Entertainment
Courtney Love เขาเรียกเธอว่า “คุณแม่ขี้ยา” กรันจ์สตาร์แห่งยุค 90
By: unlockmen August 11, 2015 11503
คำว่า “แม่” ในความหมายของคุณคืออะไร หากคุณหมายถึงคนที่เป็นคนที่ดี ประพฤติตัวอยู่ในศีลธรรม ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคุณ ก็ถือว่าใช่เลย และถูกต้องตามประเพณีแบบแผนอย่างที่สุด แต่หากบางทีคุณคิดว่า คำว่า “แม่” หมายถึงคนที่ รัก และยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อคุณ แม้ว่าวิถีชีวิตและปัจจัยต่างๆ จะไม่เอื้ออำนวย เราเชื่อเหลือเกินว่าเธอคนนี้สมควรที่จะถูกนับรวมอยู่ในนั้นด้วย ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เราอยากให้คุณลองเปิดใจแล้วรับฟังเรื่องราวของเธอ เธอเป็นภรรยาของศาสดาแห่งเพลงกรันจ์ชื่อดังยุค 90s คู่รักของเธอถูกสื่อต่างๆ ให้ฉายาว่า จอห์น เลนนอน และโยโกะ แห่งยุคใหม่ แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผัน เธอสูญเสียสามีไปจากการฆ่าตัวตาย ทำให้เธอกลายเป็นซิงเกิลมัมที่ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางมรสุมที่สังคมประนามว่าครอบครัวของเธอเป็นมะเร็งร้ายที่ทำให้สถาบันครอบครัวในสังคมเสื่อมเสียจากเรื่องปัญหายาเสพติด หญิงสาวที่พยายามต่อสู้กับวิถีชีวิตของตัวเองเพื่อที่จะเป็นคนดีให้ได้เพื่อลูก คนที่เรากำลังพูดถึงเป็นใครไปไม่ได้จากเธอคนนี้ คุณแม่ผู้ถูกสื่อเรียกว่า “คุณแม่ขี้ยา” Courtney Love
Courtney Love เติบโตในเมืองที่เงียบสงบอันแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอย่างเมืองพอร์ตแลนด์ มลรัฐโอเรกอน แต่ชีวิตที่เริ่มต้นของเธอไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ใครๆ คิด ถึงแม้ว่าแม่ของเธอจะเป็นนักเขียนนวนิยายชื่อดัง แต่น้อยคนจะรู้ว่าเธอถูกคลอดออกมาทั้งๆ ที่พ่อของเธอไม่ยอมรับว่าเธอเป็นลูก ข่าวลือลือกันว่าพ่อของเธอก็คือ Marlon Brando Jr. นักแสดงฮอลลีวู้ดผู้โลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์มยุค 50s ผู้คนในยุคนี้น่าจะคุ้นเคยเขาจากภาพยนตร์เรื่อง The Godfather ไม่นานหลังจากเธอเกิด แม่ของเธอก็แต่งงานใหม่ ทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเธอต้องย้ายไปอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง และมีน้องสาวต่างพ่อถึงสองคน ส่งผลให้เลิฟในวัยเด็ก เป็นเด็กที่มีปัญหาในการมีเพื่อนและเข้าสังคม อย่างไรก็ตามแววทางด้านความคิดสร้างสรรค์ของเธอก็เฉิดฉายออกมาตั้งแต่ช่วงนั้น
หลังจากนั้นแม่ของเธอก็หย่ากับพ่อเลี้ยงอีกครั้งหนึ่ง ชีวิตเธอต้องย้ายไปอยู่ที่นิวซีแลนด์พร้อมกับครอบครัวใหม่ แต่แล้วแม่เธอก็ส่งเลิฟกลับมาอยู่พอร์ตแลนด์จากปัญหาบางประการ เมื่อเลิฟอายุ 14 ปี เธอถูกจับกุมในข้อหาขโมยเสื้อยืดในร้านค้าแห่งหนึ่ง และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองเธอก็ถูกส่งไปอยู่ในสถานอุปการะเลี้ยงดู จนกระทั่งอายุ 16 เธอจึงจะมีสิทธิ์สามารถออกมาใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามกฏหมาย และสิ่งที่จะทำให้ชีวิตในอนาคตเธอพังยับเยินก็มาถึง เมื่ออายุ 19 ปี เลิฟได้ทดลองเสพโคเคน และติดอย่างถอนตัวไม่ขึ้นในท้ายที่สุด อาจเพราะเหตุนี้ทำให้ชีวิตในวัยรุ่นของเธอค่อนข้างเหลวแหลก และคงเป็นสิ่งที่ฉุกคิดให้เธอสัญญากับตัวเองว่า ลูกของเธอในอนาคตจะต้องไม่ประสบพบชะตาเฉกเช่นเดียวกับที่เธอเจอ
ชีวิตในวงการของเลิฟเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธออายุเพียงแค่ 12 ปี เธอไปออดิชั่นเพื่อมีส่วนร่วมในรายการ The Micky mouse club แต่ก็พลาดไป สุดท้ายแล้วเธอก็ได้ไปปรากฏตัวในภาพยนตร์นอกกระแสเรื่องหนึ่งของผู้กำกับ Gus Van Sant ผู้กลายมาเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในภายหลัง ส่วนเส้นทางด้านดนตรีของเลิฟได้เริ่มขึ้นในทศวรรษที่ 80s เธอเริ่มตั้งวงกับเพื่อนๆ ในเมืองพอร์ตแลนด์ แต่เป็นที่น่าเสียที่สุดท้ายวงก็แตกจากการที่เลิฟต้องการจะไปเป็นนักร้องให้กับวง Faith No More แต่ทางวงต้องการนักร้องผู้ชาย ทำให้เธอถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย
จนกระทั่งในปี 1984 เลิฟก็ได้พบกับเพื่อนรักของเธอในอนาคตที่จะร่วมสร้างฝันทางด้านดนตรีแนวกรันจ์ด้วยกัน เธอคนนั้นก็คือ Kat Belland เลิฟได้ให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า “สิ่งดีที่สุดที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตนั้นของฉัน คือการได้เจอแคท” ทั้งสองช่วยกักนก่อตั้งวง และย้ายเข้าสู่ซานฟรานซิสโก ถึงแม้หลังจากนั้นเส้นทางดนตรีในชีวิตของเธอจะขรุขระสักแค่ไหน แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าภายหลัง เลิฟก็กลายมาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในที่สุด ปัจจุบันเธอเป็นที่รู้จักในฐานะ ศิลปินสาวผู้เป็นหนึ่งนักร้องแนวอัลเทอร์เนทีฟอันดับต้นๆ, นักแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์, กรรมการตัดสินในรายการด้านดนตรี และอื่นๆ อีกมากมาย
ในปี 1989 เลิฟก็พบชายที่จะกลายมาเป็นพ่อให้กับลูกของเธอในอนาคตหลังจากการหย่าร้างมาถึงสองครั้งของเธอ เลิฟพบเคิร์ท โคเบน ที่ Satarycon Night club ในเมืองพอร์ตแลนด์บ้านเกิดของเธอ ทั้งคู่เริ่มสนิทสนม จนกระทั่งคบหาดูใจกันในท้ายที่สุด และช่วงนี้เอง ที่สื่อแท็บลอยด์ต่างๆ กระพือข่าวว่าคู่รักคู่นี้ เป็นคู่รักศิลปินที่ใช้การเสพยาเป็น”กิจกรรมยามว่าง” จนกระทั่งสามปีให้หลัง ในเดือนสิงหาคม ปี 1992 พวกเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวขึ้นมาหนึ่งคน
Frances Cobain ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1992 ท่ามกลางกระแสข่าวที่โหมกระหน่ำว่า เลิฟใช้เฮโรอีน ขณะที่ตั้งครรภ์ และเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ภายหลังเลิฟก็ออกมาให้สัมภาษณ์ และยืนยันว่าเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องจริงเสียด้วย เลิฟเสียใจต่อเรื่องนี้เป็นที่สุด เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะทำทุกวิถีทางให้ลูกของเธอพ้นไปจากวังวนชีวิตที่เหมือนตกอยู่ในนรกอย่างที่เธอประสบ แต่เห็นทีในเวลานั้นกงล้อแห่งโชคชะตาตัวเดิมยังคงหมุนต่อไป และยังไม่มีท่าทีจะให้โอกาสเธอ
เมื่อฟรานซิสอายุได้เพียง 2 อาทิตย์ ด้วยเหตุจากข่าวเรื่องการเสพเฮโรอีนของเลิฟขณะตั้งครรภ์ ทำให้กรมการอบรมเลี้ยงดูเด็ก ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ และเป็นปัญหาให้เธอ และเคิร์ธ ถูกกรมสิทธิมนุษยชน ถอดถอนรายชื่อการเป็นผู้ปกครอง และผู้มีสิทธิ์ในตัวของฟรานซิส แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ดำเนินเรื่องจนสามารถกลับกลายมาเป็นผู้ปกครองของเด็กสาวตัวน้อยได้อีกครั้ง
ในปี 1994 เมื่อฟรานซิสอายุได้เพียง 2 ขวบ เคิร์ธก็ได้ฆ่าตัวตายด้วยการเอาปืนจ่อปากตัวเองแล้วลั่นไก ลาโลกนี้ไปด้วยความสยดสยอง ครั้งสุดท้ายที่ฟรานซิสได้พบ และได้จดจำพ่อของเธอเมื่อขณะยังมีชีวิตก็คือการไปเยี่ยมเคิร์ธที่ศูนย์บำบัดใน Marina Del Ray มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เลิฟให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า เธอเป็นต้นเหตุให้เคิร์ธต้องเสียชีวิต ภายหลังการเสียชีวิตของเคิร์ธถือเป็นจุดพลิกผันเด็ดขาดที่จะทำให้เลิฟผู้กลายเป็นต้นแบบคนสุดท้ายในชีวิตของหนูน้อยเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างใหญ่หลวงต่อมา
ในปี 1996 สองปีให้หลังการเสียชีวิตของเคิร์ธ เลิฟก็เลิกเฮโรอีนอย่างเด็ดขาด นอกจากเหตุผลทางด้านชีวิตส่วนตัวแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งที่มีส่วนสำคัญก็คือเธอจะมีผลงานแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The People vs. Larry Flynt. และผู้กำกับ Milos Forman ก็ยืนยันว่าเธอจะต้องเข้ารับการตรวจเช็คสารเสพติดในร่างกายก่อนถ่ายทำ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านการเสพยาของเธอที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งค่าย Columbia จริงจังกับเรื่องนี้มาก และการกลับตัวของเธอในครั้งนี้ก็นำพาให้ชีวิตของเธอทางด้านการแสดงกลับมาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็น 200 Cigarettes, Man on the moon, Beat รวมทั้งเธอยังได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเวที Grand Jury Award ในภาพยนตร์เรื่อง Julie Johnson อีกด้วย
ในขณะที่กราฟชีวิตของเธอกำลังพุ่งขึ้นๆ แต่แล้วเจ้ากงล้อแห่งโชคชะตาตัวเดิมก็หมุนวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ในปี 2006 เมื่อเลิฟในวัย 40 ได้พยายามฆ่าตัวตายในอพาร์ทเม้นต์สุดหรูส่วนตัวย่านแมนฮัตตันในเมืองนิวยอร์ก เธอถูกนำส่งห้องฉุกเฉินเพื่อเฝ้าดูอาการกว่า 72 ชั่วโมงถึงจะพ้นจุดปลอดภัยที่โรงพยาบาล Bellevue ซึ่งทางแพทย์ และตำรวจได้วินิจฉัยว่า สภาพจิตใจของเธอในขณะนั้นถือว่า “เป็นอันตรายต่อตัวเอง” อย่างมาก จนเป็นเหตุให้เธอต้องเข้ารับการบำบัดหลังจากฟื้นตัว
หลังจากนั้นเลิฟก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมของเธออีกครั้ง เธอกลับไปใช้ยาเสพติด อีกทั้งยังเสพยาไปออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ อีกต่างหาก เช่น รายการ Late show with David letterman สุดท้ายเธอก็ถูกจับกุมในข้อหายาเสพติดอีกครั้ง ชีวิตของเธอในช่วงนี้เหมือนภาพยนตร์ที่กำลังฉายซ้ำ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เริ่มสติหลุดจากการเสพยา เป็นเหตุให้ละเมิดการคุมประพฤติของตำรวจ เธอถูกตัดสินจำคุกทันที 6 เดือน จากข้อหาเรื่องใบสั่งยา และโคเคน ในปี 2007 เธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอกลับมามีสติเหมือนเดิมแล้ว และกำลังเป็นคนใหม่ สุดท้ายในปี 2011 เธอก็ผ่านการทดสอบว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน และมีสิทธิ์อิสระเหมือนคนปกติอีกครั้ง แต่ก็สายไปเสียแล้ว เลิฟสูญเสียสิทธิการเลี้ยงดูลูกไปอย่างถาวร และนอกจากนี้ ฟรานซิส ลูกสาวของเธอก็เป็นคนยื่นฟ้องขอถอดถอนจากการเป็นบุตรของเลิฟด้วยตัวเองด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ฟรานซิสยังขออำนาจศาล ห้ามให้เลิฟเข้าใกล้ตัวเธอ และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ชีวิตของเธอภายใต้การเป็นลูกสาวของเลิฟอันเต็มไปด้วยความสยดสยองได้จบลงแล้ว
ต้องยอมรับว่าชีวิตของเลิฟ คืออีกชีวิตหนึ่งที่พยายามต่อสู้กับโชคชะตาตัวเองอย่างสุดความสามารถ เพื่อที่จะเป็นคนดีกับเขาให้ได้เพื่อใครสักคน ถึงแม้สุดท้ายเธอจะต้องยอมแพ้ให้กับโชคชะตาก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เคยพยายาม หวังว่าเรื่องราวของเธอที่เราหยิบมาฝากกันวันนี้คงจะเป็นตัวอย่างอุธาหรณ์ให้กับใครหลายๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ แต่เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้แน่นอน ก็คือ การที่คุณได้พยายามให้ใครสักคนเห็นถึงความมุ่งมั่นของคุณ ว่าอย่างน้อยคุณก็เคยได้ลองพยายามทำสิ่งที่ฝืนจากวิถีชีวิตของตัวเองเพื่อเขา ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไรก็ตาม แค่นั้นมันก็มีความหมายมากมายเหลือเกินแล้วล่ะครับ