อลังการงานตกแต่งไฟบนถนนที่กว้างที่สุด ครอบคลุมพื้นที่ถึง 21 อาคารและเป็นย่านที่ประดับไฟทางเดินลอยฟ้า “Ratchaprasong Walk” ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยอย่างไร้รอยต่อรอบทิศทาง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาชมไฟถึง 54 ล้านคนต่อปี ทั่วโลกต่างจัดอันดับให้ ย่านราชประสงค์ ประเทศไทย ติดอันดับ 6 ของโลก พิเศษไปกว่านั้นปีนี้ย่านราชประสงค์ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” ที่มาพร้อมกิจกรรมการจัดแสดงแสงสีเสียงในรูปแบบ 3 มิติ หรือ 3D Mapping Projection บนอาคารโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ที่มีความสูงกว่า 60 ชั้น เทศกาลประดับไฟย่าน ราชประสงค์ปีนี้ จึงพิเศษมากกว่าที่เคยจัดมาในรอบเกือบยี่สิบปี ด้วยงบประมาณการประดับประดาไฟปีใหม่ถึง 250 ล้านบาท จากสมาชิกของย่านฯ ทั้งหมด ราชประสงค์จึงเป็นจุดชมไฟที่ต้องมาเยือนให้ได้ UNLOCKMEN เลยไม่พลาดที่จะค้นหามุมกินดื่มเด็ด ๆ ที่เป็นจุดชมไฟที่สวยที่สุดที่หนุ่ม ๆ ห้ามพลาดที่จะไปเก็บภาพบรรยากาศและนั่งชิลล์จิบไวน์ดูไฟกับคนพิเศษ Pirate Chambre เริ่มจากจุดที่ 1 ห้องลับของโจรสลัด Pirate Chambre
ครั้งแรกกับปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ “Beautiful Bangkok by Magnolias @Ratchaprasong” (บิวตี้ฟูล แบงค็อก บาย แมกโนเลียส์ แอท ราชประสงค์) การแสดงแสง สี 3 มิติ (3D Projection Mapping) บนตึกสูง 60 ชั้น ณ โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) แลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางย่านราชประสงค์ ที่ MQDC หรือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beautiful Bangkok” (บิวตี้ฟูล แบงค็อก) เพื่อฉลองเทศกาลแห่งความสุข และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทยสมเป็นนิยาม แห่งความประทับใจบทใหม่ที่ทุกคนรอคอย งานนี้ผู้บริหารสุดคูล วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ นำทีมผู้บริหาร
สัมผัสประสบการณ์การกินดื่มอย่างมีรสชาติพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบนพื้นที่แฮงค์เอาท์แห่งใหม่อย่าง ‘Chang Sensory Trails presents The Great Brew x Lhong 1919′ จากการร่วมมือของเครื่องดื่มตราช้าง โดย ยศ คูวารีวงศ์ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมกับ อัจฉรา บุรารักษ์ ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ ไอเบอรี่ กรุ๊ป และล้ง 1919 ที่ได้เนรมิตพื้นที่ประวัติศาสตร์ไทย-จีนแห่งนี้ให้กลายเป็นสถานที่ชิลล์รับลมหนาวที่น่านั่งที่สุดของปีตลอดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2561 ด้วยอาหารเมนูพิเศษที่คิดค้นขึ้นโดย อัจฉรา บุรารักษ์ และทีมไอเบอรี่ กรุ๊ป ท่ามกลางโชว์สุดพิเศษจากนักวาดภาพประกอบชื่อดัง ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง หรือที่รู้จักในชื่อ ปอม ชาน (Pomme Chan) รวมถึงมินิคอนเสิร์ตจากวง ฟรายเดย์ (Friday) ‘ช้าง เซ็นซอรี่ เทรลส์ พรีเซ็นต์
เกษรวิลเลจ (GAYSORN VILLAGE) อาณาจักรธุรกิจและไลฟ์สไตล์ในรูปแบบ “วิลเลจ” แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย จัดเอ็กซ์คลูซีฟ ปาร์ตี้ “Gaysorn Christmas Village 2017” เติมเต็มนิยามความสุขและการให้ที่แท้จริง กับครั้งแรกของเทศกาลคริสต์มาสรูปแบบใหม่สไตล์วิลเลจ ที่พร้อมส่งมอบประสบการณ์ SHOP – SHARE – CHILL ในหลากมุมมอง เนรมิตแลนด์มาร์คสุดฮิปแห่งใหม่ใจกลางเกษรวิลเลจและกรุงเทพมหานครอย่าง เกษร โคคูน ดร็อปออฟ ให้กลายเป็นเอาท์ดอร์ คริสต์มาส ที่เปี่ยมด้วยสีสันแห่งความสุขและความอบอุ่น เพื่อนับถอยหลังสู่การเปิดตัว “Gaysorn Christmas Village 2017” อย่างเป็นทางการ ภายในงานประดับด้วยแสงไฟละลานตา พร้อมด้วยคริสต์มาส ไอเทมในมู้ดแอนด์โทนสีทอง แดง และ น้ำตาลแดง ออกแบบขึ้นพิเศษในสไตล์วิลเลจ มอบความรู้สึกผ่อนคลายราวกับเฉลิมฉลองท่ามกลางครอบครัวและก๊วนเพื่อนสนิทบนสนามหลังบ้าน แต่แฝงไว้ซึ่งดีเทลอันเรียบเก๋ตามแบบฉบับของไลฟ์สไตล์ เออร์บัน วิลเลจแห่งนี้ โดดเด่นด้วยต้นคริสต์มาสขนาดสูงกว่า 16 เมตร ที่ตกแต่งอย่างสุดตระการตาด้วยไฟระยิบระยับ รื่นเริงกับแอคทิวิตี้จากเหล่าเอ็นเตอร์เทนเนอร์ที่ผลัดกันมาสร้างสีสันให้แขกผู้มีเกียรติได้เซอร์ไพรส์อยู่ไม่ขาด เติมเต็มเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองด้วยความอร่อยจาก Food truck ร้านดังที่ยกขบวนมารังสรรค์ซิกเนเจอร์เมนูในบรรยากาศสุดชิลล์ ก่อนเข้าสู่ช่วงไฮไลท์สำคัญกับการร่วมเคาท์ดาวน์เปิดไฟต้นคริสต์มาส สร้างความสว่างไสว
“RIR” (Royal Ivy Regatta) แบรนด์เครื่องแต่งกายพรีเมียมสไตล์อเมริกัน ภายใต้ เครือยัสปาล เปิดตัวคอลเลคชั่นล่าสุด Winter Collection 2017 ต้อนรับลมหนาวที่กำลังมาเยือนเมืองไทย ให้คุณได้ครีเอทลุคเท่ ๆ สวมใส่ง่ายสไตล์อเมริกัน โดยคอลเลคชั่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสีสันของแสงไฟในช่วงเทศกาลแห่งการ เฉลิมฉลอง ถ่ายทอดออกมาเป็นเครื่องแต่งกายดีไซน์ร่วมสมัย คัตติ้งเนี้ยบ ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพโดดเด่นแก่ผู้สวมใส่อย่างมีรสนิยม สำหรับ RIR Men’s Winter Collection 2017 เน้นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของฤดูหนาวอย่างลาย Nordic และ Argyle นำมาทอเป็นลายผ้า โดยใช้โทนสีที่เน้นให้ความรู้สึกอบอุ่น สลับกับสีโทนเย็น อย่างโทนสีน้ำตาลคาราเมล (Caramel) สีเขียวมอสส์ (Moss Green) สีน้ำเงิน-กรมท่าที่ตัดกับสีครีม (Navy and Cream) รวมถึงสีโทนแดงก่ำอย่าง แดงแครนเบอร์รี่ (Cranberry) กับแดงเบอร์กันดี (Burgundy) ไอเท็มสุดคูลที่แนะนำสำหรับหนุ่ม ๆ ในคอลเลคชั่นนี้ เน้นเสื้อโปโล และสเวตเตอร์ (Sweater) ทอด้วยลวดลาย Nordic
พลิกโฉม Tela Thonglor (เทลล่า ทองหล่อ) ให้เป็นผืนผ้าใบแห่งความหรูหรา สง่างาม เผยไลฟ์สไตล์เหนือระดับด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิคตลอดกาลจาก Fritz Hansen (ฟริตซ์ ฮานเซ่น) ถ้าเปรียบโครงการ Tela Thonglor (เทลล่า ทองหล่อ) เป็นผืนผ้าใบที่ได้รับการดีไซน์มาอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนั้น เฟอร์นิเจอร์ของ Republic of Fritz Hansen (รีพับบลิค ออฟ ฟริตซ์ ฮานเซน) ก็กล่าวได้ว่าเป็นผลงานมาสเตอร์พีซสุดคลาสสิคที่จิตรกรเอกบรรจงวาดลงบนผืนผ้าใบผืนนี้ ล่าสุด ชาญ ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการ บริษัทเกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จับมือกับ วีกฤษฏิ์ พลาฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ส รีพับบลิค ผู้นำเข้าแบรนด์ Republic of Fritz Hansen แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ระดับโลกสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากประเทศเดนมาร์ก ร่วมกันรังสรรค์งานอีเวนท์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Canvas of Pure Elegance” เนรมิตห้องชุดสุดหรู Legacy
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ และ เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ จับมือกับ 6 พันธมิตรระดับโลกด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำ จัดงาน ‘EVERYDAY VISIONARIES: The evolution of next-generation living’ จัดงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกมาให้ได้สัมผัสก่อนใคร ตอกย้ำความสำเร็จการขยายขอบข่ายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างรอบด้าน ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีผู้บริหารจากแบรนด์พันธมิตรทั้ง 6 บินมาร่วมงาน ได้แก่ มร. อามาร์ ลาลวานี่ ซีอีโอ และ Managing Partner สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล มร. ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle มร. วัน ซิง คง ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง JustCo มร. จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร
ปัญหาความรุนแรงต่อเพศหญิงที่ส่งผลกระทบต่อทุกมิติในระดับโลกแบบที่คาดไม่ถึง ซึ่งเราทุกคนในฐานะ “มนุษย์” จะต้องร่วมยุติความรุนแรงนี้ไปด้วยกัน 36 ปีที่ทั่วโลกเริ่มรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีอย่างจริงจังนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ตอนนี้จำนวนประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พุ่งสูงขึ้น จากเดิมมีเพียง 7 ประเทศ เพิ่มเป็น 127 ประเทศภายในระยะเวลา 25 ปี แต่อย่างไรก็ตาม “กฎหมายคุ้มครอง” ไม่ใช่สิ่งที่สามารถขจัดความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้หญิงได้ทั้งหมด เราสามารถช่วยกันยุติความรุนแรงต่อเพศหญิงได้อย่างไร? ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเพศหญิงไม่ได้แค่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้หญิงที่โดนทำร้ายเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดนี้ยังส่งผลกระทบไปยังคนทุกเพศ ทุกวัยในสังคม กระเทือนถึงรากลึกทัศนคติแห่งการใช้ชีวิตของผู้คนในเรื่องสิทธิความเท่าเทียม ไปจนถึงสั่นคลอนเศรษฐกิจระดับชาติ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำร้ายไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม สร้างบาดแผลแก่ร่างกายและจิตใจของพวกเธอจนกระทั่งทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานลดลงจึงทำให้มีรายได้ลดน้อยลงไปด้วย โดยมีข้อมูลว่าผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรงจากคู่ครองจะมีรายได้จากงานประจำน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่ถูกกระทำความรุนแรงถึง 60% ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้หญิงเหล่านี้มีสถานะในสังคมต่ำลงไปโดยปริยาย พวกเธอจึงไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมร่วมกับสังคมหรือชุมชนภายนอกได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร อย่างร้ายแรงที่สุดอาจนำไปสู่การเกิดเหตุฆาตกรรมหรือการฆ่าตัวตาย บาดแผลนี้จึงถูกส่งต่อไปยังคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูก จะซึมซับความรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว เด็กที่เติบโตขึ้นในครอบครัวที่มีความรุนแรงอาจจะมีความบกพร่องทางอารมณ์และพฤติกรรม ส่งผลให้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้านความรุนแรงต่อไปได้ในอนาคต และมีโอกาสเกิดอัตราการเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยสูงขึ้นจากโรคอุจจาระร่วงหรือการขาดสารอาหารในทารกและเด็ก เนื่องจากผู้เป็นแม่ที่โดนทำร้ายจนสภาพจิตใจและร่างกายไม่พร้อมดูแลลูกได้เต็มร้อย ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงลุกลามก่อให้เกิดปัญหาระดับชาติ อันเนื่องด้วยภาระค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลในการเยียวยาผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายทางตรง อย่าง ระบบสาธารณสุข สวัสดิการสังคม กระบวนการยุติธรรม บริการที่ปรึกษาและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ปัญหาตามมาที่ใหญ่คือ การสูญเสียแรงงานที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ การที่ผู้หญิงไม่มีโอกาสในการศึกษา
ตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์คล่องตัวสูงกับเสื้อผ้าสไตล์แคชชวลสปอร์ตที่สวมใส่ได้ในทุกวันกับแบรนด์เครื่องแต่งกาย ‘สิงห์ ไลฟ์’ (SINGHA LIFE) ที่ล่าสุด ปรีดิ์รติ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการแบรนด์สาวไฟแรงได้ออกแบบคอลเลกชั่นสุดพิเศษที่ออกแบบร่วมกับนักมวยชื่อดังระดับตำนาน บัวขาว บัญชาเมฆ ในคอลเลกชั่นที่มีชื่อว่า ‘สิงห์ไลฟ์ x บัวขาว’ (SINGHA LIFE X BUAKAW) จากการหยิบยกแรงบันดาลใจของศิลปะการต่อสู้มวยไทยมาผสมผสานเข้ากับแฟชั่นอย่างลงตัว ทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสไปงานเปิดตัวคอลเลกชั่นที่จัดขึ้นที่บริเวณร้านเสื้อผ้า ‘สิงห์ ไลฟ์’ (SINGHA LIFE) ศูนย์การค้าสยาม เซ็นเตอร์ เมื่อวันก่อน โดยในงานได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ พลอย ปิ่นแสง, นิสามณี ภิรมย์ภักดี, ประคุณ พรประภา, ศุภชัย กาญจนศักดิ์ชัย, วิเศษ รังสีสิงห์พิพัฒน์, แดน เหตระกูล, พสุ ลิปตพัลลภ, ดิฐวัฒน์ อิสสระ, ร.ต.ท.รชต พุ่มพันธุ์ม่วง, รัสวดี ควรทรงธรรม, ธัญญา ศรีพัฒนาสกุล, ม.ล.จุไรมาศ
Heineken เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “สตรองโบว์” (Strongbow) เครื่องดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์จากประเทศอังกฤษที่ได้รับความนิยมและมียอดขายอันดับ 1 ของโลก ภายใต้คอนเซปต์ “A Fresh Remix of Nature” ดึงความสดชื่นสู่ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ให้แขกและสื่อมวลชนได้สัมผัสกับความเป็นแอปเปิ้ลแท้ 100 % จากกระบวนการผลิตที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น อีกทางเลือกใหม่ในมิติแห่งไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของการสังสรรค์ในทุกช่วงโอกาสพิเศษ โดยได้เนรมิตร้าน Quaint Bangkok (เควนท์) เอกมัย ให้เป็นสวนแอปเปิ้ลใจกลางเมือง และเชิญผู้ที่มีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานจากธรรมชาติเข้าร่วมงาน อาทิ ท็อป – พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร พิธีกร นักออกแบบเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, เล็ก-ณัฎฐ์ มั่งคั่ง ดีไซเนอร์แบรนด์ไทยแถวหน้าอย่าง Kloset, แพรว-คณิตกุล เนตรบุตร ศิลปินนักร้องผู้ที่หลงใหลในกลิ่นอายธรรมชาติ ที่มาขับกล่อมบทเพลงสุดฮิต เพื่อสร้างบรรยากาศให้ผู้ร่วมงานทุกท่านสามารถสัมผัสผ่อนคลายและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติได้อย่างแท้จริง สตรองโบว์ (Strongbow) เครื่องดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์สัญชาติอังกฤษที่ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองเฮริฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีไร่แอปเปิ้ลใหญ่ที่สุดอันหนึ่งของโลก โดยสตรองโบว์ (Strongbow) ผลิตจากแอปเปิ้ลที่มีคุณภาพหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งถูกปลูกขึ้นในสภาพแวดล้อม พร้อมอุณหภูมิ และภูมิศาสตร์ที่ดีเยี่ยม ผ่านกรรมวิธีการผลิตต่าง ๆ