

World
พร้อมรับสภาวะสงครามก่อนใคร ‘หลุมหลบภัยสุดคูลจากญี่ปุ่น’ที่คุณต้องร้องว้าว
By: unlockmen April 27, 2017 59525
สงครามคือความเลวร้ายเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการออก ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ถ้าสถานการณ์ในประเทศหรือประเทศใกล้เคียงกำลังตึงเครียดเหมือนว่าจะเกิดสงครามขึ้นได้ การเตรียมตัวรับมือไว้ก็ดีกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย หลุมหลบภัยที่มีความพร้อมสรรพก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการเตรียมตัวรับมือกับสภาวะสงครามที่ใกล้เข้ามา
เมื่อเกาหลีเหนือพยายามแสดงแสนยานุภาพผ่านการทดสอบขีปณาวุธ ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นต่างเตรียมพร้อมรับมือหากมีภัยสงครามเกิดขึ้น พูดถึงความพร้อมสไตล์แดนปลาดิบก็ต้องไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แต่เขาจริงจังถึงขนาดลงทุนสร้างหลุมหลบภัยเป็นของตัวเองกันแล้ว
หากบินลัดฟ้าไปถึงญี่ปุ่น ที่นั่นมีบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ให้บริการสร้างหลุมหลบภัยใต้ดินโดยเขาเคลมเลยว่าภายในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เขาขายดีขึ้นมาก
กิจการรับสร้างหลุมหลบภัยสุดแหวกแนวที่ตั้งอยู่ใน Kobe เปิดเผยว่า ปกติแล้วหลุมหลบภัยที่ป้องกันระเบิดได้ของเขามักปิดการขายได้ตกปีละ 6 แห่งเท่านั้น แต่ตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เขาปิดการขายไปได้มากถึง 8 แห่งแล้ว ในขณะที่บริษัทรับสร้างหลุมหลบภัยเจ้าอื่นก็บอกว่ามีคนโทรมาถามราคามากกว่าปกติถึง 10 เท่า
Seiichiro Nishimoto คือ CEO ของบริษัทรับสร้างหลุมหลบภัย โดยเขามีหลุมหลบภัยตัวอย่าง (ให้อารมณ์เหมือนห้องตัวอย่างคอนโด) โดยหลุมหลบภัยตัวอย่างที่ว่าอยู่ที่บ้านของเขาที่ Osaka นั่นเอง
ภายในหลุมหลบภัยมีทั้งประตูที่ป้องกันระเบิด เครื่องป้องกันรังสีและผลิตอากาศบริสุทธิ์ รวมถึงเครื่องมือวัดระดับรังสีในอากาศ หน้ากากป้องกันก๊าซพิษและของใช้จำเป็นในเพื่อใช้ในสภาวะฉุกเฉิน แต่ของอำนวยความสะดวกอย่างโทรทัศน์เขาก็มีไว้ให้ด้วยเช่นกัน
ความโดดเด่นอีกอย่างของหลุมหลบภัยที่ว่านี้คือการที่ผนังถูกวาดให้เป็นรูปท้องฟ้าสีครามสดใส เหมือนจะเป็นการย้ำเตือนว่าถ้าวันหนึ่งพวกเขาต้องลงมาอยู่ในหลุมหลบภัยนี้แล้วพวกเขาคงคิดถึงท้องฟ้าและอากาศสะอาดบริสุทธิ์ที่เคยปราศจากกัมมันตรังสี รวมถึงผนังที่เป็นรูปชายหาดและทิวต้นปาล์มที่เรียงรายซึ่งไม่รู้ว่าจะช่วยให้สดใสหรือหดหู่มากกว่ากันหากอยู่ในสภาวะสงคราม
แม้หลุมหลบภัยจะดูปลอดภัย เท่ ขนาดไหน แต่ UNLOCKMEN ก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้มีสงครามเกิดขึ้นอีกเลยไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของโลกใบนี้
SOURCE, PHOTOS from Reuters/Kim Kyung-Hoon