สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ประกาศความร่วมมือกับเชฟเอียนกิตติชัยในการสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยจานพิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจเส้นทางบินกรุงเทพฯ – โดฮา โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส มุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อมอบบริการบนเครื่องบินอันน่าจดจำ ตั้งแต่การตกแต่งภายใน ไปจนถึงเมนูอาหารที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตจากเชฟที่ดีที่สุดจากทั่วโลกสายการบินกาตาร์แอร์เวย์สปรารถนาสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นและน่าประทับใจให้แก่ผู้โดยสารทุกครั้งที่เดินทางกับสายการบินฯ มร.อัคบาร์ อัล บาเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส กรุ้ป กล่าวว่า “สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส มีความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์เมนูอาหารบนเครื่องบินที่ดีที่สุด เรามีความตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับเชฟเอียน กิตติชัย เชฟที่ดีที่สุดท่านหนึ่งของประเทศไทย เพื่อให้บริการอาหารจานพิเศษแก่ผู้โดยสารสายการบินกาตาร์แอร์เวย์สที่เดินทางจากกรุงเทพฯและมั่นใจว่ารายการอาหารใหม่นี้จะเป็นที่นิยมต่อผู้โดยสารอย่างแน่นอน” เชฟเอียน กิตติชัย กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส ในการสร้างสรรค์เมนูพิเศษ ที่มีรสชาติและวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้แก่ผู้โดยสารและรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับสายการบินที่มีความมุ่งมั่นในการให้บริการด้วยความเป็นเลิศและสร้างความประทับใจด้วยเมนูอาหารที่มีความแปลกใหม่และมีรสชาติอร่อยจากประเทศบ้านเกิดให้แก่ผู้โดยสารของสายการบินระดับโลก” เมนูอาหารเชฟเอียน กิตติชัย ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นส่วนประกอบอาหารจานพิเศษ อาทิ เมนูแกงระแวงเนื้อ อาหารหารับประทานยากจากภาคใต้ โดดเด่นที่ความนุ่มอร่อยของเนื้อซี่โครงตุ๋น ความเผ็ดหอมของเครื่องเทศพริกแกงใต้สูตรเฉพาะและพริกชี้ฟ้าย่าง เมนูฉู่ฉี่กุ้ง ความหวานของเนื้อกุ้งลายเสือตุ๋นกะทิเสิร์ฟบนเครื่องแกงฉู่ฉี่รสเข้มข้นกำลังดี เพิ่มความหอมด้วย มะพร้าวคั่ว ทานคู่กับยอดมะพร้าว และผักกาดกวางตุ้ง ผู้โดยสารสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส จากประเทศไทยจะเพลิดเพลินกับการวางแผนการเดินทางที่มีให้เลือกมากขึ้นถึง 63 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
ทุเรียนนั้นเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นรุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คนที่กินก็จะรู้ถึงความอร่อยของมัน ในขณะที่ชายต่างชาติส่วนใหญ่มักจะไม่เคยได้สัมผัสรสชาติของมัน หลาย ๆ โรงแรมนั้นไม่อนุญาตให้คุณนำมันเข้ามาในห้องพัก ทุเรียนเคยทำให้คนไม่ผ่านการเป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ทำให้เที่ยวบินต้องล่าช้าออกไปเพื่อกำจัดกลิ่นทุเรียนออก และล่าสุดนี้ทำให้ถึงกับต้องเกิดการอพยพ เพราะความสับสนในกลิ่นของทุเรียนว่าเป็นกลิ่นสารเคมีรั่วไหลนั่นเอง เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา สถานีดับเพลิงแห่งหนึ่งในเมือง Canberra ของออสเตรเลีย ได้รับรายงานเหตุจากมหาวิทยาลัย Canberra ว่าในห้องสมุดนั้นมีกลิ่นของ “แก๊สรั่วที่ค่อนข้างรุนแรง” ซึ่งทำให้มีการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ออกตามหาต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์นี้อย่างเต็มรูปแบบ หนึ่งชั่วโมงให้หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ค้นพบที่มาของปัญหา และออกแถลงการณ์ว่าสถานการณ์ทุกอย่างกลับสู่ปกติเรียบร้อย โดยไม่ได้ระบุว่ากลิ่นไม่พึงประสงค์นี้มาจากไหน แต่เป็นทางมหาวิทยาลัยเองนี่แหละที่เปิดเผยว่ามันคือทุกเรียน ซึ่งถูกวางทิ้งไว้ใกล้ช่องแอร์ตรงชั้นสองของห้องสมุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำมันออกมาภายในถุงที่ซีลปิดอย่างดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครทราบว่าสาเหตุของการนำทุเรียนไปวางไว้ใกล้ช่องแอร์หนนี้เป็นเรื่องจงใจ หรือเป็นเพียงความบังเอิญที่กินแล้วเผลอวางทิ้งไว้เท่านั้น แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลิ่นของทุเรียนได้สร้างความวุ่นวายให้กับออสเตรเลีย เพราะในเดือนเมษายนของปีที่แล้ว ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย RMIT ต้องอพยพผู้คนมากกว่า 600 คน เนื่องจากสาเหตุเดียวกันกับหนนี้เลย และต้นตอของมันก็มาจากทุเรียนเน่าที่ถูกทิ้งไว้ในตู้นั่นเอง ทุเรียนนั้นคือราชาของผลไม้ของไทย และประเทศเราได้ส่งออกทุเรียนไปนานาประเทศ และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดในตลอดของจีน อ้างอิงจากข้อมูลในปี 2017 ที่เราครอบครองได้ถึง 40% ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยธุรกิจของทุเรียนที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ของจีน ทำให้เกิดเมนูแปลก ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ทั้งพิซซ่าทุเรียน สลัดทุเรียน
ยุคสมัยก่อนหน้านี้การขับรถหรูมักจะตกแต่งให้หรูยิ่งกว่า หรือแรงยิ่งขึ้นก็ตาม มีสำนักแต่งที่เลือกโมดิฟายเฉพาะรถหรูมากมาย ไม่ว่าจะเป็น RWB ที่เลือกแต่ง Porsche ให้ดุดันแบบ Widebody หรือจะจะเป็นชุดแต่งจาก Liberty Walk ที่เน้นโมทุกสำนักไม่ว่าจะเป็น Lamborghini ไปจนถึง GT-R แต่จะมีสำนักแต่งไหนโหดสัสได้เท่าสำนักแต่งในรัสเซีย ที่ไม่ได้เน้นหรูหรือเน้นแรง แต่เน้นลุยสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ด้วยการเปลี่ยนล้อรถให้กลายเป็นตีนตะขาบรถถัง จะเรียกว่าเป็นรถถังที่หรูที่สุดในโลกก็คงไม่ผิดนัก สำหรับ Bentley Continental GT Tank คันนี้ ผลงานในชื่อโปรเจค “Ultratank” ของสำนัก Eastern Europe ที่ใช้เวลายาวนานหลายเดือนไปกับการคิดว่า ทำยังไงถึงจะเปลี่ยนแรงม้าของ Bentley Continental GT ซึ่งในเวอร์ชันที่เราเห็นนี้ก็ยังไม่ใช่ว่าเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย ยังมีการบ้านที่ Eastern Europe ต้องพัฒนาต่อ ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ทำให้เครื่องยนต์สามารถใช้ขับเคลื่อนตีนตะขาบรถถังได้เต็มที่ เพราะถ้าแรงบิดไม่มากพอ ย่อมยากที่จะสร้างแรงขับเคลื่อนให้สายพานของตีนตะขาบอันหนักอึ้งได้ ซึ่งขณะนี้ตั้งเป้าว่ารถจะต้องทำความเร็วให้ได้ 100 km/h แต่ปัจจุบันยังทำได้แค่ครึ่งเดียวคือ 50 km/h เท่านั้น และมันทำให้การควบคุม Ultratank ทำได้ยากเย็น
หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากงานเปิดตัว The All New XC40 เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา วอลโว่ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยกิจกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่จะกลายเป็นท็อคออฟเดอะทาวน์แห่งปี กับงานเปิดตัว “The Volvo Way: Freedom to Experience” พบขบวนรถยนต์รุ่นล่าสุดจากวอลโว่ที่สร้างยอดขายถล่มทลาย มาร่วมทดสอบสมรรถนะบนลู่วิ่ง 2 ระดับที่แฟนวอลโว่ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ณ ใจกลางมหานครกรุงเทพฯ เปิดรอบสำหรับบุคคลทั่วไปในวันที่ 9 – 19 พฤษภาคม 2562 ระหว่างเวลา 11.00 – 22.00 น. ณ ลานมรกต ด้านหน้าห้างเซ็นทรัลชิดลม “นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย มุ่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับลูกค้าของเราเป็นอันดับแรก จวบจนปัจจุบัน เรายังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสบการณ์ที่พวกเขาจะได้รับทุกครั้งที่มาเยือนศูนย์บริการวอลโว่” มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) กล่าว “ภายในงาน The Volvo
NIKE เคยกล่าวไว้ว่า 3 ใน 5 คนที่ใส่รองเท้าผ้าใบ เลือกขนาดรองเท้าไม่เหมาะสมกับขนาดเท้า และที่สำคัญคือรองเท้าแต่ละรุ่น อาจจะเหมาะสมกับไซส์รองเท้าที่ต่างกันออกไป แม้จะเป็นเท้าคู่เดิมของเราก็ตาม ดังนั้นเรื่องการเลือกขนาดรองเท้าจึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับ NIKE ไม่แพ้ประสบการณ์การสวมใส่ เพราะต่อให้ออกแบบรองเท้ามาดีแค่ไหน แต่ถ้าคนซื้อผิดไซส์ไป ก็ใส่ไม่ Happy อยู่ดี แล้ววิธีแก้คืออะไร? ในยุคที่ทุกคนกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้อของออนไลน์ แม้แต่เรื่องของเสื้อผ้าแฟชั่นรองเท้าที่ขนาดเป็นหัวใจสำคัญที่เคยเชื่อว่า “ถ้าไม่ได้ลอง ก็ไม่ซื้อ” ก็เริ่มลดความคาดหวัง กดสั่งซื้อทางออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งแม้จะมี return policy ในการรับคืนรองเท้าก็ตาม แต่ก็ต้องยุ่งยากเรื่องจ่ายเงิน คืนเงิน ค่าส่ง บริหาร Inventory และสำหรับร้าน Retailer จะยิ่งเซ็งเพราะค่าใช้จ่ายพวกนี้มีผลทำให้ราคาขายสูงขึ้นเช่นกัน NIKE จึงหันไปโฟกัสในเทคโนโลยีที่อยู่ใกล้มือทุกคน นั่นคือการพัฒนาสร้างสรรค์ Application ที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เรียกว่า “Nike Fit” ซึ่งสามารถคำนวณขนาดเท้าได้อย่างแม่นยำในระดับคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 มิลลิเมตร ซึ่งแม่นยิ่งกว่าบรรดา Application วัดระยะที่เคยมีมาก่อนหน้าซะอีก ด้วยความที่ขนาดเท้าเป็นเรื่อง sensitive จึงต้องใช้การทำงานร่วมกันของ AR
ชื่อเสียงของ Rocket 3 เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะมอเตอร์ไซค์สาย Cruiser ที่เครื่องใหญ่และแรงที่สุดของค่าย Triumph ตั้งแต่ปี 2004 ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถที่ “Biggest, most bad-ass motorcycle money can buy.” ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.3-liter ที่ใหญ่และแรงยิ่งกว่า Harley Davidson V-Rod ในยุคนั้น ด้วยตำนานที่แข็งแกร่งของมัน การที่ Triumph นำ Rocket 3 กลับมาพัฒนาใหม่อีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับสิงห์นักบิดทุกท่านแน่นอน Triumph Rocket 3 TFC ถูกสร้างสรรค์ใหม่ให้โหด แรง และดูดิบยิ่งกว่าเวอร์ชันเก่า เพิ่มความจุเครื่องยนต์ให้ใหญ่กว่าเดิมเป็น 2.5-liter ให้พละกำลัง 168 แรงม้า แรงบิดมากถึง 221 Nm of torque กลายเป็นรถที่แรงที่สุดเท่าที่ Triumph เคยผลิตมาตลอดกาล แม้รถจะมีขนาดใหญ่ แต่มันกลับมีน้ำหนักเพียง 294 กิโลกรัม
เปิดตัวมากับสเปคจัดเต็มพร้อมราคาที่เอื้อมถึง กลายเป็นอีกตัวเลือกที่หลายคนต่างเฝ้ารอ Mercedes-AMG E53 4MATIC+ เวอร์ชันประกอบในประเทศ ซึ่งได้รับการออกแบบให้สะท้อนสมรรถนะที่เหนือกว่า ผ่านรูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลและลายเส้นด้านข้างที่ดูทรงพลัง ฝากระโปรงและช่องพาวเวอร์โดม พร้อมตกแต่งกระจกมองข้างและขอบบานกระจกด้วยสีดำที่ช่วยเสริมความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น ท่อไอเสียแบบ AMG Sport exhaust system ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2 round twin tailpipe look สปอยเลอร์ด้านหลังบน ฝากระโปรงท้ายแบบ AMG Spoiler lip ปลายสปอยเลอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยเสริมคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20” ตกแต่งด้วย สีดำ พร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ดีไซน์ภายใน มาพร้อมกับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุ Metal-weave และ Black piano เบาะที่นั่งหุ้มของเอเอ็มจีและตราสัญลักษณ์เอเอ็มจี ด้วย ARTICO leather ตัดสลับ DINAMICA
บ่อยครั้งที่คนวัยทำงานอาจมีอาการปวดหลังแบบไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่ด้วยวิถีการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบ และแข่งขันกับเวลาในการทำงานมากขึ้น ต้องนั่งติดหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนอาจละเลยการดูแลสุขภาพตัวเองอย่างเหมาะสม และมองอาการปวดหลังเป็นเพียงอาการหนึ่งของออฟฟิศซินโดรมเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้นอาการปวดหลังยังสามารถส่งสัญญาณได้อีกหลากหลายโรค โดยเฉพาะโรคที่คนส่วนใหญ่อาจไม่คุ้นเคย หรืออาจไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อมาก่อนเลย เช่น โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด (Ankylosing spondylitis) ศ. นพ. วรวิทย์ เลาห์เรณู อายุรแพทย์โรคข้อและรูมาติสซั่ม ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึด เป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่าโรคนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรม โดยพบว่าผู้ที่มีการตรวจพบสารพันธุกรรม HLA B27 ก็จะถือว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบชนิดติดยึดมากกว่าคนทั่วไป และจะมีอัตราเสี่ยงมากยิ่งขึ้นหากว่ามีบุคคลในครอบครัวหรือญาติสนิทมีประวัติป่วยในโรคนี้มาก่อน ทั้งนี้โรคดังกล่าวมีแนวโน้มที่มักพบได้บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิงสูงถึง 10 เท่า ซึ่งผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการปวดหลังเรื้อรัง โดยเฉพาะอาการปวดหลังบริเวณเอวหรือกระดูกก้นกบ ช่วงอายุที่เริ่มมีอาการจะอยู่ระหว่าง 20-30 ปี หากว่าผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยที่ล่าช้า หรือรับการรักษาไม่ถูกต้อง จะก่อให้เกิดความพิการหรือทุพลภาพอย่างรุนแรงตามมาได้ สิ่งสำคัญที่ควรเริ่มสังเกตและตรวจสอบตนเอง คือ อาการปวดหลังหรือรู้สึกหลังตึงขัดเรื้อรังที่นานเกิน 3 เดือน ขึ้นไป โดยที่ไม่เคยได้รับอุบัติเหตุใดๆ บริเวณหลังมาก่อน อาการปวดมักจะเริ่มปวดที่บริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอว โดยจะรู้สึกปวดหรือรู้สึกหลังตึงขัดมากในช่วงเวลาของการนอน ซึ่งในบางรายอาจมีอาการปวดรุนแรงมากจนต้องตื่นกลางดึกและไม่สามารถนอนต่อได้ แต่เมื่อภายหลังการตื่นนอนในช่วงเช้าและเริ่มขยับตัวทำงาน อาการปวดกลับค่อยๆ ทุเลาลงจนสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
Mercedes-AMG G 63 เป็นรถยนต์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของรถยนต์ G-Class ในตระกูล Mercedes-AMG ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และสถานะการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์หรูแบบออฟโร้ดเอาไว้อย่างมั่นคง ดีไซน์ภายนอก Mercedes-AMG G 63 ได้รับการออกแบบให้สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์เอเอ็มจีและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยโครงสร้างตัวถังทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้เหล็กกล้าหลากหลายระดับ มีความทนทานและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าโครงสร้างเดิมถึง 55% และยังช่วยดูดซับเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่สปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้าและประตูใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก รถคันนี้มาพร้อมกับหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านคู่ ไฟหน้าทรงกลมที่ใช้ระบบ MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด ไฟเลี้ยวแบบเชื่อมเข้ากับตัวถัง กันชนเสริมที่ดูดุดันเข้ากับแถบสีดำเงา และตราสัญลักษณ์เอเอ็มจีสีเงิน ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดที่ทำจากสแตนเลสที่มีตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบ 3 มิติ ด้านหน้าของตัวรถเป็นกระจังและกันชนหน้าของเอเอ็มจีที่มีท่อรับอากาศด้านข้างและเก็บขอบเป็นสีเงินอิริเดียม นอกจากนี้ส่วนหลังคาของรถยังเชื่อมต่อกับโครงสร้างตัวถังด้วยกระบวนการเชื่อมโดยใช้แสงเลเซอร์แทนที่การเชื่อมแบบอัด ซึ่งช่วยให้ ส่วนหลังคาเรียบเนียนและแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมทั้งยังมีการเชื่อมหน้าต่างเข้ากับตัวถังโดยตรงเป็นครั้งแรกเพื่อให้ตัวถังแข็งแกร่งขึ้น ลดการสึกกร่อนของกรอบหน้าต่างด้วย ดีไซน์ภายใน มีการตกแต่งภายในแบบใหม่ เพื่อให้ห้องโดยสารมีความทันสมัยและใหญ่ขึ้นในทุกมิติ คือ ยาวกว่าเดิม 101 มิลลิเมตร กว้างกว่าเดิม 121 มิลลิเมตร และสูงกว่าเดิม 40
Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe เป็นสมาชิกใหม่ของรถยนต์ตระกูล AMG GT ที่พัฒนาขึ้นตามแนวคิด “ชีวิตคือการแข่งขัน – Life is a race” และเป็นรถสปอร์ต 4 ประตูรุ่นแรกที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาเองทุกกระบวนการ รถยนต์รุ่นนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความสะดวกสบาย ความเร้าใจ และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเพื่อการขับขี่ในทุกสถานการณ์ รวมถึงตัวเลือกเพื่อการปรับแต่งได้ตามรสนิยม และนวัตกรรมยานยนต์รุ่นล่าสุดเพื่อความสปอร์ตในทุกจังหวะ ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูที่มีรากฐานมาจากทั้งรถยนต์ตระกูล SLS และ AMG GT, กระจังหน้าแบบ AMG-Specific radiator grille พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, aerofoil ที่สามารถยืดและหดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมีดิสก์เบรก AMG high-performance ท่อไอเสียคู่แบบ Two round twin tailpipe เฉพาะของ AMG และล้ออัลลอย AMG น้ำหนักเบาขนาด 20