

Life
8 วิธี พิชิตอาการ “ความคิดสร้างสรรค์อุดตัน” สำหรับคนในสายงาน CREATIVE
By: unlockmen April 20, 2017 58877
เหล่ามนุษย์งานสาย Creative ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น นักเขียน, นักแต่งเพลง, ศิลปิน, อาร์ทไดเรคเตอร์ หรือแม้กระทั่งผู้กำกับ ก็คงเคยทุกข์ทรมานกับการคิดงานไม่ออก เพราะอยู่ดีๆ ต่อมความติสมันก็ดันมาตีบตันเอาซะดื้อๆ บ้างก็เพราะขาดแรงบันดาลใจ บ้างก็เพราะขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งทั้ง 2 สิ่งนี้นั่นเอง ที่เปรียบเสมือนศัตรูตัวฉกาจ คอยทำลายความคิดสร้างสรรค์ให้หมดไป
คุณอาจจะเคยเห็นศิลปินดังบางคน ที่อยู่ๆ ก็หยุดผลิตงานชิ้นใหม่ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล เค้าเหล่านั้น อาจไม่ได้กำลังนอนสบายกินบุญเก่า อย่างที่เราคิด ในทางกลับกันพวกเค้าอาจจะกำลังเจอกับอาการความติสตีบตัน จนคิดไม่ออกว่าจะทำงานอะไรใหม่ๆ ออกมาดีก็เป็นได้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ที่พวกเราต่างตามหา อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการจุดประกายในตัวเราเอง ถ้าหากคุณรู้วิธีที่ถูกต้อง
วันนี้ UNLOCKMEN จึงได้นำเอาวิธีง่ายๆ และใกล้ตัวทุกคน มานำเสนอให้กับมนุษย์สาย Creative ที่ต้องใช้ความติส และความคิดสร้างสรรค์ในการบันดาลผลงานออกมา ที่กำลังประสบปัญหาหัวตีบตันกันอยู่ ได้เอาไปลองปรับใช้กัน
การกังวลซ้ำไปมา ถึงการคิดงานไม่ออกนั้น ไม่ได้ช่วยให้คุณคิดงานออกได้เลย เพราะถ้าคุณมัวแต่นั่งจมปลักอยู่ในที่ทำงานเป็นชั่วโมงๆ แต่ก็ยังคงติดชะงักอยู่แบบเดิมแล้วล่ะก็ ลองหยุด แล้วออกไปทำอย่างอื่นดู อาจจะเป็นการพาหมาไปเดินเล่น หรือแค่นั่งเล่นเกมปล่อยใจให้ลอยไปสักพักก็ยังได้ สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องออกไปจากที่ตรงนั้น ไปสัมผัสธรรมชาติ สรรพสิ่งรอบๆ ตัว สูดหายใจเอาอากาศนอกห้องเข้าปอดลึก ๆ แล้วเตือนตัวเองว่า คุณไม่ใช่เครื่องผลิตภาพวาด ไม่ใช่เครื่องผลิตบทละคร ไม่ใช่เครื่องผลิตออนไลน์คอนเทนท์ ไม่ใช่เครื่องดีไซน์กราฟฟิก คุณเองเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อเราเริ่มสิ้นหวังกับการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ เรามักจะเดินไปชงกาแฟ หรือหาน้ำอัดลมมาเติมน้ำตาลในเลือดกันอยู่เป็นประจำ เพราะคิดว่ามันจะสามารถช่วยให้สมองแล่นขึ้นมาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งระดับน้ำตาล และคาเฟอีนที่มากเกินไป กลับส่งผลให้ตัวคุณเองรู้สึกบีบคั้น และลดระดับความคิดสร้างสรรค์ลงได้อีกด้วย
ทางที่ดีที่สุดก็คือ ให้คุณลองออกไปวิ่ง ไปเดินเล่นยืดเส้นยืดสาย ไปออกกำลังกายในแบบที่คุณชอบ นอกจากนี้ก็ควรทานอาหารประเภทโปรตีน หรือผักผลไม้บ้าง เพราะเมื่อร่างกายคุณรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มันก็จะส่งผลไปยังจิตใจ และสติปัญญาให้ทำงานได้แบบติดจรวด ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์พุ่งกระฉูดขึ้นมาได้ด้วย
ออกไปที่ที่คุณไม่ค่อยได้ไปบ้าง อาจจะเป็น พิพิธภัณฑ์, แกลอรี่แถวบ้าน หรือร้านกาแฟโบราณย่านเมืองเก่าที่คุณไม่เคยไปเยือนมาก่อน ขอเพียงแค่ให้คุณลองคิดว่า มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของคุณขึ้นมาก็เป็นได้ หรือคุณอาจจะลองเดินเข้าร้านหนังสือที่คุ้นเคย แต่ไปที่ชั้นหนังสือหมวดหมู่ที่คุณไม่เคยสนใจมันมาก่อน จากนั้นก็ลองสุ่มหยิบมันออกมาอ่านดูสักเล่ม ขลุกอยู่กับมันสักชั่วโมงนึงก็เป็นวิธีที่ช่วยคุณได้เช่นกัน
การเลือกไปในสถานที่ต่างๆ ที่ดูแล้ว พอจะมีแนวโน้มในการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณได้ หรือถ้าคุณไม่สามารถออกไปข้างนอกได้จริงๆ เราขอแนะนำให้คุณลองเข้า Pinterest ดู แล้วคุณจะรู้ว่าแรงบันดาลใจชั้นดีอยู่เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น จะว่าไปแล้วโลกของเราเอง ก็เต็มไปด้วยข้อมูลเจ๋งๆ และแรงบันดาลใจดีมากมาย ขอเพียงแค่คุณลองก้าวออกไป แล้วคว้ามันมาให้ได้เท่านั้นก็พอ
เมื่อพร้อมที่จะกลับมาสร้างสรรค์ผลงานของคุณแล้ว ลองมองห้องทำงานคุณด้วยมุมใหม่ พวกกระดาษ Post It ทั้งหลายที่แปะไว้เตือนตัวเองตั้งแต่ชาติปางก่อน ยังช่วยเตือนสติคุณได้อยู่รึเปล่า? หรือโปสเตอร์เชยๆ เหล่านั้น มันยังคงดึงดูดสายตาของคุณได้อยู่บ้างมั้ย? ถ้าคำตอบคือ ไม่!! ก็แกะมันทิ้งไปให้หมดซะ
ไม่ใช่แค่เคลียร์กำแพงห้องเท่านั้น แต่เคลียร์มันทั้ง Lay Out ของห้องกันไปเลย ยิ่งถ้าคุณเป็นคนเจ้าระเบียบอยู่ด้วยแล้ว ถือโอกาสทำความสะอาด พร้อมทั้งจัดวางของมันซะใหม่ในคราวเดียวเลยยิ่งดี ไม่ว่าจะเป็น กล้อง, เลนส์, ปากกา, พู่กัน, กีต้าร์ หรืออะไรก็ตามที เพราะการออกแบบพื้นที่ทำงานของคุณใหม่นั้นต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้าหากใครยังไม่มีไอเดียจัดห้องทำงานใหม่เจ๋งๆ ก็ลองเข้าไปหาแรงบันดาลใจจากห้องทำงานศิลปินคนดังได้ที่ LINK นี้ได้ลย
เมื่อตัดสินใจจะเริ่มงานสร้างสรรค์อีกครั้ง อย่ากลับไปในจุดที่คุณเคยติดมาก่อน ลองหาอะไรใหม่ๆ ทำดู อย่างเคยเขียนคอนเทนต์ ก็อาจจะลองหันไปวาดรูปบนผ้าใบแทน นอกจากนั้นแล้ว คุณอาจจะลองหาโจทย์ใหม่ๆ มาฝึกคิดสร้างสรรค์งาน อะไรก็ได้ที่คุณมั่นใจว่า ไม่เคยลองทำมันมาก่อน มันถือเป็นวิธีการที่จะทำให้คุณได้ก้าวขาออกมาจาก Comfort Zone ได้ด้วย
สิ่งสำคัญคือ อย่าหยุดคิด อย่าหยุดริเริ่ม แต่ถ้ามันไม่เวิร์คอีกก็ขอแนะนำให้ช่างแม่งไปก่อน เพราะนี่เป็นแค่แบบฝึกหัดเท่านั้น สำหรับสิ่งที่คุณลงมือทำโดยที่ไม่ได้วางแผนมาก่อน บางครั้งมันช่วยปลดปล่อยจินตนาการของคุณ และอาจทำให้ต่อมสร้างสรรค์คุณทำงานได้เข้มข้นขึ้น คิดซะว่า มันเป็นช่วงเวลาเล่นแล้วสนุกกับงานสร้างสรรค์ของคุณเองจะได้ไม่เครียด
บางครั้ง คุณก็มาถึงจุดที่อาจจะต้องกลับไปทบทวนไอเดียที่ยังคงค้างคาอยู่ในตอนแรก เช่นตอนนั้น คุณอาจจะกำลังตีบตันกับการสร้างสรรค์ Storyboard อยู่ หรือ อาจจะกำลังคิดว่า บทหนังที่คุณเขียนเอาไว้จะเล่ามันยังไงดี ถ้ามันเป็นอะไรประมาณนี้ คุณก็คงจะหนีไม่พ้นอาการติดอยู่กับที่เท่าเดิมแน่นอน
สิ่งที่เราเขียนให้คุณอ่านมาทั้งหมดในตอนแรกจนถึงตอนนี้ มันอาจจะช่วยคุณได้บ้างก็จริงอยู่ แต่ถ้ามันยังคิดไม่ออกอยู่อีกล่ะก็ อาจจะต้องลองคิดแบบสวนทางดู สิ่งนี้อาจจะนอกประเด็นไปบ้าง แต่เราอยากให้คุณลองเข้าเว็บนี้ http://www.oblicard.com/ มันเป็น Web ที่ถูกพัฒนามาจากเกมการ์ดกลยุทธ์พิชิตปัญหาความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ของ Brian Eno และ Peter Schmidt โดยทาง Web จะสุ่มกลยุทธ์ที่เป็นชุดคำสั่งออกมาให้คุณได้ลองประยุกต์ใช้ เช่น ลองเอาไอเดียเก่ามาคิดใหม่, เขียนปัญหาออกมาเป็นตัวหนังสือให้กระจ่างที่สุด บางทีคุณอาจจะสามารถนำมาปรับใช้ในสถานการณ์ที่เจออยู่ได้ไม่น้อย แล้วคุณอาจคาดไม่ถึงกับผลลัพธ์ความสร้างสรรค์ที่คุณจะได้รับกลับมา
หาใครสักคนมาร่วมงานกับคุณดู มันอาจจะเปลี่ยนวิธีการทำงานของคุณไปทั้งหมดเลยก็ได้ ในการทำงานร่วมกันนั้น เราไม่ได้หมายความว่า ผ้าใบผืนนี้จะถูกวาดด้วยศิลปิน 2 คน แต่เราหมายถึง การพูดคุยปรึกษา หรืออาจจะเป็นการเช่าสตูดิโอทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่น ลองให้คนนอกมาคอมเม้นท์ผลงานของคุณดูบ้าง ถึงมันอาจจะเป็นอะไรที่ฟังดูแล้วขัดใจสักนิด แต่มันจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า อะไรเวิร์ค อะไรไม่เวิร์ค เผลอๆ คุณอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆ จากคำติชมของคนเหล่านั้นเป็นของแถมมาอีกด้วย
แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องทำงานในพื้นที่ส่วนตัว อาจจะลองชวนเพื่อนๆ ของคุณมาพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของคุณกันแบบถึงที่ ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เพราะเราอาจจะได้เจอมุมมองที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ได้
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้คุณ เปลี่ยนมุมมองที่มีกับอาการสมองตีบเสียใหม่ จำไว้ว่าทุกอย่างมีอีกด้านเสมอ ไม่ว่าวันนี้ความคิดสร้างสรรค์คุณจะตกหล่มแค่ไหน แต่ถ้าหากรู้จักหาทางใหม่ๆ ความคิดก็แล่นก็ต่อได้เสมอ