Life

สัญญาณว่าคุณกำลังเจอคนห่วย ๆ ต้องรีบชิ่งหนีให้ห่างอย่างด่วน (Based on Breaking Bad Character)

By: myfifthday February 2, 2020

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทุกวันนี้เรากำลังอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยคนหลากหลายนิสัยใจคอ ที่มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป และบ่อยครั้งที่คนเหล่านี้จะมาในรูปแบบของเพื่อนหรือคนรู้จักในที่ทำงาน ด้วยสถานการณ์บีบบังคับหลาย ๆ อย่าง ที่เราจำเป็นจะต้องเจอคนประเภทที่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง แต่มองเรื่องอื่นที่เป็นความท้าทายหรือสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจว่าเป็นปัญหาขัดใจที่รับไม่ได้ มาอยู่ในสังคมเดียวกับเราโดยไม่รู้ตัว

เพราะเหตุนี้เราควรที่จะเริ่มสังเกตคนรอบๆตัวเรา ดูว่ามีคน Toxic แบบนี้อยู่บ้างไหม จะได้หาทางหลีกเลี่ยงไปให้ไกลก่อนเป็นภัยกับตัวเอง เพราะทุกงานวิจัยล้วนยืนยันว่า การอยู่ร่วมกับคน Toxic มาก ๆ เข้า จะกลายเป็นเรานี่แหละที่เสียอาการ

 

คนที่ไม่มีความตั้งใจ_อะไร (เพื่อส่วนรวม) เลย

เคยเห็นคนที่มันใช้ชีวิตโคตรไร้ทิศทางไหม? คนแบบนี้เหมือนไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลยในชีวิต?

ทำไมถึงต้องหนีให้ห่างจากคนแบบนี้ ก็เพราะว่าคนประเภทนี้มักจะคิดตามใจตัวเองสุดๆ อยากจะพักก็พัก อยากจะเททุกอย่างทิ้งก็ทำ มีแพลนโน่นนั้นนี่ว่าจะทำอะไรดี เริ่มต้นเป็นเหมือนไอเดียที่ยิ่งใหญ่ แต่พอผ่านไปวันสองวันก็เหมือนลืมไปแล้ว หรือเจอปัญหาก็ล้มเลิกแบบไม่ทันได้พยายามอะไร ไม่ได้จับต้องอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คิดว่าปัญหาของคนอื่นมันเรื่องเล็ก ปัญหาหรือเหตผลของตัวเองเป็นเรื่องใหญ่

คนแบบนี้ถ้ายิ่งอยู่ใกล้จะพาลทำให้เราติดนิสัยทำอะไรอ่อนปวกเปียกมาด้วยแบบไม่รู้ตัว และมันจะเป็นปัญหาที่ค่อย ๆ มีผลกระทบขนาดใหญ่ในภาพรวมขององค์กร เพราะการทำงานเป็นทีมต้องการความตั้งใจจากทุกคนทุกฝ่าย การปล่อยให้มีคนคิดแบบนี้เป็นเวลานานจะแพร่กระจายความคิดลบ จนคนอื่น ๆ ที่เคยมีไฟก็กลับมอดดับไปด้วย วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการคุยแบบเปิดอก และลองให้โอกาสปรับตัวสักพัก ถ้าเวลาผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น การอยู่ให้ห่างหรือรายการเรื่องนี้ให้หัวหน้าได้ทราบถึงผลกระทบเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

คนเอาตัว (เอง) รอด

คนแบบนี้จะชอบอยู่กับเพื่อนและครอบครัว ชอบอยู่กับคนที่จะทำให้หัวเราะได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือคนแบบนี้มีความคิดที่จะ “ไป” ตลอดเวลา และก็มักจะต้องการทำให้ได้ในทันที เหมือนคนที่อยู่ในสภาวะที่พร้อมทิ้งทุกอย่างได้ตลอด ไม่ว่าที่แห่งนั้นจะดีมากแค่ไหนก็ตาม และคนแบบนี้ก็ต้องการมีออฟชั่นเสริม (ตัวเลือก)  เป็นทางเลือกให้ตัวเองก่อนเสมอ โดยไม่ได้แคร์หรือสนใจสถานการณ์หรือเห็นใจคนส่วนใหญ่อะไร เพราะคิดว่ายังมีอีกตัวเลือกอยู่ดี

คนแบบนี้จะไม่นึกถึงโอกาสดี ๆ มากมายที่ได้รับจากคนนอื่น ไม่มองเห็นคนข้างหลังหรือลูกน้องแน่นอน เพราะเมื่อมีอะไรดีกว่าก็จะไป หรือจะทำดีต่อเมื่อต้องการอะไรบางอย่างของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง มองหาแต่โอกาสจนย่ำเหยียบคนอื่นๆ เพื่อยกให้ตัวเองไปได้สูงขึ้นไปอีก

ถ้าเจอคนแบบนี้ต้องรีบตีตัวออกห่าง เพราะว่าคนเหล่านี้ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากผลประโยชน์ล้วน ๆ จนบางครั้งเราก็แยกไม่ออกระหว่างความจริงใจกับคำว่าผลประโยชน์

 

คนที่อยู่ด้วยแล้วอึดอัด

ไม่ว่าบรรยากาศจะครื้นเครงเฮฮาขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่ออยู่กับคนแบบนี้แล้วมักจะก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดใจ และไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา หรือจะนั่งเงียบสง่าอยู่คนเดียวแบบไม่สนโลก ก็มักจะทำให้เกิด Dead Air บรรยากาศเงียบ ไม่มีใครสนใจในสิ่งที่เขาพูด

แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือคนพวกนี้มักจะไม่แคร์ไม่สนใจอะไร ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้บรรยากาศมาคุโดยรอบ ไม่คิดจะปรับปรุงตัวเองหรือช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น บอกเลยว่าถ้าคุณถูกทิ้งให้อยู่กับคนแบบนี้แค่เพียงสองคน ถือว่าเป็นโชคร้าย เพราะมันจะเป็นช่วงที่เวลาเดินช้าและน่าอึดอัดใจมากเหลือเกิน

 

คนเป็นศูนย์กลางจักรวาล

ถ้าคุณเจอคนประเภทนี้ต้องรีบหนีให้ไว เพราะว่าคนแบบนี้เวลานัดหรือวางแผนจะทำอะไรด้วย มักจะเบี้ยวนัด เบี้ยวกิจกรรมเป็นประจำ แถมยังมีความคิดแปลก ๆ ตรงที่ชอบเอาความรู้สึกของตัวเองเป็นที่ตั้ง แบบที่พวกเราเรียกว่าเอาตัวเองเป็นศูษย์กลางจักรวาลนั่นแหละ

ถ้าเขาไม่อยากไปก็จะไม่ไป ไม่อยากทำก็จะไม่ทำ หรืออยากจะทำในแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่สนใจฟังเสียงของคนรอบข้างหรือสถิติใด ๆ โดยทั้งหมดนี้ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะได้รับผลกระทบจากการกระทำของเขาหรือไหม คิดแค่ตัวเองสบาย ไม่เดือดร้อนคนเดียวก็พอแล้ว

 

คนเฉยชาหน้าตาย

เคยเจอบ้างไหม คนที่เวลาคุยหรือเล่าอะไรให้ฟังในที่ประชุมแล้วชอบทำท่าทางเฉยเมย ไม่สนใจ แต่กลับกันเมื่อต้องเป็นฝ่ายเล่าบ้าง ก็อยากให้เรารับฟังพร้อมทำท่าสนใจ

ถ้าคุณกำลังอยู่ในความสัมพันธ์กับคนแบบนี้ละก็ อาจต้องคิดทบทวนกันใหม่ดูสักหน่อย เพราะต่อไปคุณอาจเป็นฝ่ายทำตามความต้องการของคนแบบนี้ตลอดเวลาจากความเคยตัว เข้าทำนอง ไม่มีเค้า เราต้องเดือนร้อน แต่ถ้าไม่มีเรา เค้าจะสบายใจ ไม่ต้องรำคาญ เหมือนกดให้คนอื่นต้องอยู่ต่ำกว่าโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

 

Everything negative – pressure, challenges – is all an opportunity for me to rise.

ในชีวิตจริงอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะหนีห่างจากคนที่เราไม่อยากอยู่ด้วย โดยเฉพาะในสังคมที่ทำงาน แต่สิ่งที่จะช่วยได้คือการสร้างพื้นที่แบ่งความจำเป็นในการพูดคุย แต่สิ่งที่สำคัญเท่าที่เราจะทำได้น่าจะมีเพียง 2 ระดับ คือหนึ่ง พยายามพูดคุยปรับความเข้าใจอย่างตรงไปตรงมา เพราะต้องยอมรับว่าบางครั้งเจ้าตัวอาจจะไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมีผลกระทบกับคนรอบข้าง หรือถ้าคุยแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น การรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องหรือหัวหน้างานได้รับทราบ เป็นสิ่งที่ควรทำถ้าเราเห็นแก่องร์กรเป็นหลัก เพราะบางครั้งหัวหน้างานก็ไม่ทราบได้ว่ามีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น

ไม่ว่าจะเจอเรื่องแย่ยังไง ก็หวังว่าอย่าให้มันมาเปลี่ยนแปลงพลังบวกของเราไปได้ พยายามนึกถึงคนส่วนใหญ่ให้มากเข้าไว้ แล้วชีวิตการทำงาน รวมถึงชีวิตหลังทำงาน จะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เรามีไฟได้ตลอดเวลาครับ

myfifthday
WRITER: myfifthday
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line