Entertainment

เมื่อ CHINO MORENO ฟรอนต์แมนวง DEFTONES กล่าวว่า “เราไม่เหมาะกับโลกของเมทัล”

By: Synthkid November 27, 2019

Deftones หากเอ่ยชื่อนี้ เชื่อว่าคอเพลงเฮฟวีเมทัลไม่มีใครไม่รู้จัก พวกเขาจัดว่าเป็นวงแนวหน้าของดนตรีสายนูเมทัลและสครีมโมในยุคบุกเบิก และเป็นหนึ่งในวงแรก ๆ ที่สับเปลี่ยนระหว่างริฟฟ์กีตาร์หนักหน่วงและการใช้เสียง ‘ว้าก’ บนดนตรีละเอียดอ่อน ก่อนจะขยับขยายแนวเพลง ทดลองซาวด์แปลกใหม่ไม่ซ้ำกันในแต่ละอัลบั้ม

ด้วยสำเนียงการร้องอันมีเอกลักษณ์ของ ชิโน โมเรโน ฟรอนต์แมนของวง และการรักษามาตรฐานของวงอันยอดเยี่ยม Deftones จึงเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวงร็อกที่ประสบความสำเร็จในระดับแนวหน้าของโลกก็ว่าได้

หากใครติดตามบทสัมภาษณ์หรือติดตามเรื่องราวของ ชิโน โมเรโน อยู่บ่อย ๆ คงพอจะทราบกันว่า ถึงแนวเพลงของ Deftones จะหนักหน่วง แต่ตัวชิโน เอง กลับมีรสนิยมทางดนตรีที่กว้างไกลไปกว่านั้นมาก

หลังจากที่พวกเขาจัดเทศกาลดนตรีของตัวเองที่มีชื่อว่า “Deftones-curated festival” พวกเขาก็ได้เชิญ CHVRCHES (อ่านว่า เชิร์ส-เชส) วงซินธ์ป๊อปชื่อดังจากสกอตแลนด์ มาเป็นหนึ่งในไลน์อัปใหญ่ โดยให้ตำแหน่งพิเศษรองจากชื่อพวกเขาเลยทีเดียว

ด้วยความที่เพลงของสองวงนี้ดูจะไปคนละทิศละทางกัน อีกทั้ง ลอว์เรน เมย์เบอร์รี นักร้องนำวง CHVRCHES ยังเป็นผู้หญิง (ที่มีเสียงใสกิ๊งราวกับนางฟ้า) อีกต่างหาก จึงสะกิดต่อมดราม่าขึ้นจนได้ เพราะ เจมี จาสตา นักร้องนำวง Hatebreed ดันออกมาทวีตว่า “CHVRCHES นี่มันวงเ*ย อะไรวะ ทำไมชื่อมันถึงใหญ่กว่าวง Gojira” 

จริงอยู่ว่าวง Gojira ที่ตาเจมส์พูดถึงเป็นแนวเดธเมทัลและดนตรีดูจะไปกันได้กับ Deftones ยิ่งกว่า CHVRCHES เสียอีก แต่ถึงกระนั้นคำพูดคำจาที่เขาเลือกใช้ที่ค่อนข้างจะหยาบคายและรุนแรงไปสักนิด มันดันไปเข้าตาแม่สาวลอว์เรนเข้า นักร้องสาวที่เห็นว่าตัวเล็กนิดเดียวเลยกล้างัดอีกฝ่ายกลับไป (คริส บราวน์ คุณเธอยังงัดมาแล้วครับ)

“ฉันเคยดู Gojira ที่กลาสโกว์เมื่อปีก่อน แล้วก็ดู Deftones ไป 3 รอบ โคตรจะตื่นเต้นเลยที่เขาเชิญมางานนี้

มันไม่ใช่ว่าใครที่เขาฟังหรือทำเพลงป๊อปจะไม่สามารถเข้าใจและไม่เข้าถึงดนตรีแนวเดียวกับคุณเสียหน่อย”

หลังจากเป็นเรื่องเป็นราวกันไป ล่าสุดเสด็จพ่อชิโนก็สยบทุกเสียงนกเสียงกาด้วยการขึ้นปกและให้สัมภาษณ์นิตยสาร Kerrang คู่กับสาวลอว์เรนเสียเลย! ถึงแม้จะไม่ได้โจมตีเรื่องดราม่ากลับโดยตรง แต่สิ่งที่เขาสองคนให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็ดูจะอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปโดยปริยาย

โดยลอว์เรนได้กล่าวในบทสัมภาษณ์ว่า “ตอนฉันได้ฟังเพลงของ Deftones ฉันตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะ มันมีร่องรอยของสองสิ่งนี้อยู่ คือมันสามารถดึงดูดผู้คนที่ฟังเพลงแนวนั้น รวมถึงผู้คนที่อยู่นอกขอบเขตของแนวเพลงนั้น

แม้จะมีความละเอียดอ่อนไม่เท่ากัน ฉันเคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องแนวเพลงมากช่วงเป็นวัยรุ่น เพราะผู้คนมักจะบอกว่า นี่… เธอฟังเพลงแนวนั้นไม่ได้นะ! แล้วเราก็จะคิดในใจว่า ไม่รู้นี่ ไม่เห็นมีใครบอกเลย ฉันดีใจมากที่ตอนนี้ได้พบทางของตัวเองและไม่ได้ใส่ใจอะไรแบบนั้นแล้ว ตัวฉันในวัยนั้นค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเรื่องการมีตัวตนและการเข้าสังคม แต่มันแอบเป็นวิธีใช้ชีวิตที่น่าเศร้านะคะ”

credit: www.kerrang.com

ทางชิโนเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ลอว์เรนพูด เขาได้กล่าวตอบกลับความคิดของเธอว่า

“เธอไปขังตัวเองเอาไว้ในกล่อง อันที่จริงในวัยแบบนั้นมันไม่ควรจะยึดติดกับอะไรเลยด้วยซ้ำ มีอะไรอีกมากมายให้เราออกไปค้นหา ถ้าเราไล่ตามสิ่งหนึ่งมากเกินไป ตัวเองจะไม่มีโอกาสได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ เลย ในดนตรีทุกแนวมันมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี แต่เราก็จะค้นพบอะไรที่น่าสนใจจากในแต่ละแนวได้เช่นกัน แม้กระทั่งในเพลงคันทรี” 

นอกจากนั้นลอว์เรนยังได้กล่าวอีกว่า ค่อนข้างสับสนกับจุดยืนของ CHVRCHES อยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะเวลาขึ้นงานเฟสติวัล เธอไม่รู้ว่าควรอยู่ตรงไหน วงร็อก ? หรือวงป๊อป ? หรือวงแนวอะไร ซึ่งชิโนเองก็ยอมรับว่า Deftones เองก็เคยประสบปัญหานี้เช่นกัน

พวกเราไม่เหมาะกับโลกของเมทัล เราโชว์งานเดียวกับเขาได้ แต่ไม่เคยจะเข้ากับพวกเขา”

– ชิโน โมเรโน 

ชิโนกล่าวว่าพวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมาะสมกับโลกของเมทัลสักเท่าไหร่ สามารถขึ้นโชว์งานเดียวกันได้ แต่ไม่ได้รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวงอื่นขนาดนั้น เขาคิดมาตลอดว่ามันคงจะเจ๋งดีถ้าได้ไปผสมกับอะไรใหม่ ๆ และทำให้มันออกมาเวิร์กได้

แฟน ๆ เองก็รับรู้สิ่งนี้มาตลอดระยะเวลาที่พวกเขาทำวงมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เพราะ Deftones คือวงที่ไม่เคยหยุดนิ่งและยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเลย

ไม่ว่า Deftones และ CHVRCHES จะมีทิศทางในอนาคตต่อไปอย่างไร การแชร์ความคิดผ่านบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้แฟนเพลงทั้งทั้งสองฝั่งเข้าใจพวกเขามากขึ้น

ไม่ว่าแนวเพลงของพวกเขาจะถูกใจคุณหรือไม่ แต่เราเชื่อเสียเหลือเกินครับว่าการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของศิลปินรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก แม้จะต่างแนวต่างวัฒนธรรมกัน เป็นเรื่องดี ๆ ของสังคมคนดนตรีทั้งนั้น และอาจนำมาซึ่งผลงานเจ๋ง ๆ สืบต่อไปในอนาคต

Source

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line