นี่คือครั้งแรกของ Ferrari 4 ประตู 4 ที่นั่ง ที่ดูคล้าย SUV มากที่สุดเท่าที่ Ferrari เคยมีมา มันใช้เครื่องยนต์ 6.5 ลิตร V12 715 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD system ที่ทำเวลา 0-100 km/h ได้ภายใน 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดทะลุ 300 แรงม้า ชื่อ “Purosangue” เป็นภาษาอิตาลี หมายถึงสายพันธุ์ม้าแข่งที่โด่งดังซึ่งมีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง ซึ่งแม้คนทั้งโลกจะเรียกมันว่ารถ SUV แต่ Ferrari ยังคงยืนยันว่า “นี่ไม่ใช่รถ SUV” เสียงแข็ง เพราะมันมีความสูงเพียง 62.6 นิ้ว เตี้ยกว่า Lamborghini Urus ถึง 2 นิ้ว มีพื้นที่ ground clearance
นาน ๆ จะเปิดตัวสักที แต่เปิดแล้วการันตีว่าไม่ธรรมดาแน่นอนสำหรับ Pagani กับการเผยโมเดลใหม่ในรหัส Utopia หลังจากซุ่มพัฒนาภายใต้ codename C10 มาพร้อมเครื่องยนต์ 6.0-liter twin-turbo V12 852 horsepower 811 lb-ft of torque จาก Mercedes-AMG ที่พัฒนาเป็นพิเศษให้ Pagani โดยเฉพาะ Pagani Utopia ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวถังจากวัสดุ Carbotanium ซึ่งได้จากการผสมระหว่าง carbon fiber และ titanium ให้ความแข็งแกร่งสูงสุด และมีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับที่ใช้ใน Zonda และ Huayra โดย Utopia คันนี้มีน้ำหนักเพียงแค่ 1,280 กิโลกรัม ทั้ง ๆ ที่แบกน้ำหนักเครื่อง V12 852 แรงม้าอยู่ด้านหลัง จึงได้ตัวเลขอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักตัวที่ยอดเยี่ยมมาก น่าเสียดายที่ Pagani ยังไม่เปิดเผยอัตราเร่งออกมาในตอนนี้
เป็นปีที่ร้อนแรงที่สุดของ Bulgari หลังทำสถิติโลก the world thinnest นาฬิกาบางที่สุดในโลกไปไม่นานกับ Bulgari Octo Finissimo Ultra ที่ตัวเรือนมีความหนาเพียง 1.80 มิลลิเมตร ล่าสุดได้เปิดตัวเรือนเวลารุ่นใหม่ที่น่าประทับใจอีกครั้งกับ Octo Finissimo Skeleton 8 Days ซึ่งแค่ชื่อก็บอกถึงความซับซ้อนที่น่าทึ่งของมันได้แล้ว Bulgari Octo Finissimo Skeleton 8 Days ถูกออกแบบได้สวยสุด ๆ หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร ในเคส rose gold ขัดเงา มีความหนาเพียง 5.95 มิลลิเมตร หน้าปัดแบบ Skeletonzied เปิดให้เห็นการทำงานของกลไกอันซับซ้อนและสวยงาม เป็นความสุขของผู้สวมใส่ที่จะได้นั่งมองมันทุกครั้งที่ต้องการดูเวลา สังเกตด้านซ้ายล่าง จะมี sub dial วงเล็ก ๆ ที่เป็น seconds dial และมีตัวบอก power reserve
สองปีก่อน Ducati เคยสร้างมอเตอร์ไซค์สุดพิเศษสำหรับจับคู่กับ Lamborghini Sian ออกมาในชื่อ Ducati Diavel 1260 Lamborghini และวันนี้สองแบรนด์ผู้นำสัญชาติ Italian จากสองโลกคู่ขนานก็ได้โคจรมาพบกันอีกครั้ง กับผลงานชิ้นล่าสุด Ducati Streetfighter V4 Lamborghini โดยครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Lamborghini Huracan STO Ducati Streetfighter V4 Lamborghini โมเดลพิเศษสุดเท่าที่เคยพัฒนา สร้างขึ้นจากพื้นฐานของ Panigale V4 S sport bike 205 แรงม้า และจะผลิตออกมาทั้งหมดเพียง 630+63 คัน ซึ่งจำนวนตัวเลขเป็นการย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของ Lamborghini ในปี 1963 โดยแบ่งเป็น Ducati Streetfighter V4 Lamborghini 630 คัน และรุ่นตกแต่งเป็นพิเศษอีก 63 คัน ภายนอกของ Ducati Streetfighter
L’Epee เป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Desk Clock มีชื่อเสียงด้านความคราฟต์ในการสร้างสรรค์ผลงานเรือนเวลาที่ฉีกกรอบความเชื่อมามากกว่า 180 ปีจาก Switzerland และนี่คือผลงานชิ้นใหม่ที่น่าจะถูกใจคนรัก Sports car แบบพวกเราแน่นอน L’Epee Fast Track II Desk Clock นาฬิกาตั้งโต๊ะใน Time Fast series ล่าสุด สร้างสรรค์บนแรงบันดาลใจจากดีไซน์รถแข่งจากยุค 1960s เป็น ยุคทองของรถแข่งที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และสมรรถนะ เป็น race car สองที่นั่งคาดลาย Le Mans บอดี้ของนาฬิกาผลิตจากวัสดุเดียวกับที่ใช้ผลิตรถแข่งคันจริง ตัวกลไกแยกอิสระสองเครื่อง กลไกแรกอยู่ในตำแหน่งคนขับ เป็นเครื่อง 8-day movement 2.5 Hertz ปรับเวลาทั้งชั่วโมงและนาทีที่แสดงผลในห้องเครื่อง V8 ด้วยพวงมาลัย 3 ก้านในห้องโดยสาร ส่วนอีกกลไกทำหน้าที่สร้างความเคลื่อนไหวให้ลูกสูบขยับขึ้นลงได้โดยไม่เกี่ยวกับการบอกเวลา สั่งการด้วยกุญแจรถและเกียร์ภายในห้องโดยสาร ทั้งหมดถูกวางอยู่ในโครงสร้างที่ขึ้นรูปด้วย H-chassis แบบเดียวกับที่ใช้สร้างรถแข่งในยุค 1960s ด้วย และล้อลายซี่ลวดทั้ง 4
เปิดตัวได้แรงสะใจสมการรอคอย สำหรับ 2023 Honda Civic Type R ทุกอย่างดูดุดัน สวยงาม แต่ก่อนหน้านี้ Honda ยังไม่เปิดเผยข้อมูลตัวเลขสมรรถนะอย่างเป็นทางการ ในที่สุดวันนี้ก็มีการอัพเดทแรงม้าจากขุมพลัง 2.0-liter turbocharged four-cylinder จัดเต็มให้สะใจถึง 315 แรงม้า @ 6,500 rpm แรงบิด 310 lb-ft @ 2,600-4,000 rpm แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อน 9 แรงม้า 15 lb-ft or torque เฉลี่ย output มากถึง 157.8 hp/liter กลายเป็นรถยนต์ Honda ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในทันที (ไม่นับ 2020 NSX ซึ่งตลาดโลกใช้แบรนด์ Acura) 2023 Honda Civic Type R ใช้เครื่องยนต์รหัส K20C1
การกลับมาอีกครั้งของเรือนเวลาสไตล์เรโทรรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของ “มิโด” (MIDO) “มัลติฟอร์ต พาวเวอร์วินด์ โครโนมิเตอร์” (Multifort Powerwind Chronometer) จากตระกูลมัลติฟอร์ต (Multifort) ถูกผลิตออกมาเพียงแค่ 1954 เรือนเท่านั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงรุ่นพาวเวอร์วินด์ (Powerwind) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 1954 และได้ปฏิวัติวงการนาฬิกาด้วยการเคลื่อนไหวที่แม่นยำและเที่ยงตรงที่สุดของ “มิโด” (MIDO) ในขณะนั้น โดยล่าสุดในปี 2022 นี้ “มิโด” (MIDO) ได้หยิบยกเรือนเวลาระดับตำนานขึ้นมาสร้างสรรค์ใหม่อีกครั้งด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีร่วมสมัยที่ดีที่สุด ให้นาฬิกามีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น พร้อมดีไซน์สุดคลาสสิกที่ผสานกลิ่นอายของความวินเทจเอาไว้ได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินมิดไนท์ บลู (Midnight Blue) ซึ่งเหมาะสำหรับนักสะสมที่หลงใหลความวินเทจเป็นอย่างดี “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ.
โมเดลใหม่และเป็นโมเดลแรกจาก Bently ที่จะช่วยให้หลายคนไม่สับสนในรถ Bentley แต่ละรุ่น ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างจากโมเดลปัจจุบัน เป็นรากฐานในการเดินทางสู่โลก EV ของค่ายสุดหรูค่ายนี้ แต่ข่าวดีที่ตัวนี้ยังใช้น้ำมันเผาไหม้อยู่เหมือนเดิม เป็นอีกไฮไลท์ที่พึ่งถูกเปิดตัวในงาน Monterey, California ด้วยแนวคิดการดีไซน์ที่ตีความขึ้นมาใหม่หมด ดูจากภาพนอกจะรู้สึกแปลกตาในความเป็น Bentley ทันที ซึ่งจากเดิมมักจะเน้นไปที่ความหรูหราและสปอร์ต แต่ Mulliner Batur คันนี้ให้กลิ่นอายความทันสมัยและสมรรถนะที่ดุดัน สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือสัญลักษณ์การดีไซน์โคมไฟหน้าสองดวงแยกที่สืบทอดใช้งานมาอย่างยาวนานกันจะหายไป แทนที่ด้วยไฟแบบใหม่ triple-beam light มีครบทุกไฟ พร้อมเส้นไฟ LED ฝังอยู่ในโคมเดียวกันหมด กระจังหน้าใหม่ที่ออกแบบให้เสริมมิติจากลวดลายที่ดุดันยิ่งขึ้น มาพร้อมล้อขนาด 22 นิ้ว ขุมพลัง twin-turbocharged 6.0-liter W12 เครื่องขนาดใหญ่ใส่แรงม้ามาเต็ม ๆ จากโรงงานถึง 710 แรงม้า แรงบิดสุดตาราง 1,000 นิวตันเมตร เรียกได้ว่าเป็น Bentley ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ทรงตัวด้วยช่วงล่างสุดล้ำ advanced air suspension พร้อม electric
Singer “The 964 Cabriolet” ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย ภาพแรกของผลงานชิ้นโบว์แดง กับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่บนตัวถัง Porsche 911 convertible เป็นครั้งแรกของสำนัก Singer ภาคต่อของตำนาน Turbo Study ที่เคยเปิดตัวแบบมีหลังคาไปแล้วก่อนหน้านี้ ตัวถัง Widebody ที่สร้างจาก carbon fiber ในโทนสี Cadiz Red แดงดีมีสไตล์ มาพร้อมสมรรถนะที่อัพเกรดจากขุมพลัง 3.8-liter twin-turbocharged flat-six ให้กำลัง 510 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์ 6-speed manual มีแรงเพิ่มขึ้นจาก Singer 930 Turbo Study ถึง 70 แรงม้าเลยทีเดียว รายละเอียดจุดอื่น ๆ ของรถถูกสร้างขึ้นใหม่ตามสไตล์งานของ Singer มีการเสริมเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไปในบอดี้ที่ดู Retro ภายในสร้างและตกแต่งใหม่ให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายขึ้น มีทั้ง USB charging ports เบาะหนังปรับไฟฟ้า
แม้การเป็น EV Muscle อาจจะไม่ใช่รถสำหรับทุกคน แต่ Dodge Charger Daytona SRT Concept คันนี้อาจจะทำให้หลายคนเปิดใจกันมากขึ้น Tim kuniskis, Dodge CEO บอกว่าโปรเจค Dodge EV Muscle คันนี้ หัวใจสำคัญที่สุดคือ มันต้องดูเหมือน Dodge และมันต้องให้ฟิลลิ่งการขับเหมือน Muscle car มีการปัดและมี aerodynamic ที่ดี ซึ่งดูเหมือนจะขัดกับความเป็น EV car อย่างสิ้นเชิง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ ด้วยดีไซน์ที่เรียกว่า R-Wing R-Wing คือหลัก aerodynamic ที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ด้านจรวด Gary Romberg ซึ่งเขาได้นำมันมาปรับใช้ในรถ Daytona สำหรับ NASCAR ดักอากาศผ่านช่องว่างด้านหน้าที่มี R-Wing ครอบเอาไว้ เพื่อบังคัมลมให้ไปเพิ่ม downforce ในย่านความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ Dodge Charger Daytona