CARS

THE MASTREO OF VOLKSWAGEN ต้น สิทธิศักดิ์ อรัณยถาวร ชีวิตและหัวใจมีให้ CLASSIC CARS

By: SPLESS December 13, 2018

สำหรับผู้ชายอย่างเรา ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่ต้องเสียไปในการตามหาสิ่งที่ชอบหรือหลงใหล หลายคนเพิ่มความท้าทายให้ชีวิตได้สูบฉีดอะดรีนาลีนใส่ร่างกายด้วยความเร็ว ซึ่งทุกเรื่องล้วนเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทุกคนเคยใช้เพื่อตามหาตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

แต่คงจะมีไม่กี่คนที่ได้ไปสัมผัสความรู้สึกหลังพวงมาลัยของรถอย่าง Nissan GTR R32 และ 200 SX จูนเต็มมาแล้ว แต่กลับไปหลงเสน่ห์ในความคลาสสิกของ Volkswagen ถึงขนาดใช้เวลาอยู่กับมันมามากกว่า 20 ปี รวมถึงเคยดัดแปลงรถ VW เพื่อลงสนามแข่งและขับขี่ด้วยตัวเองจนได้แชมป์การแข่งขันระดับประเทศมาแล้ว ผู้ชายคนนี้คือ “ต้น สิทธิศักดิ์ อรัญยถาวร” เจ้าของอาณาจักร 911 Garage อู่ซ่อมรถคลาสิกครบวงจร ซึ่งวันนี้เขาจะพาเราไปย้อนอดีตตั้งแต่ก่อนการเป็นเจ้าของ Beetles คันแรกในชีวิต สู่ปัจจุบันในการเป็นผู้ดูแล Volkswagen มากกว่า 100 คัน

การเริ่มต้นทำความรู้จักกับ Volkswagen

คุณต้นพูดให้ฟังถึงช่วงแรก ที่ได้สัมผัสถึงความสวยงามของ Volkswagen ซึ่งต้องย้อนไปถึงตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในตอนนั้นเองเขามีโอกาสได้รู้จักกับ Volkswagen Beetles ผ่านคนรู้จัก ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเวลานั้น VW Classic ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนทุกวันนี้ และทันทีที่ทดลองเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ก็รู้สึกประทับใจในรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นแผงคอลโซลที่ทำจากเหล็ก มีสีสันรายละเอียดแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป หรือมุมมองคนขับที่ได้จากรถก็เป็นมุมกว้างและโค้ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ทำให้อยากจะรู้จักกับ Volkswagen มากขึ้น

เมื่อไม่อาจปล่อยความรู้สึกติดค้างให้ผ่านไปได้เหมือนรักแรกพบของเด็กที่มักจะจำฝังใจ VW คันแรกของเขาจึงมาจากการเก็บหอมรอมริบ บวกกับโบนัสพิเศษจากทางบ้านจนในที่สุดก็มีรถยนต์คันแรกของตัวเองเป็น Volkswagen Beetles ปี 1963 โดยตัวเขายอมรับว่า ถ้ามองย้อนกลับไป มันคือรถที่มีชิ้นส่วนจาก VW หลายรุ่นรวมอยู่ในคันเดียวกันมากที่สุด ตามประสาคนเล่นรถใหม่ที่เข้าใจว่ารถเต่าก็คือรถเต่าเหมือนกันหมด

“ด้วยความที่รถในตระกูล Volkswagen  ในสมัยนั้นยังไม่ใช่รถที่มีราคาสูง บวกกับความนิยมของยุคสมัยที่ยังไม่ได้หันมาให้ความสำคัญกับความเดิมของสภาพรถเหมือนในทุกวันนี้ แต่กลับนิยมดัดแปลง แต่งซิ่งให้ห่างออกไปจากความคลาสสิกของมัน จากที่เคยมีหูช้างก็เหลือกระจกบานเดียว หรือมากับล้อผ่า หรือทำสีใหม่แบบทูโทน เพราะทุกคนในเวลานั้นนิยมรถสภาพใหม่กันหมด” คุณต้นเล่าถึงรูปแบบความนิยมของวงการ Volkswagen ในสมัยนั้น

แต่ตัวเขากลับมองว่า รถที่ผ่านการดัดแปลงมากจนเกินไป จะไม่มีเสน่ห์ความสวยงามของ Volkswagen เหลืออยู่เลย ทำให้อยากจะมี VW สักคันที่มีชิ้นส่วนทุกอย่างอยู่ครบตรงรุ่น ตรงปี ก็เริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มมากขึ้น ด้วยวิธีการที่คนในยุคสมัยไร้ Internet ต่างคุ้นเคยกันดีคือการอ่านหาข้อมูลในหนังสือ แม้จะยากลำบากแต่ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าที่จริงแล้ว Volkswagen มีมากมายหลายรุ่นหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละคันก็มีรูปทรงและความสวยงามแตกต่างกันออกไป ไม่ใช่รถเต่าก็คือรถเต่าอย่างที่เคยเข้าใจมา

“Volkswagen เป็นรถที่มีเครื่องยนต์อยู่ข้างหลังและระบบส่งกำลังสั้น เมื่อบวกกับตัวรถที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ออกตัวและขับขี่ได้ง่าย ที่สำคัญคือไม่มีแอร์ก็ไม่ร้อน เพราะเครื่องยนต์อยู่ข้างหลัง ใต้ฝากระโปรงหน้าก็มีแค่ถังน้ำมันเท่านั้น”

หลังจากที่คลุกคลีอยู่กับ Volkswagen ได้ประมาณ 3-4 ปี บวกกับช่วงนั้นกำลังเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัย เป็นช่วงที่มีชีวิตอยู่กับการ “ขับไป ดับไป ซ่อมไป” วนเวียนเหมือนกิจวัตรประจำวัน ทั้ง ๆ ที่การซ่อมแต่ละครั้งก็ต้องเอารถเข้า-ออกอู่เหมือนเดิม แต่กลับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้สัก เมื่อบวกกับค่าซ่อมซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายร่วมแสนบาท เป็นเรทราคาเดียวกันกับที่สามารถซื้อ Volkswagen ในยุคนั้นได้ 1-2 คันด้วยซ้ำไป

ทำให้เกิดความเข็ด เบนความสนใจไปหารถสปอร์ตญี่ปุ่นตามสมัยนิยมอย่าง Nissan 200sx และ GTR R32 ได้รู้จักกับกลุ่มคนที่แต่งรถยนต์เพื่อแข่งขัน โดยหนึ่งในนั้นมีรุ่นพี่ที่กำลังดัดแปลงรถ Volkswagen เพื่อแข่งในแบบควอเตอร์ไมล์อยู่ด้วย และคนนี้เองที่เป็นคนสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงเปลี่ยนแปลงมุมมองต่อรถเก่าสนิมเคอะที่เคยรู้จักให้เปลี่ยนไป ว่าเราสามารถดัดแปลงให้รถ Volkswagen ให้วิ่งทำความเร็วได้ไม่ต่างจากรถสปอร์ต ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ตัวเขาคลุกคลีอยู่กับการทำรถและเครื่องยนต์  VW มากขึ้นในเวลาต่อมา

LEARNING WITH PASSION

“ช่วงนั้นผมเริ่มศึกษาทุกอย่างจากทั้งรุ่นพี่และคนรู้จักทุกคนในวงการ เริ่มเรียนรู้เครื่องยนต์ของ VW แยกออกเป็นทั้งหมดกี่ประเภท เอามาแต่งแบบไหนได้บ้าง สามารถเพิ่มซีซีสูงสุดได้ถึงเท่าไหร่ ประจวบเหมาะกับการเข้าไปอยู่ในโปรเจกต์ดัดแปลงรถ Volkswagen โดยมีโจทย์ว่าเราต้องห้ามใช้เครื่องยนต์เดิมซึ่งมีราคาแพง รวมค่าซ่อมบำรุงและอุปกรณ์ไม่ต่ำกว่า 7-8 แสนบาท ทำให้ผมไม่ได้เจอแค่งานประกอบชิ้นส่วน แต่ได้พัฒนาความเข้าใจในการทำงานของเครื่องยนต์ Volkswagen มากขึ้น ได้เรียนรู้วิธีแก้ไขดัดแปลงเครื่องยนต์อย่างเหมาะสม ในลิมิตเงินที่สามารถจ่ายได้อย่างคุ้มค่า” คุณต้นพูดถึงวิธีเรียนรู้ศาสตร์แห่ง Volkswagen ในแบบฉบับของเขา

นอกจากนี้ยังเล่าถึงประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหนในยุคนั้น คือการออกตามหารถหรือชิ้นส่วนที่ต้องการ ซึ่งต้องอาศัยการหากับคนรู้จักในวงการ และตัวเขาก็โชคดีที่มีโอกาสได้รู้จักกับคนดี ๆ หลายคนซึ่งแต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญที่ต่างกันออกไป บางอู่ขึ้นชื่อเรื่องการทำสีหรืออุปกรณ์หายาก แต่ทุกอย่างต้องเกิดจากการวิ่งไปตามหาถึงที่ เพราะยุคสมัยนั้นไม่มีการถ่ายรูปแล้วส่งให้กันดูเหมือนสมัยปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกันเขาก็มองว่ามันมีประโยชน์ตรงที่ ได้เรียนรู้จากช่วงเวลาดังกล่าวมากเป็นพิเศษ

หลังจากนั้น ต้น สิทธิศักดิ์ อรัญยถาวร ก็นำความรู้และประสบการณ์ที่สะสมมา มาจัดการกับ Volkswagen ของตัวเองจนออกมาเป็นรถคันงาม และไปเตะตาคนรู้จักในวงการเข้า ไม่นานตัวเขาก็ถูกไหว้วานให้ไปดูแลรถของคนรู้จักทั้งใกล้และไกลมากขึ้น ซึ่งเขามองว่าสาเหตุที่ได้รับการไว้ใจไม่ใช่เพราะฝีมือการทำรถ แต่มาจากที่ทุกคนเห็นเหมือนกันว่าเขาซ่อมและดูแลรถด้วยความตั้งใจจริง ๆ

การเรียนรู้ในวงการที่เป็นเหมือนการแลกเปลี่ยนระหว่างพี่-น้อง ทำให้เขาใช้ช่วงเวลาตลอด 6 ปีไปกับการเดินทางไปทุกสถานที่ที่มีคนแนะนำ รวมถึงใช้ชีวิตอยู่กับการแลกเปลี่ยนสะสม ชักรอกเครื่องยนต์เข้า-ออก และลากรถไปสนามแข่งกับก๊วนเพื่อน จนมาถึงการนั่งอยู่หลังพวงมาลัยในสนามประลองความเร็วในฐานะนักแข่งด้วยตัวเองในเวลาต่อมา

VOLKSWAGEN CLUB RACE CHAMPION (Street limited B)

ไม่นานหลังจากนั้น รุ่นพี่ที่รู้จักก็จัดการแข่งขัน RAAT THAILAND CHAMPIONSHIP 2005 ขึ้นที่พัทยา เซอร์กิต โดยเปิดให้มีการแข่งรถยนต์หลากหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือ VW Club Race ซึ่งแบ่งการแข่งขันออกเป็น  3 รุ่นด้วยกันคือ Open, Street Limited A และ Street Limited B ซึ่งเขาบอกว่ามันคือการแข่งขันที่มีความท้าทายและให้ประสบการณ์ครั้งสำคัญ สำหรับการดัดแปลงรถให้วิ่งดีที่สุดภายใต้กฎกติกาของการแข่ง

ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่มีคาบูเรเตอร์เดิม ๆ ยังไงให้ได้ความเร็วสูงสุด หรือดัดแปลงให้สามารถรีดแรงม้าทั้งหมดออกมา ภายใต้การทำงานแบบทีมที่ตัวเขารวบรวมเอาเพื่อนและคนรู้ใจมากความสามารถมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ซ่อมชุดเกียร์และรถสองแถวมาตั้งแต่เด็ก มาทำหน้าที่ปรับแต่งเกียร์ให้  ในส่วนของคาบูเรเตอร์ก็ได้ช่างมอเตอร์ไซค์ที่รู้จักกันมานานรับหน้าที่ดูแล ส่วนตัวเขาเองก็มีหน้าที่จูนเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับชิ้นส่วนต่าง ๆ ตามที่วางแผนกันเอาไว้

ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็พิสูจน์ตัวเองได้ด้วยการคว้าแชมป์​ RAAT THAILAND CHAMPIONSHIP 2005 ในประเภท Volkswagen CLUB RACE รุ่น Street Limited B มาครอบครองได้สำเร็จในที่สุด

“ตอนที่เราตัดสินใจทำรถเพื่อลงแข่งขัน ผมมองว่าส่วนหนึ่งมาจากความหลงใหลในความเร็วที่ตัวเองมี แต่เวลาเดียวกันมันคือความท้าทาย ในก้าวข้ามขีดจำกัดของทั้งตัวรถและคนทำรถ ว่าจะสามารถเอาชนะขอบเขตที่มีได้หรือไม่”


911 GARAGE  & THE VW COLLECTOR

หลังจากคว้าแชมป์ รวมถึงใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางความเร็วไปกับรถคู่ใจจนสำเร็จตามเป้าหมาย บวกกับความหลงใหลในการปรับแต่งเครื่องยนต์ที่มีมากขึ้น ประสบการณ์มาพร้อมอายุที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ทำให้เขาตัดสินใจเปิดอู่ซ่อม Volkswagen ของตัวเองขึ้นมาแบบไร้ป้ายร้าน แต่อาศัยคำบอกเล่าจากเพื่อนฝูงในวงการเป็นคนแนะนำลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งต่อมารถที่มาฝากให้เขาดูแล มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถหาที่จอดรองรับได้เพียงพอ เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องการพัฒนาอู่ของตัวเองให้มีมาตรฐานที่ดีและกว้างขวางมากขึ้น รวมถึงใช้เป็นสถานที่รวบรวมของสะสมที่เกี่ยวข้องกับรถคลาสสิก ซึ่งเปิดให้คนที่สนใจได้เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน ทั้งหมดต้องอาศัยระยะเวลาในการสั่งสมประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม มามากกว่า 20 ปี

“จุดประสงค์ของผมคือ การคืนชีพรถในสภาพที่หลายคนมองว่าไม่มีโอกาสวิ่งได้อีกแล้ว บูรณะใหม่ให้มันกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ในมาตรฐานที่สมบูรณ์ของรถคันนั้น อีกรูปแบบคือเราทำงานตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เพราะคนเราชอบรถไม่เหมือนกัน บางคนชอบความเร็วอีกคนอาจชอบในความเดิม หรือชอบทั้งสองแบบ ซึ่งเรารับทำทุกส่วนให้ดีขึ้น แต่ถ้ามีส่วนไหนที่แก้ไขไม่ได้ หรือเรารู้จักอู่ที่เชี่ยวชาญมากกว่า เราก็ยินดีที่จะให้คำแนะนำทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเสมอ” คุณต้นขยายความเป้าหมายของ 991 Garage

ช่วงเวลาตลอด 20 ที่ ต้น สิทธิศักดิ์ อรัญยถาวร ใช้ชีวิตอยู่ในวงการรถคลาสสิกและ Volkswagen ตัวเขาไม่ได้รับมาแค่ความรู้และประสบการณ์ จนพัฒนามาเป็น 911 Garage เท่านั้น แต่ยังมีรถคลาสสิกมากกว่า 50 คันในครอบครอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถที่ได้มาจากการซื้อขายแลกเปลี่ย นแต่ก็มีจำนวนหนึ่งที่มีคนให้มาดูแลแทน เพราะเห็นว่าตัวเขาสามารถดูแลรถได้เต็มที่กว่า ความหลงใหลของตัวเขาที่มีต่อ Volkswagen มีมากถึงขนาดทำให้ต้องเดินทางไปที่ประเทศเยอรมนี  เพื่อเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถ Volkswagen ถึงถิ่นมาแล้ว ซึ่งตัวเขาบอกว่าถ้าให้เลือกมาสักคันคงไม่สามารถเลือกได้ แต่ก็มีโมเดลที่ชื่นชอบเป็นพิเศษอยู่ด้วยเช่นกัน

“สำหรับตัวผมแล้ว Volkswagen ทุกรุ่นทุกคันมีความสวยงามในแบบของตัวเองหมด ซึ่งส่วนตัวถ้าถามว่าชอบรถรุ่นไหนมากที่สุดคงจะเป็น Volkswagen Karman Ghia TYPE 1 เพราะเป็นรถที่มีความเป็นสปอร์ตและคลาสสิกในคันเดียว มีความลงตัวในการออกแบบทุกสัดส่วน เป็นรถที่ทำให้รู้สึกชอบมาก ๆ ตั้งแต่เห็นครั้งแรก”

เป้าหมายต่อไปของชีวิต

เมื่อ UNLOCKMEN ถามถึงการใช้ชีวิตที่อยู่กับรถคลาสสิกมานานกว่า 20 ปี ว่าทำให้ความหลงใหลที่มีลดลงไปบ้างหรือเปล่า คุณต้นกลับบอกว่า ไม่เคยเบื่อเลย ทุกวันนี้กลายเป็นว่าเขาใช้เวลาอยู่กับรถมากขึ้นกว่าเดิม เพราะในอดีตอาจเป็นช่วงที่กำลังตามหาตัวเองอยู่และยังไม่รู้ว่าชอบอะไร ซึ่งมีโอกาสพบเจอรถใหม่ ๆ ไม่มากนัก แต่ปัจจุบันเขาสามารถค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ตได้ ที่สำคัญคือเขามีรถที่ต้องดูแลใน 911 Garage ซึ่งตอนนี้มีจำนวนรวมกันมากกว่า 100 คัน กำลังรอคอยให้เขาใช้เวลาในแต่ละวัน เพื่อคืนชีพมันให้กลับมาโลดแล่นอยู่บนท้องถนนอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนเป้าหมายต่อไปในชีวิตคือการสร้างให้ 911 Garage กลายเป็นพื้นที่สร้างความสุขของตัวเอง เพราะชีวิตต่อไปจากวัย 40 คงไม่ใช่การทำงานเพื่อหาเงินมาตอบสนองความต้องการของตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ความสุขจริง ๆ  สำหรับเขาคือการได้ซ่อมรถ ได้เห็นคนที่ชื่นชอบหรือสนใจใน Volkswagen มีสถานที่ในการเริ่มต้นหาข้อมูล เพราะตัวเขามองว่าในอนาคตเป็นเรื่องธรรมดาที่รถเก่าจะต้องมองหาเจ้าของใหม่เสมอ และในวันข้างหน้ารถทั้งหมดที่เขามี อาจถูกเปลี่ยนมือไปสู่คนที่หลงใหลรถคลาสสิกทั้งหมดเลยก็เป็นไปได้

ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่สนใจในการเริ่มเล่นรถคลาสสิกหรือ Volkswagen

คุณต้นฝากคำแนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นมีรถคลาสสิกเป็นของตัวเอง ให้เริ่มจากการถามใจตัวเองก่อนว่าชอบรถรุ่นไหนปีอะไร และให้ศึกษาว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร รูปแบบตัวรถเหมาะสมกับตัวเองไหม ที่สำคัญคือไม่ควรให้การซื้อของเราไปเดือดร้อนคนอื่น ทุกอย่างจะต้องอยู่บนพื้นฐานความเหมาะสมของตัวเอง ซึ่งบางครั้งจะต้องอาศัยเวลาและการรอคอยรถคันที่เหมาะสม มากกว่าการใช้เงินแก้ปัญหาซึ่งเป็นเรื่องรองลงมา รวมถึงทิ้งท้ายแนวทางชีวิตให้ฟังอีกว่า

“นอกจากรถแต่ละคันจะมีความสวยงามที่แตกต่างกันแล้ว มันยังมีเรื่องราวที่ติดมาพร้อมกับตัวรถ ให้เราได้สนุกไปกับมัน ซึ่งผมมีความสุขทุกครั้งในการขับรถเก่า ๆ ออกจากบ้าน มันคือจุดที่มีความลำบากนิด ๆ เหงื่อแตกหน่อย ๆ แต่ก็เป็นรูปแบบชีวิตที่ผู้ชายทุกคนต้องพบเจอสักครั้ง ถึงจะพูดได้ว่าเคยสัมผัสรสชาติที่แท้จริงของชีวิตมาแล้ว เพราะบางทีความสะดวกสบายในห้องแอร์ ก็ไม่ได้ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น แต่การได้ใช้ชีวิตที่ผ่านทั้งเหงื่อและกลิ่นน้ำมัน สำหรับตัวผมแล้วมันคือความเหนื่อย ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข”

สุดท้ายแล้วผู้ชายทุกคนต่างก็ต้องการใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข ไม่ว่าตอนนี้คุณจะกำลังใช้เวลาอยู่กับการแกะโน๊ตเพลง ฝึกซ้อมวิ่งมาราธอนหรือคลุกคลีอยู่กับรถยนต์เหมือนกับที่ ต้น สิทธิศักดิ์ อรัญยถาวร ได้มอบเวลากว่าครึ่งชีวิตให้กับรถคลาสสิกและ Volkswagen ซึ่งสิ่งที่จะตอบคำถามเราว่าอะไรคือสิ่งที่เรากำลังตามหาอยู่ อาจเป็นการถามตัวเองสั้น ๆ ว่า “ทุกวันนี้เรามีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่หรือเปล่า ? เท่านั้นเอง

 

 

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line