PALACE X POLO RALPH LAUREN เปิดตัว “Palace Ralph Lauren” หมีขี่สเก็ตบอร์ด

ใกล้จะได้ชมตัวเต็มเข้าไปทุกทีสำหรับ Palace Ralph Lauren คอลเลกชันจากการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ Laxury Fashion เก่าแก่จากอเมริกาอย่าง Polo Ralph Lauren และแบรนด์สเก็ตบอร์ดของเกาะอังกฤษที่รู้จักกันดีในชื่อ Palace เพราะล่าสุดมีการปล่อย Lookbook ออกมาเรียกน้ำย่อยหนุ่ม ๆ ที่กำลังรอคอยให้เห็นผลงานตัวอย่างก่อนจะวางขายในช่วงเดือนหน้า

วิดีโอตัวอย่างและ LookBook ของ Palace Ralph Lauren ถูกเล่าผ่านแนวคิด Wild West แต่ผสมผสานความเป็นสตรีตด้วยการใช้นายแบบจาก PALACE SKATEBOARDS TEAM ไม่ว่าจะเป็น Chewy Cannon, Juan Saavedra, และ Rory Milanes แต่เปลี่ยนจากการเตะ Kick Filp แผ่นสเก็ตบอร์ดมาเป็นการขี่ม้า และรถสุดคลาสสิกอย่าง Volkswagen Golf Mk2 และ BMW 3 series E30 ซึ่งทั้งสองคันมากับลวดลายดีไซน์เป็นชื่อแบรนด์ข้างตัวรถ

แต่แน่นอนว่าไฮไลต์จะต้องเป็นรูปแบบของเสื้อผ้าที่ถูกเปิดเผยออกมานำโดย Upper–Bottomwear ตัดเย็บเป็นลายสก็อตทั้งชิ้นและ Rugby Shirts มาในสีสันแบบ Polo color block นอกจากนี้ยังมี Jacket และ Trousers สีสันสดใสประกอบอยู่ในคอลเลกชันอีกหลายชิ้น แต่มีไอเทมชิ้นหนึ่งที่ดูเหมือนจะถูกแฟน ๆเป็นพิเศษคือ Sweater ที่มีลายกราฟิกเป็นเจ้าหมี Polo Bear กำลังไถสเก็ตบอร์ดอยู่ ซึ่งคาดว่าเป็นของดียอดนิยมประจำคอลเลกชันอย่างแน่นอน

highsnobiety

นอกจาก Palace Ralph Lauren แล้วพวกเขายังเปิดตัวสินค้าที่จะวางขายใน Official Store แห่งล่าสุดใประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย Hoodie พร้อมลายกราฟิกเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ และเสื้อไหมพรมถักสีรุ้งสร้างตามแนวคิด “Made in Scotland, Designed in London” เป็นการร่วมมือกันของแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตเสื้อผ้าประเภทผ้าทอชื่อ Pringle of Scotland ที่พลาดไม่ได้คือภาพสมบูรณ์ของ Palace Triferg T-Shirt ซึ่งปรากฏตัวในโฆษณาร้านให้ได้ชมกันชัด ๆ เรียกได้ว่าขนข้ามทวีปมาจัดเต็มเอาใจสาวกสตรีตชาวเอเชียเต็มที่

แคปซูลล่าสุดของ Palace จะวางขายใน Official Store ใจกลางกรุงโตเกียวในที่ 3 พฤศจิกายน วันเปิดร้านวันแรก ในส่วนของคอลเลกชัน Palace Ralph Lauren จะวางขายใน Website ของร้านในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือวันที่ 9 พฤศจิกายน ต่อด้วยวางขายในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ วันที่ 10 พฤศจิกายน คาดว่าทั้ง 2 คอลเลกชันน่าจะขายดีแน่นอน ซึ่งถ้าเหลือมาถึงบ้านเราน่าจะราคาเอาเรื่องทีเดียว

highsnobiety

Source1   Source 2