Guide

ART OF ARS: “อาร์ตนูโว” ไม่ใช่วงนูโว ‘SOMETHING, NOUVEAU’ ดิจิทัลอาร์ตระดับโลกที่คนไทยสัมผัสได้

By: anonymK January 23, 2020

คุณรู้จักอาร์ตนูโวไหม

ไม่แปลกหรอกถ้าฟังแล้วอยากจะถามกลับมาว่า นั่นมันอะไรนะ ? หรือสับสนว่านี่เป็นชื่อสมาชิกใหม่วงนูโวหรือเปล่า เพราะส่วนมากคนเรามักไม่จำชื่อของศิลปิน ไม่จำชื่อผลงานศิลปะ และยิ่งถ้าลึกเข้าไปกว่านั้นอย่างคำว่า “ART NOUVEAU (อาร์ตนูโว)” ที่เป็นชื่อยุคหนึ่งของศิลปะตะวันตก ก็เป็นธรรมดาที่ออกมานอกห้องเรียนแล้วมันจะตกหล่นจากเมมโมรี่ไปบ้าง

แต่ SOMETHING, NOUVEAU เป็นหนึ่งในงานนิทรรศการเปิดต้นปี 2020 ในไทยที่เราแนะนำให้คุณต้องไปสักครั้งในชีวิต งานนี้เป็นซีรีส์ตัวที่ 3 ที่จัดขึ้นที่ River City ต่อจากนิทรรศการรุ่นพี่ 2 ตัวแรก FROM MONET TO KANDINSKY และ ITALIAN RENAISSANCE ที่เคยสร้างความประทับใจ โดยคัดสรรผลงานกว่า 500 ชิ้นของศิลปินตัวพ่อแห่งยุคทองทางศิลปะมาถึง 3 คน ได้แก่ กุสตาฟ คลิมท์ (Gustav Klimt) อัลโฟนส์มูคา (Alphonse Mucha) และออเบรย์เบียร์ดสเลย์ (Aubrey Beardsley)

ทั้ง 3 คนนี้ถ้าให้เทียบก็เสมือนอาหารจานเด็ดของยุคอาร์ตนูโวที่ถ้าเราไม่ทำความรู้จักผลงานและตัวตนของพวกเขาก็เหมือนอดกินต้มยำกุ้ง กะเพรา และผัดไทยตอนมาเมืองไทย ที่สำคัญรูปแบบแสดงงานครั้งนี้ยังแปลกใหม่กว่างานอาร์ตเดิมที่เคยไป เติมเต็มจินตนาการเราได้ดีด้วย (เราจะอธิบายอีกครั้งด้านล่างอีกครั้งว่าเจ๋งยังไง)

 

อาร์ตนูโว ศิลปะใหม่ ศิลปะที่เกิดจากความเบื่อหน่าย นี่คืออวองค์การ์ด (Avant-Garde)”

อาร์ตนูโว หรือยุคนวศิลป์ เป็นยุคศิลปะแสนสั้นที่เกิดขึ้นและโด่งดังในค.. 1890 – 1910 หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ต่อจาก Art and Craft Movement ช่วงนั้นเป็นยุคที่คนเริ่มเบื่อศิลปะ เบื่อการนำเสนอรูปแบบเดิม อยากหาแนวศิลปะแบบใหม่ขึ้นมา พอมาเจออาร์ตนูโวที่เป็นแนวงานรับอิทธิพลจากธรรมชาติ อ่อนช้อย สไตล์ผู้หญิง (แต่คนทำงานเป็นผู้ชาย) เข้าก็ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้ทันที

 

ผู้คนที่พบศิลปะแนวนี้เข้าก็กล่าวว่าศิลปะแนวนี้คืออวองค์การ์ด หรือนี่มันล้ำยุคมาก (คำว่าอวองค์การ์ดเป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ทหารแนวหน้า ใช้อธิบายสิ่งใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มักใช้ในวงการศิลปะ) จนทำให้ฟอร์มต่าง ๆ ของอาร์ตนูโวทั้งหมด ลายเส้นพลิ้ว เครือเถาวัลย์ ความละเอียดประณีต ฯลฯ แพร่ไปสู่ศิลปะแขนงอื่นอย่างรวดเร็วทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และการทำกระจกสี ในช่วง 20 ปีที่ศิลปะเบ่งบาน ตอนนั้นไม่ว่าจะหันไปทางไหนล้วนเจอแต่งานสไตล์นี้ เสน่ห์ของความหรูหราแปลกใหม่ อ่อนช้อย กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ

 

UNLOCK ARTISTS: 3 ศิลปินชายหัวขบถแห่งยุคที่วาดหญิงสาวต่างมุมมองเป็นเอกลักษณ์

ศิลปินชาย 3 คนเจ้าของงานในการจัดแสดงนิทรรศการ SOMETHING, NOUVEAU ถือเป็นระดับตำนานที่ผลงานไม่เหมือนกันเลย แม้จะมีความคล้ายเรื่องการใช้ธรรมชาติกับลายเส้นพลิ้วไหวเข้ามาประยุกต์ แต่ต่างคนต่างมีความน่าสนใจทั้งประวัติและผลงาน บางคนอายุสั้น บางคนวาดภาพโป๊เสียจนคนลุกมาต่อต้าน หรือบางคนก็วาดเส้นได้ละมุน ประณีตละเอียดลออเสียจนไม่คิดว่าภาพนี้ผู้ชายนี่แหละวาด

Aubrey Beardsley : ศิลปินอายุสั้นที่ใช้สัญญะเล่าเรื่อง

ก่อนจะมาเป็นศิลปินผู้สร้างอวองค์การ์ด Aubrey คือเด็กชายผู้โชคร้ายที่ตรวจพบว่าตัวเองเป็นวัณโรคโดยพันธุกรรมตั้งแต่วัย 7 ขวบ และเสียชีวิตในวัย 25 จากโรคดังกล่าวในยุคศตวรรษที่ 19 ขณะที่วิทยาการทางการแพทย์ระบุให้เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้

เดิมเขาทำงานเป็นเสมียนโดยรับเงินเดือนเพียงเดือนละ 70 ปอนด์ ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางศิลปะจากการวาดภาพการ์ตูนล้อเลียนจนเพื่อนร่วมงานชื่นชอบ สิ่งนี้กลายเป็นแรงผลักดันให้เขาไปลงเรียนศิลปะจริงจังที่โรงเรียนสอนศิลปะเวสต์มินสเตอร์จนในที่สุดเขาสามารถเปลี่ยนอาชีพนักวาดภาพประกอบเต็มตัวให้กับหนังสือนวนิยาย นิตยสาร และเคยวาดภาพให้กับนักเขียนหัวขบถผู้เป็นที่กล่าวขวัญแห่งยุคอย่างออสการ์ไวด์

จุดเด่นที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นชัดเจนคือสไตล์ของผลงานที่ผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก (ศิลปะภาพพิมพ์จากญี่ปุ่น) และได้รับอิทธิพลจากศิลปินหลายคน จนสร้างผลงานได้ในแบบฉบับของตัวเอง ยิ่งเมื่อเซตองค์ประกอบในภาพแบบซ่อนสัญญะไว้ ทำให้ทุกอย่างในภาพมีความหมายกว่าที่คิด ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากความชื่นชอบด้านวรรณกรรมและงานหลักที่เขาวาดภาพประกอบหนังสือ เช่น การตกแต่งภาพด้วยเถาองุ่นในภาพสื่อถึงความมึนเมา หรือดอกบัวแฝงนัยความบริสุทธิ์

นอกจากนี้เขายังสร้างความอีโรติกไปในอย่างประณีต ภาพศิลปะของเขาเหมือนงานตีแสกคนในสังคม เพราะซ้อนระหว่างความอีโรติกโป๊เปลือยกับความหรูหรา

 

Alphonse Mucha : ศิลปินชายผู้เชิดชูสตรีเพศด้วยความประณีต

หลายคนเห็นงาน Mucha บ่อย เพราะเป็นแนวงานที่คนยุคนี้ยังนิยมแชร์ แต่บางคนแทบไม่รู้เลยว่าภาพนี้วาดขึ้นโดยศิลปินชาย ศิลปินผู้นี้เติบโตและรู้ว่าตัวเองหลงใหลศิลปะจึงมุ่งสอบเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะ แม้ครั้งแรกจะสอบตกจนต้องไปทำงานเสมียนคล้าย Aubrey แต่สุดท้าย เขาก็ใช้เวลาว่างเข้าไปเรียนในโรงละครท้องถิ่น เขาจึงมีทักษะการแสดงและทักษะศิลปะจากการตกแต่งวาดภาพให้โรงละครติดตัว

ช่วงชีวิตของ Mucha ก่อนเป็นศิลปินดังค่อนข้างระหกระเหิน ช่วงดีก็มีท่านเคาน์พอใจผลงานจนอุปถัมภ์ส่งให้เรียนต่อศิลปะ แต่จังหวะสิ้นโชคก็ต้องกลับมาวาดรูปหาเงิน ทำทุกอย่าง วาดทั้งโปสเตอร์โฆษณา งานพิมพ์ ปฏิทิน เมนูอาหาร บัตรเชิญ ฯลฯ จนกระทั่งวันหนึ่งจู่ จังหวะชีวิตของเขาก็พุ่งพรวดจากการรับวาดภาพงานช่วงคริสต์มาส เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ศิลปินคนอื่นหยุดยาวและหนึ่งในงานโปสเตอร์ที่เขาวาดไปต้องตาต้องใจ Sarah Bernhardt นักแสดงสาวของโรงละครหนึ่งเข้า จึงเป็นการผูกปิ่นโตให้เขาทำหน้าที่มัณฑนากรของโรงละครนั้นไปโดยปริยาย งานเริ่มหลั่งใหลเข้ามานับจากนั้นและกระจายไปสู่แขนงอื่น อย่างรวดเร็ว

หนึ่งในมุมมองของมูคาที่มีต่อสตรีเพศคือการเชิดชูว่าพวกเธอคือยาถอนพิษและพลังใจแห่งบุรุษ

เอกลักษณ์ของงาน Mucha คือการนำเสนอภาพหญิงสาวร่วมกับธรรมชาติ เขาแหกกฎทั้งเรื่องขนาดภาพเพื่อลงรายละเอียดความรุ่มรวยในภาพ การเลือกใช้ภาพที่สดใส และความหลากหลายของประเภทงานเพราะงานเขาไม่ได้อยู่แค่บนผืนผ้าใบ แต่ต่อเนื่องไปถึงงานพิมพ์ วอลล์เปเปอร์ติดผนัง เฟอร์นิเจอร์ จิลเวอรี่ และเสื้อผ้า จนยุคนั้นแทบไม่มีใครที่ไม่เคยเห็นผลงานของเขา ความอ่อนช้อยของลายเส้นที่มีเสน่ห์ นำเสนอภาพมุมมองน่าค้นหา ทำให้แม้ไม่ได้เล่าภาพออกมาด้วยร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวแต่ก็เป็นชิ้นงานที่แตกต่างจากศิลปินยุคเดียวกันอย่างชัดเจน

 

Gustav Klimt : ศิลปินที่นำกามารมณ์มาเล่าให้เปล่งประกายด้วยสีทอง

ถ้าพูดถึง Golden Age ชื่อของ Gstav Klimt จะเป็นชื่อแรกที่คนพูดถึง เพราะงานเขาแปลกตาด้วยเทคนิคการใช้ทองคำเปลวเพื่อนำเสนอในงาน ซึ่งส่วนหนึ่งเทคนิคที่เขาเลือกใช้น่าจะได้อิทธิพลมาจากครอบครัว เพราะเขาเกิดในครอบครัวของช่างแกะสลักทอง

Klimt เข้าเรียนวิชาศิลปะในโรงเรียน เขาชื่นชมจิตรกรด้านประวัติศาสตร์เวียนนาและหลงใหลการเดินทางตามเส้นทางนี้ กระทั่งได้มีโอกาสออกแบบเสื้อผ้าร่วมกับ Emilie Louise แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวออสเตรียจนเริ่มต้นแนวทางศิลปะของตนเอง ผลงานของเขาส่วนใหญ่พัฒนาและเชิดชูความเป็นเฟมินิสต์ของอิสตรี รวมทั้งเล่าเรื่องเซ็กซ์อย่างเปิดเผยจึงมีผู้คนมากมายที่ไม่เห็นด้วย แต่เมื่อกระแสความนิยมเวียนนามาถึงผลงานของเขาก็ได้รับการยกย่องในวงสังคม

เทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาคือการใช้ทองคำเปลว เฉดสีโลหะในผลงานเพื่อสร้างความเปล่งประกาย รวมทั้งการแสดงสีหน้าอารมณ์ของภาพหญิงสาวที่เปี่ยมด้วยความเย้ายวน

ศิลปะคลาสสิส 3 โซน ที่มนุษย์สามารถเอื้อมถึงความสุนทรีย​์ได้จริง ๆ

ถึงศิลปินจะจากโลกนี้ไปแต่ผลงานศิลป์ของเขาจะถูกถ่ายทอดเรื่อยไปด้วยรูปแบบการรับรู้ใหม่ ตามกาลเวลา ท่ามกลางความคลาสสิกชั้นสูงที่หลายคนเชิดชูจนเหมือนไกลเกินเอื้อม ยุคนี้มีอุปกรณ์ช่วยดีดความโบราณเข้าไม่ถึงออก เปลี่ยนเส้นทางศิลปะให้เข้าถึงจิตใจคนยุคใหม่อย่างใกล้ชิดแบบรดต้นคอ

SOMETHING, NOUVEAU แบ่งโซนศิลปะออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Moda Gallery, Moda Gallery และ Moda Space ให้เราเลือกรับประสบการณ์ตามใจชอบ 3 ระดับ ตั้งแต่เห็น สัมผัส จนถึงขั้นทะลุเข้าไป!

MODA Gallery

ใครที่เคยไปดูงานอาร์ตแล้วรู้สึกว่าเสียเงินมาเกินเอื้อม โดนกั้น เห็นคนรุมเยอะจนถอดใจ ดิจิทัลอาร์ตจากห้อง Moda Gallery เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ เพราะเขาชุบชีวิตผลงานศิลปะให้โลดโผนด้วยการยิงโปรเจกเตอร์ยาวระดับ HD ฉายผนังและพื้นห้อง เคลื่อนไหว ทั่วห้องและตัวเราที่เดินเข้าไปจึงกลายเป็นผืนผ้าใบ เคล้าเสียงดนตรีคลาสสิกประกอบจังหวะจากระบบเสียง Dolby Surrond เพิ่มจินตนาการและความเพลิดเพลิน

ใครอยากถ่ายรูปสวย ดูศิลปะแบบ 360 องศา เพิ่มเก็บความอาร์ตระดับโลกไว้เป็นเมมโมรี่ ชวนแฟนไปดูงานนี้ก็เหมาะ เพราะเย็นสบาย บรรยากาศดี และเติมเต็มจินตนาการสร้างความครีเอทีฟ

 

MODA Space

โซนสามมิติ มีแว่นให้สวมใส่ระหว่างดู Installation Interactive เต็มตา จนรู้สึกเหมือนสมผัสได้ด้วยปลายมือ เหมาะกับคนที่อยากดำดิ่ง ลึกซึ้ง ห้องนี้จะต่างจาก Moda Gallery เพราะห้องนั้นจะเป็นการชมแบบ 2D

 

MODA VR Studio

เข้าไปอยู่ในงานศิลปะมันซะเลย! เราอาจจะเห็น VR พ่วงมากับเกมเป็นส่วนใหญ่ แต่ห้องนี้เขาเอา VR มาใช้กับงานศิลปะ ออกแบบโลกเสมือนให้เราสวมแล้วเหมือนเข้าไปอยู่ในงานของศิลปิน แต่งานนี้หมายเหตุตัวโต ๆ ว่าไม่ศิลปะนูโวแต่เป็นศิลปะที่คัดสรรแล้วจากศิลปินที่น่าสนใจ

แน่นอนว่าห้องนี้มันไม่ได้ฉายมาเป็นภาพแบน เพราะเราเดินไปเดินมาในภาพได้ ก้มส่องดูพื้น ดูนอกหน้าต่างก็ได้ แถมยังมีคาแรกเตอร์ศิลปินเคลื่อนไหวให้เราได้เดินเข้าไปกระทบไหล่อีกด้วย

 

ใครที่สนใจอยากไปสัมผัสอาร์ตระดับเทพของศิลปินตำนานที่เป็นมาสเตอร์พีซก่อนใคร การเริ่มต้นปีด้วยนิทรรศการ SOMETHING, NOUVEAU ในไทยถือเป็นจุดเริ่มต้นประสบการณ์ใหม่ในการเสพศิลปะที่คุณคาดไม่ถึง งานจัดแสดงตั้งระหว่างวันที่ 15 ม.ค. – 16 เม.ย 2020 เวลา 10:00 – 20:00 ณ MODA Gallery ชั้น 2 ศูนย์การค้า River City Bangkok

รายละเอียดค่าเข้าชมสถานที่แบ่งราคาจำหน่ายบัตรตามบริเวณเข้าชม ดังนี้

 MODA Gallery และ MODA Space 

  • บัตรผู้ใหญ่ราคา 350 บาท
  • บัตรเด็กวัย 4 ปีไม่เกินปริญญาตรี ราคา 250 บาท
  • ผู้อาวุโสวัยเกิน 60 ปี ราคา 250 บาท

MODA VR Studio

  • บัตรผู้ใหญ่ราคา 200 บาท
  • บัตรสำหรับเด็ก นักเรียน และผู้สูงอายุ ราคา 100 บาท (เนื้อหาในส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอาร์ต นูโว แต่เป็นเรื่องราวของศิลปินอื่นๆ พร้อมผลงานของพวกเขาที่คัดสรรมาแล้ว)

หมายเหตุ: เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีไม่สามารถใช้อุปกรณ์ VR ได้แต่มีในส่วน Interactive Experience ให้เล่นในราคา 100 บาท

 

PHOTOGRAPHER: Warynthorn Buratachwatanasiri

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line