กว่า 2 ปีที่ แบรนด์ THEATRE ห่างหายจากการทำแฟชั่นโชว์ครั้งใหญ่ ล่าสุด คุณจ๋อม – ศิริชัย ทหรานนท์ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ THEATRE (เธียเตอร์) ที่อยู่คู่วงการแฟชั่นมานานกว่า 37 ปี กลับมาจัดแฟชั่นโชว์เปิดคอลเลกชั่นสำหรับบุรุษ สะท้อนความเป็นเฟมินิน มัสคิวลีน ของสุภาพบุรุษช่วงต้นศตวรรษที่ 20 (ระหว่างปี 1900-1920) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความก้าวหน้า และวิทยาการ ผสานกลิ่นอายของวัฒนธรรมและเทคโนโลยี หลอมรวมกับความ Sustainability เพื่อตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ซีซั่นนี้ยังคงสะท้อนความเป็นเฟมินินและมัสคิวลีนตามแบบฉบับของแบรนด์เอาไว้ การห่มและสวมทับ ความพลิ้วไหว ความสบายในฤดูร้อน คือคอนเซปต์หลักของคอลเลกชั่นนี้ นำมาผสานเข้ากับเทคนิคการตัดเย็บที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งคือการเลือกย้อมสีผ้าด้วยสีธรรมชาติ ในสีเอิร์ธโทน อย่าง โทนสีน้ำตาลไล่ไปจนถึงสีครีม และการนำเศษวัสดุที่มีอยู่ หรือ ผ้าสีต่างๆ มาทักทอ ตัดต่อ วางลายผ้า ด้วยเทคนิคเดรปปิ้ง มัด และผูก กลายเป็นซีลูเอตใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ สะท้อนถึงตัวตนของผู้สวมใส่ สำหรับแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ไม่ทำให้ผิดหวังกับความอลังการ ภายใต้ธีม DIVERSOLOGY โดยมี
Maserati ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์และบุคลิกโดดเด่น ที่เพียงได้เห็นก็ทราบทันทีว่าเป็น มาเซราติ อย่างแน่นอน นับเป็นรถที่กำเนิดมาพร้อมสไตล์ เทคโนโลยี และคาแรคเตอร์พิเศษ ตรงใจผู้มีรสนิยมสุดพิถีพิถัน และเป็นเสมือนบรรทัดฐานในอุตสาหกรรมยานยนต์มาโดยตลอด รถทุกรุ่นล้วนสะท้อนตัวตนของยนตรกรรมอิตาเลียนออกมาได้อย่างชัดเจน ทั้งด้านการดีไซน์ สมรรถนะ ความสะดวกสบาย ความหรูหรา และความปลอดภัย ล่าสุด Maserati ได้จับมือกับ เดวิด เบคแฮม แบรนด์แอมบาสเดอร์คนปัจจุบันของ มาเซราติ รังสรรค์ MC20 รุ่นพิเศษที่เกิดจากความหลงใหลในมนต์เสน่ห์เมือง ไมอามี ‘MC20 Fuoriserie Edition for David Beckham’ เปรียบเสมือนจดหมายที่เขาได้บรรยายความประทับใจต่อเมือง ไมอามี ซึ่งเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของนักฟุตบอลชื่อก้องโลก รถคันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพิเศษเรียกว่า ‘Fuoriserie’ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้ากำหนดรายละเอียดการตกแต่งในแบบที่ตนชื่นชอบ เสมือนเป็นผืนผ้าใบสีขาว ที่พร้อมให้จรดปลายพู่กัน เพื่อรังสรรค์ยนตรกรรม มาเซราติ ที่สะท้อนตัวตนของผู้ครอบครองได้ดีที่สุด ทีมนักออกแบบจาก Maserati Centro Stile และ เดวิด เบคแฮม ผสมผสานไอเดียบรรเจิด เกิดเป็น MC20 Fuoriserie Edition
ไม่มีอะไรเหนือไปกว่าซีรีส์ที่ดูแล้วรู้สึกว่าต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะเจอพล็อตหักมุมแบบคาดไม่ถึงซ้ำแล้วซ้ำอีก ซีรีส์ที่เต็มไปด้วยฉากเหนือความคาดหมาย ที่ทำให้คุณประทับใจจับจิต หรืออาจจะอ้าปากค้างเมื่อนึกได้ว่าพล็อตหักมุมต่าง ๆ นั้นพาคุณมาไกลจากคำว่า “ก็เดาได้อยู่นะ” มากแค่ไหน มาดูกันว่ามีเรื่องใดบ้างที่อาจกระตุ้นต่อมความสนใจของคุณได้ กับโพย 6 ซีรีส์พล็อตหักมุมที่จะทำให้คุณต้องตั้งคำถามกับทุกสิ่ง ที่การันตีเลยว่าดีแน่นอน ปมปีศาจ (Beyond Evil) กวาดรางวัลจากเวที Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 57 มาถึง 3 รางวัล ทั้งซีรีส์ยอดเยี่ยม (Best Drama) บทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม (Best Screenplay) และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor) เท่านี้ก็การันตีได้ว่า ปมปีศาจ (Beyond Evil) คุ้มค่าแก่การรับชมอย่างแท้จริง สิ่งที่อาจดูเหมือนปมปริศนาคดีฆาตกรรมปริศนาทั่วไป อาจกลายเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยเงื่อนปมสลับซับซ้อน และจุดเบี่ยงเบนความสนใจอันแสนเย้ายวน ซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึง อีดงชิก (ชินฮาคยูน) และ ฮันจูวอน (ยอจินกู) สองตำรวจหนุ่มที่ช่วยกันไล่ล่าตามหาความจริง แต่ขณะเดียวกันต่างฝ่ายต่างก็เก็บงำความลับของตนไว้ และสงสัยในตัวอีกฝ่าย ลองตามไปชมแล้วอย่าพลาดร่วมตั้งคำถามกับความบริสุทธิ์ของแต่ละคนไปพร้อมการตามหาผู้ร้ายตัวจริง
MG เปิดตัว “ALL NEW MG5” ด้วยคอนเซ็ปต์ “BEYOND” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยรถยนต์ที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตคูเป้ซีดาน เหนือชั้นกว่ารถยนต์ในกลุ่ม B –Sedan และ Eco-Car ด้วยพื้นที่ห้องโดยสารขนาดใหญ่ ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกครบครัน สมรรถนะการขับขี่ที่มาพร้อมระบบความปลอดภัยเหนือระดับ รวมถึงเทคโนโลยีล้ำสมัย ALL NEW MG5 เป็นยนตรกรรมรุ่นล่าสุดที่สะท้อนแนวทางการพัฒนาของเอ็มจี ประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology) ความทันสมัย (Fashion) และ ความคุ้มค่า (Value) โดยมีรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ตคูเป้ที่เป็นเอกลักษณ์ มีมิติตัวถังที่ใหญ่กว่ารถยนต์ประเภท B-segment ทั่วไป จึงให้มีพื้นที่ภายห้องโดยสารที่กว้างขวาง นั่งสบาย มีพื้นที่เหนือศีรษะที่สูงโปร่ง พร้อมการตกแต่งสไตล์สปอร์ตพรีเมียม การออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpit ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ รวมไปถึงการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ในระดับมาตรฐานของ B-Sedan มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED พร้อมระบบเปิดปิดอัตโนมัติ วัสดุภายในเป็นแบบผิวสัมผัสนุ่ม
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทประมูล Stanislas Machoïr ได้นำนาฬิกา Mido เรือนส่วนตัวของเอตอเร่ บูกัตติ มาจัดประมูล จนได้ราคาสูงถึง 272,800 ยูโร หรือราว 10,261,625 บาท ภาพนาฬิการุ่นคลาสิกนี้พร้อมรถยนต์คลาสสิกอยู่ในเอกสารประกอบการประมูลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนาฬิกา “Mido Bugatti” แสนพิเศษเรือนนี้สะท้อนภาพความเป็นเลิศด้านการผลิตนาฬิกาของ Mido ที่มีมาตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน และนี่ถือเป็นอีกครั้งที่แบรนด์ได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งวงการประมูลขึ้นมา ด้วยนาฬิกาเรือนสำคัญที่ถือว่าเป็นมรดกแห่งโลกของนาฬิกาอย่างแท้จริง เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวเรือนรูปกระจังหน้ารถ ในช่วงปีค.ศ.1926 – 1932 เอตอเร่ บูกัตติ ได้สั่งผลิตนาฬิกาไขลานรุ่นพิเศษขึ้น 4 รุ่นกับ Mido เป็นทรง “กระจังหน้ารถ” โดยทำจากทองและเงิน รูปทรงของตัวเรือนเหล่านี้เหมือนกระจังหน้ารถแบรนด์ Bugatti ทุกกระเบียด ถือเป็นครั้งแรกของการผลิตนาฬิกา ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากส่วนประกอบของรถยนต์ และจัดเป็นลิขสิทธิ์ของ Mido โดยเฉพาะ จากนั้นบูกัตติ ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในตำนานได้นำนาฬิการุ่นนี้ไปมอบให้คนในครอบครัว เพื่อน รวมถึงช่างและนักขับรถของแบรนด์ผู้คู่ควรกับความพิเศษนี้ โดยบูกัตติสั่งทำนาฬิกาจำนวนจำกัด มีไม่ถึง
ด้วยประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 145 ปี ทำให้ Audemars Piguet (โอเดอมาร์ ปิเกต์) แบรนด์นาฬิกาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจสืบทอดกันในครอบครัวผู้ก่อตั้งมาจนปัจจุบัน (ตระกูลโอเดอมาร์และตระกูลปิเกต์) นับตั้งแต่ปี 1875 Audemars Piguet ยังคงผลิตเครื่องบอกเวลาที่เมือง Le Brassus (เลอ บราซูส์) โดยสืบสานฝีมือการทำงานของช่างผู้เชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งพัฒนาทักษะและเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อขยายขอบเขตความชำนาญที่มีอยู่เดิม พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถอันนำไปสู่การก้าวข้ามขีดจำกัดที่เคยมีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 1970 โอเดอมาร์ ปิเกต์เริ่มต้นการเพิ่มสีสันบนหน้าปัดนาฬิกาด้วยอัญมณี ไม่ว่าจะเป็นโทนสีน้ำตาล สีเขียว และสีน้ำเงิน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเจเนอเรชันใหม่ที่ทั้งโดดเด่นและเปี่ยมชีวิตชีวาในช่วงปี 1990 และนับแต่นั้นเป็นต้นมาโอเดอมาร์ ปิเกต์จึงพัฒนาหน้าปัดสีสันต่าง ๆ มาจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด Audemars Piguet แบรนด์เครื่องบอกเวลาชั้นสูงจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์เผยโฉมเหล่าโมเดลใหม่ของนาฬิกาข้อมือจากคอลเลคชั่น Royal Oak ที่มาพร้อมหน้าปัดใหม่ในโทนสีเขียว โดยในครั้งนี้ยังได้นำเสนอ Royal Oak “Jumbo” Extra-Thin ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยแพลทินัม 950 ซึ่งมาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวสโมคกรีนในเทคนิค Sunburst และพิเศษยิ่งขึ้นกับรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นอย่าง
อาจจะช้าไปซักเล็กน้อยเนื่องจากเหตุการณ์ Covid-19 เมื่อปีที่ผ่านมาทำให้ Tokyo 2020 Olympic Games ต้องเลื่อน แต่มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงโตเกียวปี 2020 ก็กำลังจะได้เปิดฉากขึ้นในไม่ช้านี้ และวันนี้ถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญในการนับถอยหลัง 100 วันสู่สุดยอดมหกรรมกีฬาจะเปิดฉากขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่เหล่านักกีฬากำลังเตรียมตัวขั้นสุดท้ายก่อนลงสนาม ผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการก็เผยโฉมเรือนเวลาสำคัญที่อุทิศเพื่อการแข่งขันคราวนี้โดยเฉพาะ เรือนเวลา OMEGA Seamaster Diver 300M Tokyo 2020 เลือกใช้เฉดสีพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตราสัญลักษณ์ประจำมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงโตเกียวปี 2020 อีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมระดับสูงของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องบอกเวลา ตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาด 42 มม. ติดตั้งด้วยขอบตัวเรือนสแตนเลสสีน้ำเงิน สเกลดำน้ำบรรจุด้วยเซรามิกสีขาว สายนาฬิกาสแตนเลสสตีลขัดแต่งทั้งแบบขัดเงา-ขัดด้านก็ผสมผสานกับตัวเรือนได้อย่างลงตัว สีน้ำเงินยังถูกขับเด่นด้วยหน้าปัดเซรามิกสีขาวขัดเงาที่สร้างดูมีมิติด้วยการแกะสลักด้วยเลเซอร์เป็นลายคลื่น หน้าต่างวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ชื่อ Seamaster อันโด่งดังในสีแดงโดดเด่น ชุดเข็มสีน้ำเงินและหลักชั่วโมงประดับหน้าปัดเติมด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีขาว ฝาหลังที่ติดตั้งด้วยกระจกแซฟไฟร์แสดงถึงเอกลักษณ์ผ่านตราสัญลักษณ์ประจำมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงโตเกียวปี 2020
คอลเลกชันเสื้อผ้าที่หลายคนรอคอย UNIQLO and JW ANDERSON Spring/ Summer 2021 กลับมาอีกครั้ง กับงานคอลแลปส์สุดพิเศษระหว่าง ยูนิโคล่กับ Jonathan Anderson ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ ดีกรีระดับโลกเจ้าของแบรนด์ J.W. Anderson ที่มีสไตล์โดดเด่นด้วยดีไซน์ละเอียดประณีต เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรมและแนวคิดล้ำสมัยในลอนดอนที่เป็นที่จับตามอง ในคอลเลกชันครั้งนี้มาพร้อมกับความอบอุ่น สดใส ด้วยงานปัก และดีเทลเล็ก ๆ ที่มีความครีเอทีฟ สนุกแปลกใหม่ ทั้งการเย็บลายดอกไม้ลงไปในดีเทลต่าง ๆ รวมถึงการใช้สีพาสเทลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ และแน่นอนว่าทุกไอเท็มยังคงสวมใส่สบาย ตามคอนเซ็ปต์ของ Uniqlo ที่ทั้งดูดีและยังสวมใส่สบาย ในคอลเลกชันนี้ยังคงกลิ่นอาย dna ของทั้งสองแบรนด์ได้อย่างลงตัว UNLOCKMEN ได้มีโอกาสนำบทสัมภาษณ์ของโจนาธาน แอนเดอร์สัน เกี่ยวกับแรงบันดาลใจในคอลเลกชันนี้ ร่วมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในช่วงโควิด 19 มาฝากกัน แรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลกชันนี้คืออะไร และอะไรคือสิ่งที่คุณอยากจะสื่อสารไปถึงผู้สวมใส่ Jonathan Anderson : ในช่วงแรกของการระบาด
คอลเลกชั่นนาฬิกา ‘Swatch X MoMA’ สุดอาร์ตในคอลเลคชั่นทั้ง 6 เรือน ที่ต้องถูกใจคอสายศิลปะอย่างแน่นอน ถือเป็นการคอลแลปส์สุดพิเศษของแบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่าง SWATCH และพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของโลกอย่าง MoMA (The Museum of Modern Art) โดยได้จัดแสดงนาฬิกาผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซ การตกแต่งที่เหมือนกับการพาคุณไปสำรวจพิพิธภัณฑ์ศิลปะของศิลปินระดับตำนาน ร่วมสัมผัสประสบการณ์ เสพย์งานศิลป์ กับนาฬิกาทั้ง 6 เรือน ที่เป็นศิลปะจากศิลปินชื่อดังระดับโลกจาก MoMA’s Collection แบรนด์นาฬิกาชื่อดังอย่าง SWATCH และพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของโลกอย่าง MoMA (The Museum of Modern Art) ร่วมออกคอลเลกชั่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะของศิลปินระดับตำนานอย่าง Vincent van Gogh, Gustav Klimt, Piet Mondrian, Tadanori Yokoo และ Henri Rousseau UNLOCKMEN ได้เก็บภาพ ‘Swatch X MoMA’
Captain Cook Bronze นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด จาก RADO โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีบรอนซ์เคลือบทองคำตัดกับ หน้าปัดสีแดง และขอบตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีแดงเบอร์กันดีที่สาวก RADO รอคอยกันมานาน นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Rado ได้รังสรรค์ผลงานจากการผสมผสานวัสดุ Rado ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ที่มีแนวทางการปฏิวัติการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านการผลิตนาฬิกาด้วยการนำเอาทั้งไฮเทคเซรามิก ไฮเทคเซรามิกที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ไฮเทคเซรามิกที่มีสีสันสดใส และ CeramosTM มาใช้ก่อนใคร อีกทั้งยังมุ่งเน้นเรื่องการออกแบบที่ Rado เป็นผู้บุกเบิกและผู้นำมาโดยตลอด ในเรื่องการสร้างมาตรฐานและการยกระดับมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่มีรางวัลอันทรงเกียรติระดับนานาชาติมากมาย และเป็นผู้ผลิตที่มีความคิดก้าวไกลมากที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกาในปัจจุบัน โดยครั้งนี้ ‘ช่างผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ’ ได้กลับมาใช้วัสดุที่ทันสมัยอย่าง ไฮเทคเซรามิก ผสานกับวัสดุเก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาอย่าง บรอนซ์ ผลลัพธ์คือเรือนเวลาที่ประดับประดาด้วยตัวเรือนบรอนซ์แบบขัดเงาเคลือบด้วยทองคำ 23 กะรัต ขอบหน้าปัดแบบหมุนในวัสดุบรอนซ์เสริมด้วยไฮเทคเซรามิกสีเบอร์กันดีช่วยกันรอยขีดข่วน รวมทั้งตัวเลขและเครื่องหมายที่สลักด้วยเลเซอร์ หน้าปัดซันเรย์แบบขัดเงาสีเบอร์กันดีตัดกันอย่างชัดเจนกับดัชนีบอกเวลาสีเหลืองทอง แต่กลมกลืนกับจอแสดงวันที่สีแดงสไตล์คลาสสิกจาก Rado ดัชนีบอกเวลา ตัวเลข เข็มนาฬิกา และเครื่องหมายทั้งหมดประดับด้วย Super-LumiNova® ซึ่งช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ในความมืด โดยรูปลักษณ์ของส่วนประกอบต่างๆ ยังคงเอกลักษณ์ของ Captain Cook