“HAMILTON PREVIEW 2019” งานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ที่รวบรวมเรือนเวลากว่า 30 เรือน ที่จะวางจำหน่ายภายในปีนี้จัดให้ได้ชมอก่อนใคร ภายใต้คอนเซปต์ “At the Heart of Cinema” รวมถึงนาฬิกาหลายรุ่นสุดคลาสสิคที่ถูกสวมใส่ในภาพยนต์ชื่อดังมากมาย โดยมีไฮไลท์อย่าง Khaki Field Murph จากภาพยนตร์สุดล้ำระดับบล็อคบัสเตอร์อย่าง Interstellar และ Ventura Skeleton ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Spider–Man Homecoming รวมไปถึง Ventura รุ่นคลาสสิคที่ถูกสวมใส่ใน MIB International ที่จะเข้าฉายในเดือนมิถุนายนนี้อีกด้วยพร้อมคอนเสิร์ตเพลงแจ๊สสุดคลาสสิกสะท้อนถึงความงดงามเหนือกาลเวลาของนาฬิกาจาก Hamilton ที่ครองใจผู้คนมาทุกยุคทุกสมัยท่ามกลางวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนราม่า เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองปีแห่งภาพยนตร์ซึ่งแบรนด์ Hamilton ถูกเรียกได้ว่า Hollywood watch จากการมีส่วนร่วมในภาพยนตร์มามากกว่า 450 เรื่อง และส่วนใหญ่จะเป็นภาพยนตร์ระดับมาสเตอร์พีซที่มี ‘เวลา’ เป็นตัวเดินเรื่องสำคัญ โดยมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1951 จากภาพยนตร์เรื่อง The Frogmen ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย รวมไปถึงภาพยนตร์ชื่อดังอีกมากมาย อาทิ 2001:
SPORE BANGKOK ในเครือ CJ WORX ผนึกกำลัง What The Duck ร่วม BED : Branded Entertainment Data เป็น Exclusive Partner รายแรก บุก Entertainment Data ดึงอินไซต์ผู้บริโภคใช้ Data สร้างโอกาสทางธุรกิจ ที่เข้าใจผู้บริโภคแบบเจาะลึกพฤติกรรม และสื่อสารกับผู้บริโภคโดยให้ไม่รู้สึกยัดเยียด ในยุคที่เรื่อง Data เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกมาพูดถึง และเป็นขุมทรัพย์ของการทำการตลาดและแบรนด์ต่าง ๆ ต้องการพิชิตใจผู้บริโภคให้มากที่สุด ไม่เพียงหวังยอดขาย แต่เพื่อหวังครองใจและจงรักภักดีในแบรนด์ Data จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ไม่มี Data ไหนที่ผู้บริโภคจะเปิดใจเท่ากับ Entertainment Data ข้อมูลของผู้บริโภคที่ชมรายการบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ นั่นเอง BED หรือ Branded Entertainment Data นับว่าเป็น Media Solution ใหม่ล่าสุดของ SPORE
BEAMS แบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์รีเทลเลอร์ มุ่งเน้นการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายสวมใส่สบายสำหรับทุกวันคุณภาพระดับโลกจากญี่ปุ่นที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “Basic & Exciting” โดยนำเทรนด์ที่หลากหลายจากทั่วโลกมาใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าแน่นอนว่าคอลเลคชั่นใหม่จาก BEAMS ใน SPRING SUMMER 2019 ไม่ทำให้สาวกที่รอคอยต้องผิดหวัง กับการออกแบบในแนวคิดหลักของคอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ 2019 นี้ ในแต่ละไลน์สินค้าเสื้อผ้าคุณภาพจากแบรนด์ระดับแนวหน้าอย่าง BEAMS ในแต่ละแบรนด์มีแนวคิดอย่างไรบ้างสำหรับคอลเลคชั่นนี้ BEAMS “California Dreamin’” BEAMS เป็นแบรนด์เครื่องแต่งกายสไตล์ลำลองสำหรับผู้ชาย โดยมีแนวคิดหลักคือ ‘เรียบง่ายและน่าตื่นเต้น’ คอลเลคชั่นสปริงซัมเมอร์ 2019 นำเสนอในธีม California Dreamin’ ซึ่งเป็นการตีความชุดลำลองสไตล์อเมริกันในอดีต ที่ถือกำเนิดจากแคลิฟอร์เนียในแบบฉบับของ BEAMS ไอเท็มเด่นในคอลเลคชั่นนี้บ่งบอกถึงสไตล์แคลิฟอร์เนียที่ทุกคนรู้จัก อาทิ กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อเชิ้ตอเมริกันฟุตบอล กางเกงขาสั้นแบบชายทะเลและรองเท้ากีฬา VANS ซึ่งได้รับการปรับให้ดูลำลองแบบอเมริกันสมัยใหม่ด้วยทรงที่หลวมขึ้น และการใช้เนื้อผ้าที่มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยในขณะที่ยังคงความเป็นต้นฉบับไว้ คอลเลคชั่นนี้เลือกใช้โทนสีที่แสดงถึงจิตวิญญาณอันสดใสของรัฐแคลิฟอร์เนีย อาทิ สีฟ้าของท้องฟ้าโปร่ง สีส้มที่มีชีวิตชีวาเหมือนแสงอาทิตย์สาดส่อง สีฟ้าอ่อนเหมือนน้ำในสระที่ทอประกาย และสีเขียวหญ้าของต้นปาล์ม BEAM PLUS “ALL YOU NEED IS IVY”
GEOX (เจอ็อกซ์) หนึ่งในแบรนด์ผู้นำระดับโลกในตลาดรองเท้าแบบไลฟ์สไตล์ลำลอง เทคโนโลยี ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์และการประยุกต์นวัตกรรม การแก้ปัญหาต่างๆเกี่ยวกับรองเท้าด้วยเทคโนโลยีที่นำมาซึ่งเอกลักษณ์ในเรื่องของการระบายอากาศและกันป้องกันน้ำ สำหรับเจอ็อกซ์คอลเล็กชั่น Spring/Summer 2019 ได้นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมมาใช้ ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติการผลิตรองเท้าผู้ชายที่ช่วยในการถ่ายเทอากาศ ทำให้การใช้ชีวิตและการเดินง่ายขึ้นในทุกสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนของวัน AERANTIS™ รองเท้าที่สามารถปรับให้เข้ากับการใช้ในทุกๆวันคือรุ่น AERANTIS™ ซึ่งเป็นดีไซน์ใหม่ที่เรียบง่าย แต่เรียบหรูที่มีลายเส้นโค้งและสีที่เข้ากันอย่างดี ด้านในของรองเท้านั้นมีระบบไหลเวียนของอากาศ ที่สร้างมาจากการผสมผสานของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยพื้นรองเท้าที่ทำจากยางรูปวงกลมหลากหลายขนาดประกอบเข้าด้วยกัน เลยทำให้พื้นรองเท้าของรุ่น AERANTIS™ มีการซัพพอร์ทที่ยอดเยี่ยมและช่วยเพิ่มการถ่ายเทอากาศของเทคโนโลยี Net Breathing System™ และพื้นรองเท้ายังมีระบบระบายอากาศที่ถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกว่า EVA midsole ช่วยในการหมุนเวียนอากาศ ในขณะเดียวกันระบบถ่ายเทอากาศภายในช่วงบนของรองเท้าก็ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการระบายอากาศได้ทุกๆด้าน เพราะมีแผ่นซับในที่มีช่องระบายอากาศและมีการคลุมทับอีกชั้นด้วยผ้าเนื้อนุ่มที่ช่วยในการกระจายความร้อน Nexside คุณสมบัติโดดเด่นของรุ่น Nexside รุ่นใหม่คือที่ระบายอากาศบริเวณด้านข้างของรองเท้า ที่เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาให้การระบายอากาศผ่านรูระบายอากาศที่ด้านข้างของพื้นรองเท้าทำงานได้ดีขึ้น ระหว่างพื้นรองเท้าส่วนกลางและพื้นยาง ยังมีร่องที่เพิ่มการดูดซับแรงกระแทกและสร้างห้องอากาศที่เชื่อมต่อกับภายนอกผ่านรูที่ขอบของพื้นยาง มากไปกว่านั้น Nexside ไม่ได้มีแค่ระบบถ่ายเทอากาศด้านในแต่ยังมีแผ่นตาข่ายระบายอากาศติดอยู่ในรองเท้าบริเวณส่วนที่โค้งที่สุดของเท้าอีกด้วย Nebula™ และ Nebula™X รองเท้ารุ่น Nebula™ และ Nebula™X เป็นรองเท้ารุ่นที่มีน้ำหนักเบาและยืดยุ่นสูง ซึ่งในคอลเล็กชั่นนี้ได้ถูกปรับโฉมใหม่
Deus Ex Machina (เดอัส เอ็กซ์ มาคิน่า) คัลท์แบรนด์จากออสเตรเลีย เปิดตัวคอลเลคชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ Artist Capsule Collection ภายใต้ชื่อ “Deus Ex McNeil” ที่ได้ร่วมมือกับ Paul McNeil (พอล แมคนีล) ศิลปินอัลเทอร์เนทีฟจากนิวซีแลนด์ ผู้ซึ่งหลงรักในงานศิลปะและหลงใหลในการเล่นเซิร์ฟเป็นชีวิตจิตใจ จนได้นำสิ่งต่างๆเหล่านี้ถ่ายทอดมาเป็นคอลเลคชั่นดังกล่าว Paul McNeil ศิลปินชาวนิวซีแลนด์เป็น Graphic Designer ในตำนานของ Mambo แบรนด์ Surf ชื่อดังจากออสเตรเลีย สร้างสรรค์ผลงานโดยใช้แรงบันดาลใจจากเซิร์ฟ หนัง ดนตรีอัลเทอร์เนทีฟยุค ‘60s – ‘80s การ์ตูนและศิลปะ Hot Rod ที่หลงใหลตั้งแต่เด็ก ๆ นอกจากโด่งดังจากการทำงานร่วมกับ Mambo แล้ว เขายังร่วมงานกับวงดนตรีอีกหลายวงเพื่อออกแบบ โปสเตอร์ทัวร์ หน้าปกอัลบั้มและสินค้าอื่น ๆ ของวงดนตรี Paul ออกแบบอะไรมากมายแม้กระทั่ง หนังสือนิทานของเด็ก! ด้วยงานที่เป็นเอกลักษณ์ในการใช้ฝีแปรงและแอร์บรัช
เมื่ออสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ที่ควรค่าและหายาก เปรียบเสมือนสมบัติอันทรงคุณค่ายิ่งแก่การครอบครองและสามารถส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่น แสนสิริ ในการร่วมทุนกับ บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผยโฉมโครงการ “THE MONUMENT THONG LO” (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) คอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ล่าสุด หนึ่งใน Sansiri Luxury Collection คอลเล็กชั่นของการรวมโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่และแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในแบบฉบับของแสนสิริ ที่นำเสนอความสมบูรณ์พร้อมด้วยสุนทรียะประสบการณ์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตระดับเวิลด์คลาส ที่เปี่ยมด้วยรสนิยมแห่งการอยู่อาศัยที่เหนือระดับอย่างเต็มภาคภูมิควรค่าและหายากแก่การครอบครอง จากการลงทุนในของรักของสะสมอันมาจากความรักและความหลงใหลที่สร้างมูลค่าเหนือกาลเวลา อย่างไม่สิ้นสุด Sansiri Luxury Collection (แสนสิริ ลักซ์ชัวรี่ คอลเล็กชั่น) ประกอบด้วย 4 แบรนด์ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่และลักซ์ชัวรี่ของแสนสิริที่ได้รับการยอมรับทั้งในเมืองไทยและระดับโลก ได้แก่ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส), BAAN SANSIRI (บ้านแสนสิริ),The Monument Thong Lo (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ) และ KHUN by yoo (คุณบายยู) โดยทั้งหมดล้วนรังสรรค์มาจากแนวคิดที่ละเมียดละไมในการนำเสนอโครงการระดับเวิลด์คลาสที่เต็มด้วยรายละเอียดเปรียบเหมือนงานศิลปะ ที่เกิดมาจาก 4
ในขณะที่เราอยู่ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความทันสมัยรวดเร็ว บางครั้งเราพบว่าเรากลับถวิลหาช่วงเวลาที่เรียบง่ายคลาสสิค ถึงแม้ว่าจะมีความสะดวกสบายของเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นมาตอบโจทย์การใช้ชีวิต แต่บางครั้งเรากลับมองหาเพียงชั่วขณะหนึ่งที่ได้ระลึกถึงอดีตอันแสนเรียบง่าย ราโด (RADO) นวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้นำทางด้านวัสดุและดีไซน์ กลับมาอีกครั้งในปีนี้กับการนำประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของแบรนด์ มาผสมผสานอย่างลงตัวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่และความเป็นผู้นำแห่งโลกดีไซน์ ก่อเกิดเป็นเรือนเวลาใหม่ล่าสุด ราโด กัปตัน คุก ออโตเมติก ลิมิเต็ด อิดิชั่น (RADO Captain Cook Automatic Limited Edition) ประจำปี 2019 ที่เรียกได้ว่าสวยงามเหนือกาลเวลา นาฬิกาคอลเลคชั่น Captain Cook รุ่นแรกถูกผลิตขึ้นระหว่างช่วงปี 1962 – 1968 โด่งดังด้วยการออกแบบที่กะทัดรัดและคุณสมบัติที่โดดเด่นหลากหลาย จนเมื่อปี 2017 ราโด ได้นำเรือนเวลารุ่นกัปตัน คุก กลับสู่ คอลเลคชั่นอีกครั้ง และยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์ของนาฬิการุ่นแรกเกือบทั้งหมด RADO Captain Cook Automatic Limited Edition ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 1,962 เรือนทั่วโลกเท่านั้น และเพื่อเป็นการผสานความวินเทจคลาสสิคเข้ากับความต้องการของคนยุคปัจจุบัน ที่ล้วนต่างมองหาความโดดเด่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เรือนเวลานี้จึงมาพร้อมกับเซทกระเป๋าหนังสีน้ำตาลขนาดกะทัดรัด บรรจุสายหลากสไตล์ให้เลือกตามความชอบ
โลกในทุกวันนี้ เรียกได้ว่าเป็น “New Normal” หรือโลกที่มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลาจนสิ่งเหล่านั้นกลายเป็น บรรทัดฐานหรือธรรมชาติของสังคมไปโดยปริยาย เราปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการคืบคลานของ “เทคโนโลยี” ที่เข้ามามีบทบาทและสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ จะเห็นได้ว่าหลายองค์กรพยายามเร่งพัฒนาให้สามารถก้าวข้าม Disruption ที่เกิดขึ้นและพร้อมจะสร้างความรุนแรงได้ทุกเมื่อ ในส่วนพนักงานเอง ในฐานะทรัพยากรมนุษย์อันมีค่าก็ต้องยิ่งเร่งขวนขวายและพัฒนาทักษะสู้วิกฤติพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เพื่อให้พร้อมตอบรับ ความต้องการของสังคมในอนาคต ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยีอย่าง “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI ที่เป็นเหมือนคลื่นสึนามิลูกยักษ์ที่พร้อมซัดทุกตลาดแรงงานอย่างต่อเนื่อง จนผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกคาดว่าหลายอาชีพในปัจจุบันกว่า 73 ล้านอาชีพกำลังจะหายไปภายในปี ค.ศ. 2030 ตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจนี้กระตุ้นให้พนักงานหลายคนในหลากหลายองค์กรเริ่มตระหนักถึงหายนะที่กำลังเตรียมเลื่อยขาเก้าอี้แบบฉับเดียวขาด และเร่งพัฒนาตนเองอย่างเต็มกำลัง แนวโน้มเรื่องความกังวลว่าหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์จะ “แย่ง” งานมนุษย์ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่ใคร ๆ ต่าง พากันพูดถึงในช่วงเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกัน ยังมีการโต้ตอบจากนักวิชาการบางกลุ่มเรื่องหุ่นยนต์จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์ โดยได้ยกสถิติของการปฏิวัติอุตสาหกรรม ในยุคที่นำเครื่องจักรมาทดแทนแรงงานคนในปี ค.ศ. 1900 ว่า 40% ของแรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในภาคเกษตรกรรม แม้ทุกวันนี้เหลือคนในภาคเกษตรกรรมเพียง 2% แต่ประเด็นสำคัญคือแรงงานหรือบุคลากรในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่ได้ตกงาน แต่ได้ทำงานที่มีคุณค่าสูงขึ้นด้านควบคุมเครื่องจักร รวมถึงมีงานใหม่ๆ เกิดขึ้นตามความก้าวหน้าของโลกอุตสาหกรรมครั้งนั้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาล่าสุดว่า “การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีได้สร้างตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่มากกว่าตำแหน่งงานที่ถูกทำลายหายไป
ถ้าให้พูดถึงไอคอนด้านยนตรกรรมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกก็คงหนีไม่พ้น BMW 3 Series แน่นอน ที่นับได้ว่าเป็นโมเดลที่สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์ BMW ได้เด่นชัดที่สุดในฐานะคอมแพคซีดานตัวแรกที่โดดเด่นด้วยลุคสปอร์ตและสมรรถนะที่ทรงพลังและปราดเปรียวเหนือใคร จนถึงวันนี้ BMW Series 3 ได้ผ่านมาถึง 6 เจเนอเรชั่นแล้ว และยังคงครองตำแหน่งยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมที่ขายดีที่สุดในโลก นอกจากนั้นแล้วยังเป็นรุ่นที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดของแบรนด์ BMW ด้วย โดยมียอดจำหน่ายรวมกว่า 15 ล้านคัน ซึ่งการออกแบบของรถในแต่ละยุคก็เปรียบเหมือนภาพสะท้อนของแฟชั่น ที่ทำให้เราได้เห็นถึงการพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงของโลกในช่วงนั้น ๆ 1975-1983 เริ่มกันด้วย BMW 3 Series E21 ต้องย้อนกลับไปที่ปี 1975 ซึ่งเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยูอีกยุคหนึ่ง และเป็นครั้งแรกที่ BMW 3 Series E21 ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ต้องบอกว่าการเปิดตัวของ BMW E21 นั้น สั่นสะเทือนไปทั้งวงการรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยดีไซน์กระจังหน้าที่ค่อนข้างชันและขนาดที่ใหญ่ขึ้น ดูล้ำยุคล้ำสมัยขึ้น และพูดได้ว่ามีสไตล์คล้าย ๆ 5 Series E12 ที่ผลิตอยู่ในช่วงนั้นเพื่อให้มันห่างจากกันมาก ในส่วนของภายใน
ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลกจากญี่ปุ่น เปิดตัวคอลเลคชั่น UNIQLO and JW ANDERSON Spring/Summer 2019 ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นร่วมกับ JW ANDERSON แบรนด์จากกรุงลอนดอนที่กำลังมีบทบาทโดดเด่นในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นทั่วโลก โดยคอลเลคชั่นใหม่นี้จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม เป็นต้นไป ทั้งในร้านยูนิโคล่และทางออนไลน์ สโตร์ UNIQLO and JW ANDERSON ไลน์ผลิตภัณฑ์ “เสื้อผ้าคลาสสิคแบบอังกฤษ ออกแบบเพื่อชีวิตในปัจจุบัน” (British classics. Designed for life today) ผลิตภัณฑ์ไลฟ์แวร์ (LifeWear) คอลเลคชั่นนี้ ผสมผสานการออกแบบอันใหม่ล้ำ ซึ่ง JW ANDERSON แต่งเติมให้กับเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมของอังกฤษ ผ่านความมุ่งมั่นของยูนิโคล่ในการนำเสนอรูปทรง วัสดุ และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ดีเยี่ยม โดยครั้งนี้นับเป็นซีซั่นที่สามแล้วที่ยูนิโคล่ออกแบบผลงานร่วมกับ JW ANDERSON หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากความร่วมมือกันในคอลเลคชั่น Fall/Winter 2017 และ Spring/Summer 2018 JW ANDERSONJW ANDERSON