

Life
“อยู่บ้านนานไปจิตใจหม่นหมอง” วิธีป้องกันความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นจากการกักตัว (Quarantine Fatigue)
By: unlockmen May 25, 2021 200724
นับเป็นเวลาได้ปีครึ่งแล้ว หลังจากที่โลกของเราได้เผชิญหน้ากับวิกฤตโรคระบาด COVID-19 ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับธุรกิจ และเปลี่ยนการใช้ชีวิตของทุกคนจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเราอาจเริ่มเคยชินกับการล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และการใช้ชีวิตอยู่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ แต่ชีวิตวิถีใหม่นี้อาจทำให้เราเกิดความเหนื่อยล้าที่เรียกว่า Quarantine Fatigue ได้เหมือนกัน
ภาวะเหนื่อยล้าจากการกักตัว หรือ Quarantine Fatigue หมายถึง ภาวะที่เกิดขึ้นจากการทำตามมาตรการลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็น การกักตัวอยู่ในที่พักอาศัย หรือ การเว้นระยะห่างระหว่างสังคม ทำให้เราไม่ได้เจอผู้คนที่รู้จักแบบซึ่งหน้า อันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความโดดเดี่ยว และความรู้สึกเหนื่อยล้าตามมา
แม้แต่ละคนจะมีอาการเหนื่อยล้าที่แตกต่างกันออกไป แต่อาจมีอาการที่พบเจอได้บ่อยร่วมด้วย ซึ่งมีดังนี้ รู้สึกตึงเครียดและวิตกกังวล มีพฤติกรรมการกินและการนอนที่แย่ลง สูญเสียแรงจูงใจหรือความขยันในการทำงานลดลง จมอยู่กับความคิดบ่อย เกิดความขัดแย้งกับคนอื่น และตีตัวออกห่างจากสังคม
เมื่อความเหนื่อยล้าทำให้เราใช้ชีวิตได้ลำบากขึ้น และอาจทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตได้ เราเลยอยากมาแนะนำวิธีการเอาชนะ Quarantine Fatigue และกลับมามีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนเดิม ได้แก่
ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
ช่วงนี้หลายคนอาจทำงานอยู่บ้านเป็นเวลานาน จนลืมเรื่องการออกกำลังกาย และนั่งอยู่กับที่เฉย ๆ เป็นเวลานาน การนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาอาจมีผลเสียด้านสุขภาพ เช่น ทำให้เราเป็นออฟฟิศซินโดรม ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้โดยการลุกขึ้นเดิน วิ่ง หรือ ออกกำลังเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน มันจะช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น และที่สำคัญ คือ อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอด้วย (7 – 8 ชั่วโมง)
อย่าลืมทานอาหาร
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การเคลื่อนไหว และการนอน คือ การกินอาหาร เพราะถ้าเรากินอาหารไม่ดี เราจะรู้สึกหมดแรง และสุขภาพกายใจเสียได้ง่าย แต่การทำงานอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน อาจทำให้เราลืมเรื่องนี้ไป เราเลยควรกำหนดเวลาในการกินอาหารอย่างจริงจัง และหาวิธีที่จะทำให้เราทำมันอย่างสม่ำเสมอด้วย เช่น การตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนเวลากินข้าว
ใช้เวลาร่วมกับคนอื่นให้มากที่สุด
เราควรใช้โอกาสที่เราต้องอยู่บ้านมากขึ้น ในการใช้ชีวิตร่วมกับคนที่อยู่ในบ้านมากขึ้น เช่น คนในครอบครัว หรือ แฟน เพราะการได้คุยและใช้ชีวิตร่วมกับคนที่รู้ใจ จะช่วยให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง แล้วทุกคนจะก้าวข้าม Quarantine Fatigue ไปได้ง่ายขึ้น
ออกไปข้างนอกบ้าง
การไม่ได้รับแสงแดดอาจทำให้เราขาดวิตามิน D ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน หรือ ฮอร์โมนที่ช่วยเรื่องอารมณ์ของเรา ดังนั้น เราไม่ควรที่จะอยู่ในที่พักอาศัยตลอดเวลา แต่ควรออกมาสูดอากาศและรับแสงแดดที่ข้างนอกบ้านบ้าง เพื่อให้ร่างกายของเราสามารถผลิตวิตามิน และเกิดการหลั่งฮอร์โมนที่เหมาะสม
ห่างจากหน้าจอสักพัก
ถ้าเราเสพแต่ข่าวร้าย หรือ เล่นโซเชียลมีเดียเป็นเวลานานเกินไป เราอาจมีสุขภาพจิตที่แย่ลงได้ เพราะเราจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นและเกิดอารมาณ์ร้ายตลอดเวลา ทางที่ดี คือ เราควรห่างจากมันบ้าง เพื่อเอาเวลามาทำในสิ่งที่เป็นการดูแลตัวเอง หรือ คนรอบข้าง แบบนี้จะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าน้อยลง และมีความสุขมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีรับมือกับ Quarantine Fatigue แบบง่าย ๆ ที่เราอยากให้ทุกคนได้ลองทำกัน ซึ่งเราหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ และช่วยให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพเหมือนเดิม