้องติดตามเขาไปตลอดชีวิตตั้งแต่วันที่เธอจากไป และเป็นคำสาปนี้เองที่ทำร้ายชีวิตของทั้งคู่มาโดยตลอดมาจะอยู่คนละฝั่งของโลกก็ตาม สามารถพูดได้เลยว่า ‘ความรัก’ ที่สวยงามในตอนเด็ก เหลือเพียงดอกกุหลาบแห่งความ Toxic ไปแล้ว

แต่โชคยังดีที่คำสาปนี้ถูกแก้ไขได้ในท้ายที่สุด เมื่อยูตะรู้แล้วว่าตัวเองเป็นคนที่ใช้คำสาปกักขังริกะไม่ให้หายไปไหนมาโดยตลอด ยูตะขอให้ริกะจากไป เป็นการบอกเลิกในรูปแบบที่ดีที่สุด เพราะต่างคนต่างเข้าใจความ Toxic ที่เกิดขึ้นในรักครั้งนี้ และเปิดประตูของกรงขังเดินออกไปจากกัน   


Kotaro Lives Alone (Mami Tsumura)ไม่มีใครที่สมควรจะโดดเดี่ยวตัวคนเดียวบนโลกใบนี้หรอก  

ที่สุดของมังงะแห่งความงดงามในชีวิตปี 2022 ของเรา เข้าใจได้ง่าย ๆ ในตอนที่อ่านจบเล่ม 1 เลยว่าทำไมมันถึงไฮป์ในประเทศไทยได้ขนาดนั้น

มังงะเรื่อง ‘โคทาโร่ชอบอยู่คนเดียว (Kotaro Lives Alone)’ เล่าเรื่องราวของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลชื่อ Kotaro Sato ที่เช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยตัวคนเดียว กับเหล่าเพื่อนบ้านสุดเปิ่นที่มีทั้งนักเขียนการ์ตูนผู้ไม่ประสบความสำเร็จ / คุณลุงรักเด็กที่หน้าดุเหมือนยากูซ่า / พี่สาวบาร์โฮสต์ผู้ที่ความรักดี ๆ ไม่เคยผ่านเข้ามาเลย แต่คำถามสำคัญคือ “ทำไมเด็กชั้นอนุบาลถึงต้องอยู่ตัวคนเดียว”

อ่านมังงะเรื่องนี้แล้วแอบคิดถึงวรรณกรรมเรื่อง ‘เจ้าชายน้อย’ อยู่ไม่น้อย มันคือการหยิบประเด็นความผิดพลาดของชีวิตซึ่งเมื่อเราโตขึ้นแล้วไม่สามารถมองเห็นได้ ต้องให้เด็กเป็นคนชี้ให้ดู ขอยกตัวอย่างตอนโปรดที่เราชอบมากขึ้นมาให้อ่านกัน 

มันจะมีตอนนึงที่โคทาโร่เดินหกล้มเป็นแผลที่เข่า จึงพยายามติดพลาสเตอร์ด้วยตัวเอง เมื่อติดเสร็จเขาก็เรียกหนุ่มนักวาดการ์ตูนข้างห้องให้มาดูว่าตัวเองเก่งมั้ย พ่อหนุ่มคนนี้ก็งงว่าทำไมถึงต้องมาโชว์ให้ดูนะ ก่อนจะคิดได้ทีหลังว่า เออจริง ๆ แล้วคนเราทุกคนต้องการให้คนที่มีความหมายกับตัวเองชื่นชมในสิ่งที่เราสำเร็จนี่นา แล้วช่วงวัยของโคทาโร่ที่เด็กขนาดนั้นก็ยิ่งต้องการเป็นพิเศษไม่ใช่หรอ คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มนักวาดการ์ตูนก็วาดตัวละครโปรดของโคทาโร่ให้ที่พลาสเตอร์เป็นของขวัญ แล้วรอยยิ้มของโคทาโร่ที่แทบไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนก็เผยออกมาให้เขา และมันทำให้เขาได้รู้อย่างชัดเจนเลยว่า สิ่งที่เขาพยายามทำมาตลอดชีวิตก็ต้องการใครสักคนชื่นชมเหมือนกัน 

มีเหตุการณ์ประทับใจมากมายที่เกิดขึ้นในมังงะเรื่องนี้ พร้อมกับบทเรียนที่คนอ่านไม่มีทางลืมได้เลยว่าการขอความช่วยเหลือบ้างในบางเรื่องที่ตัวเองทำไม่ได้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เราเองก็ต้องมีใครสักคนคอยอยู่บนโลกนี้ไปด้วยกัน 


Dandadan (Tatsu Yukinobu) แค่ใครสักคนบนโลกที่จะไม่ทำให้เรากลายเป็น ‘คนนอก’ อีกต่อไป

นี่คือมังงะว่าด้วยเรื่องของผี สิ่งลี้ลับที่สาเหตุไม่ได้ และวิญญาณ เล่าผ่านเด็กหนุ่มวัยมัธยมใส่แว่นสุดเนิร์ดชื่อ Ken Takakura (aka.Okarun) ซึ่งเขาไม่ได้เนิร์ดเรียนนะ แต่เป็นเนิร์ดเรื่องของมนุษย์ต่างดาวและ UFO และเพราะตัวตนนั้นเอง ทำให้เขาถูกแกล้งมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่แล้ววันหนึ่ง โอคารุนถูกช่วยจากการกลั่นแกล้งโดย Momo Ayase หญิงสาวห้องเรียนข้าง ๆ ทั้งคู่ได้คุยกันพร้อมกับพบว่าโมโมะเชื่อเรื่องผีแต่ไม่เข้าใจในมนุษย์ต่างดาว ในขณะที่โอคารุนเชื่อเรื่องวิญญาณหมดใจแต่เรื่องผีเป็นสิ่งไร้สาระสำหรับเขา การผจญภัยที่มีเรื่องของ UFO, คุณยายสปีด ก็เริ่มต้นขึ้น

สิ่งที่เราอยากให้คนอ่านทุกคนรู้ก่อนเลยก็คืออาจารย์ทัทซึเคยเป็นผู้ช่วยวาดของ Tatsuki Fujimoto ในตอนที่เขาลงมือทำงาน Chainsaw Man มาก่อน ก็เรียกว่าใช้ผู้ช่วยที่คาแรคเตอร์ดีไซน์จัดสุด ๆ ดีใจที่สุดท้ายแล้วคุณทัทซึได้มีผลงานรวมเล่มขนาดยาวเป็นของตัวเอง

จากเรื่องย่อก็ต้องบอกว่าใครที่กำลังเดาว่า Dandadan เป็นมังงะโชเน็นผจญภัยต่อสู้ล่ะก็ ใช่ครับเดาไม่ผิดหรอก แล้วเขาก็ทำในพาร์ทนั้นได้สนุกเร้าใจด้วย ทั้งมีฉาก service ให้หัวใจพอกระชุ่มกระช่วย ฉากต่อสู้สุดอลังการงานคราฟต์ไม่ผิดหวังเลยสักครั้งที่มีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน คือการใส่ประเด็นของการเป็น ‘คนนอก’ มาตลอดชีวิต ได้แบบไม่พยายามยัดเยียดจนเกินไป เล่าผ่านความสัมพันธ์ของ friend zone ระหว่างโมโมะกับโอคารุนได้น่ารักมากกก         

ถึงทั้ง 2 ตัวละครหลักจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างสูงในทีแรก แต่เมื่ออ่านไปสักพักน้ำแข็งก็จะค่อย ๆ ละลาย แล้วทุกคนจะเห็นเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องราวของ Girl Next Door แต่คือเรื่องราวของวัยรุ่นสองคนที่มีรูโหว่ในจิตใจซึ่งรอการเติมเต็ม พูดถึงตัวของ โอคารุน เขาเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลยตลอดชีวิต โดนคนในรุ่นเดียวกันบูลลี่เพราะในสิ่งที่ตัวเองมีแพชชั่นนั้นมันไปมีปัญหาหนักหัวคนอื่น จนในวันที่โมโมะเข้ามา ปัญหาของการไม่มีเพื่อนดูจะหายไป-แต่จริง ๆ คือปัญหาที่ซับซ้อนกว่านั้นกำลังก่อตัวขึ้น ‘Low self-esteem’ คือสิ่งที่เกิดขึ้น เขากลัวตลอดเวลาว่าตัวเองจะทำลายความสัมพันธ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ตลอดเวลา ถึงขนาดพูดโทษตัวเองอยู่บ่อย ๆ ในสิ่งที่คิดไปเองว่าทำผิด ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เปล่าเลย

ในด้านของ โมโมะ เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดีที่โตผ่านการเลี้ยงดูของคุณยาย (ซึ่งเป็นร่างทรง) ไม่ได้มีพ่อ-แม่เลี้ยงดู ปัญหาของโมโมะก็คือ ‘การโหยหาความรัก’ และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องนี้คือการที่เธอคิดว่าความรักในฝันจะต้องเป็นในสิ่งที่เด็กสาวคนหนึ่งจินตนาการถึงดาราที่ตัวเองชอบ แสนดี หล่อ เข้ากันได้ทุกอย่าง แล้วรักครั้งแรกของโมโมะจึงพังทลายลงเพราะว่าแบบนั้น .. การได้เจอกับโอคารุนค่อย ๆ ทำให้เธอเริ่มเชื่อว่า หรือจริง ๆ ความรักที่ใช่สำหรับตัวเอง อาจจะมาในรูปแบบของเพื่อนที่สนิทใจกันที่สุดก่อนก็ได้ และใครคนนั้นไม่ได้มีสมการเรื่องรูปร่างหน้าตาเลย เป็นเรื่องของความรู้สึกสบายใจแทบทั้งสิ้น อาจจะมีสิ่งที่ไม่เหมือนดั่งฝันบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะความรักในชีวิตจริงไม่ได้เหมือนกับในฝันสักหน่อย ในขณะที่โอคารุนเองก็กำลังคิดแบบนั้นเหมือนกันอยู่ 


Summer Time Rendering (Yasuki Tanaka) เพราะเวลาของมนุษย์มีจำกัด อย่าใช้มันไปกับเรื่องที่จะเสียดายทีหลัง

เรื่องย่อ : Shinpei Ajiro เดินทางกลับบ้านเกิดที่อยู่บนเกาะห่างไกลจากเมืองใหญ่ในโตเกียว เพราะต้องไปร่วมงานศพของ Ushio Kofune เพื่อนสาวที่สนิทกันมากตอนวัยเด็ก แต่ผิดใจกันในวันที่ชินเปตัดสินใจมุ่งหน้าสู่โตเกียวเพื่อทำตามความฝันของตัวเอง แต่ทว่า เบื้องหลังการตายของอุชิโอะมีอะไรลึกลับซับซ้อนมากกว่าการจมน้ำ และมันเกี่ยวพันถึงชินเปกับชีวิตของทุกคนบนเกาะนั้น

อยากจะขอเล่าเรื่องย่อเอาไว้แค่นี้ ไม่อยากสปอยล์เลย เพราะความสนุกของมังงะเรื่อง ‘ปริศนาบ้านเก่าเงามรณะ (Summer Time Rendering)’ ขึ้นอยู่กับความไม่รู้อะไร เอาเป็นว่าถ้าใครที่ชอบหนังเรื่อง Butterfly Effect (2004) คือห้ามพลาดเด็ดขาด ! แล้วใครที่กลัวอ่านมังงะไม่จบทันปีใหม่ เวอร์ชั้นอนิเมะใน Disney+ ก็ดีแบบสุด ๆ แนะนำเหมือนกันครับผม

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการ์ตูนเรื่องนี้ คือสิ่งที่ตัวเอกของเรื่องชินเปได้เข้าใจหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหมดไปจนถึงบทสรุป คือ ‘เวลา’ ในชีวิตของมนุษย์นั้นมีจำกัด ผู้คนที่รัก สถานที่ที่อยากใช้ชีวิต ความฝันที่ต้องทำให้สำเร็จ ถ้าตัดสินใจจะทำอะไรก็ขอให้เลือกให้ดี อย่าได้เสียเวลาไปกับเรื่องที่จะทำร้ายตัวเองกับคนที่เรารักเป็นอันขาด

GEESUCH
WRITER: GEESUCH
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line