โลกใบนี้มันชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน อันตรายและโรคร้ายเหมือนจะรอเราอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะกินอาหารประเภทไหนก็ดูจะพ่วงมาพร้อมกับความเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดโรคหนึ่งอยู่เสมอ โดยเฉพาะอาหารที่ถูกปาก ถูกใจ แต่ไม่ถูกกับร่างกายเท่าไหร่นัก และโรคยอดฮิตใกล้ตัวผู้ชายเราที่ดูผิว ๆ ไม่น่ากลัวแต่ถือเป็นภัยคุกคามทั่วโลกอย่าง “โรคอ้วน” ก็เป็นอีกโรคร้ายที่มาพร้อมกับอาหารที่เราเอาเข้าปากอยู่ทุกวัน แต่ใครจะรู้ว่าอันตรายและโรคต่าง ๆ มันไม่ได้มากับอาหารการกินเท่านั้น แต่มากับพฤติกรรมบางอย่างไม่เว้นแม้แต่ “ความโสด” ที่ล่าสุดมีงานวิจัยออกมาระบุว่าการเป็นโสดนี่มันเสี่ยงที่จะตายไวยิ่งกว่าโรคอ้วนที่เราว่าน่ากลัว ๆ เสียอีก! งานวิจัยที่เรากำลังจะพูดถึงครั้งนี้ก็สอดคล้องกับเรื่องความเหงาที่ UNLOCKMEN เคยพูดถึงไว้ว่าความเหงา ความโดดเดี่ยว ความเดียวดายนี่มันมีผลกระทบต่อสุขภาพได้มากกว่าที่เราคิดจนรัฐบาลอังกฤษถึงกับต้องแต่งตั้งรัฐมนตรีมาดูแลเรื่องความเหงาของประชาชนโดยเฉพาะกันเลยทีเดียว Dr. Julianne Holt-Lunstad ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยามหาวิทยาลัย Brigham Young คือผู้วิจัยหลักในครั้งนี้ เธอระบุชัดเจนว่ามนุษย์ที่แยกขาดจากสังคม บรรดาคนเหงา คนโสด คนหว่อง คนเดียวดายทั้งหลายนั้นล้วนแต่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้มากยิ่งกว่าการเป็นโรคอ้วน โดยถือเป็นความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 30% Dr. Julianne Holt-Lunstad ยังบอกอีกด้วยว่ามนุษย์จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับมนุษย์คนอื่น ๆ หรือเชื่อมต่อกับสังคมเพราะมันเป็นความต้องการพื้นฐานที่โคตรสำคัญและมีผลต่อความเป็นอยู่และการเอาตัวรอดเลยด้วยซ้ำ เธอยกตัวอย่างที่เห็นได้แบบชัด ๆ คือทารกที่ขาดการติดต่อกับมนุษย์ (อาจมีอาหาร น้ำ การพักผ่อน) แต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์มักจะมีปัญหาด้านพัฒนาการและไปถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด รวมถึงการลงโทษที่มักจะมาในรูปแบบของการแยกมนุษย์ออกจากสังคม เช่น การขังเดี่ยว การเนรเทศออกจากพื้นที่
UNLOCK YOUR SEX LIFE คราวนี้กลับมาพร้อมประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในรอบปีที่ผ่านมาอย่างเรื่อง Sexual Consent หรือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือความยินยอมพร้อมใจกันในการจะทำเรื่องซาบซ่านต่อกันอย่างการมีเซ็กซ์นี่แหละ มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้ามนุษย์สองคน (หรือมากกว่าสองคน) มองตากันแล้วเข้าอกเข้าใจกันเป๊ะ ๆ ทะลุปรุโปร่งราวกับอ่านใจกันได้ว่าสาวคนนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ยินยอมกับเซ็กซ์แบบไหน และไม่ยินยอมกับเซ็กซ์แบบไหน แต่ปัญหาก็คือผู้ชายอย่างเรามักไม่รู้หรอกว่าอะไรที่สาว ๆ เขายอมหรือไม่ยอม แต่เราก็เห็นสีหน้าท่าทางเลยเดากันส่ง ๆ ไป หลายครั้งก็มโนเข้าข้างตัวเองว่า เฮ้ย ใช่แน่ ๆ อ่ะ ทำหน้าเคลิ้มแบบนี้แปลว่าสมยอม ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป หลาย ๆ องค์กรและผู้หญิง หรือแม้แต่ผู้ชายและเพศอื่น ๆ เองจึงพากันออกมารณรงค์เรื่อง Sexual Consent หรือการยินยอมพร้อมใจทางเพศกันอย่างจริงจัง สำหรับผู้ชายคนไหนที่ไม่แน่ใจว่าเราได้ละเมิดความยินยอมใครโดยไม่รู้ตัวไปบ้างหรือเปล่า หรืออยากเพิ่มความระมัดระวังเพื่อให้เกียรติตัวเองและสาว ๆ มากขึ้น ก็เริ่มต้นที่ 5 ข้อพื้นฐานต่อไปนี้กันก่อน ให้จูบให้กอดไม่ได้แปลว่าเธอให้สอดใส่ ผู้ชายอย่างเราอาจจะดูหนังมากไปหน่อย เวลาได้สัมผัสเนื้อตัวร่างกายสาว ๆ แล้วเธอไม่อิดออดอะไร เรามักคิดว่าเธอพร้อมจะมีเซ็กซ์แบบเต็มรูปแบบชัวร์ ๆ เลยค่อย
เชื่อว่าหนึ่งฝันของสาวกภาพยนตร์สายลับตระกูล James Bond ก็คือการได้ครอบครองรถสปอร์ตคันงามที่พยัคฆ์ร้าย 007 ใช้ขับขี่หล่อ ๆ แถมด้วยอุปกรณ์สุดไฮเทคไว้ใช้ไล่ล่าเหล่าร้าย และก็ดูเหมือนว่าความฝันนี้กำลังจะกลายเป็นจริง Aston Martin ค่ายผลิตรถสปอร์ตสุดหรูจากอังกฤษ ประกาศออกมาแล้วว่า บริษัทของพวกเขาเตรียมจะผลิตรถ Aston Martin DB5 รุ่นที่สายลับเมืองผู้ดีคนนี้ใช้งานในตอน Goldfinger (1964) ออกมาทั้งหมดแบบลิมิเต็ด 25 คันเท่านั้น ซึ่งหนัง James Bond ภาคดังกล่าวเป็นหนึ่งในตอนที่ได้รับคำชมและมีคนชื่นชอบมากที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเป็นตอนแรกที่เอเยนต์ Bond ของเราได้โชว์ของสุดไฮเทคทั้งหลายรวมถึงเจ้ารถคันงามนามว่า DB5 คันนี้ด้วย โดยหลังจากนั้นรถสปอร์ตคลาสสิคสุดไฮเทคคันนี้ก็ถูกนำมาให้สายลับเสน่ห์แรงได้คุมพวงมาลัยอีก 6 ตอน แน่นอนว่ามันไม่ได้มาแค่รูปลักษณ์ แต่ว่ามันมาพร้อมกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ปรากฏในหนัง จากการร่วมมือกันผลิตของ Aston Martin และ EON Production ราวกับว่า Q มาเอง Andy Palmer CEO ของ Aston Martin เล่าว่า “สายสัมพันธ์ของ Aston Martin กับ James Bond เป็นอะไรที่เราภาคภูมิใจมาก
ถ้าพูดถึงศิลปินระดับตำนานที่ยังมีลมหายใจชื่อแรก ๆ ที่ทุกคนน่าจะพร้อมใจพูดถึงคงหนีไม่พ้น Paul McCartney, Eric Clapton, Keith Richards, และแน่นอนว่าต้องมี Bob Dylan รวมอยู่ในนั้นด้วย แต่จากลิสต์ที่กล่าวมาปู่ Bob Dylan ของเราดูจะผ่าเหล่าผ่ากอที่สุดเนื่องจากคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่มีฝีมือชั้นอ๋องในศาสตร์ด้านดนตรีและร้องเพลงด้วยกันทั้งนั้น ต่างจากราชาเพลงโฟล์คที่เคยออกมายอมรับว่าเสียงร้องและฝีมือกีตาร์ของเขานั้นไม่ได้ดีเด่อะไรเลย เข้าขั้นห่วยด้วยซ้ำในวงการดนตรีอาชีพ แต่สิ่งที่ทดแทนข้อด้อยเหล่านั้นคือฝีมือการแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดที่ Rolling Stone นิตยสารดนตรีระดับโลกจัดอันดับให้ Bob Dylan เป็นนักแต่งเพลงอันดับ 1 ในประวัติศาสตร์วงการดนตรีเลยทีเดียว แม้ว่าฝีมือการแต่งเพลงของเขาจะร้ายกาจเพียงใดก็คงไม่เพียงพอให้เขาอยู่บนบัลลังก์ค้างฟ้ามาจนทุกวันนี้แน่นอน วันนี้ UNLOCKMEN เลยจะพาไปดูวิธีการทำงานและแนวคิดของราชาเพลงโฟล์คคนนี้กัน Learning from the Best ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดและ Bob Dylan ก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้ตอนนี้เขาจะเป็นโคตรของโคตรอาจารย์แห่งวงการดนตรีไปแล้วแต่กว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้เขาเองก็มีอาจารย์เหมือนกัน ‘Woodie Guthrie’ คือชายที่เป็นทั้งอาจารย์ แรงบันดาลใจ และแนวทางการดำเนินชีวิตให้กับ Bob Dylan ก็ว่าได้ ถ้าใครเป็นแฟนเพลงของทั้งคู่คงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องเนื้อหาที่เน้นการเสียดสีการเมืองและสไตล์อื่น ๆ ในบทเพลง ถึงแม้ว่า Woodie Guthrie จะเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1967 แต่
ตั้งแต่เรื่องจำนวนพลาสติกล้นโลกก้าวเข้ามาเป็นวาระแห่งชาติที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ เราก็เริ่มเห็นคนที่เดินตามท้องถนนถือถุงผ้าติดไม้ติดมือเพื่อบรรจุของที่ซื้อจากร้านค้าแทนการใช้ถุงพลาสติก หรือช่วงพักกลางวันการถือปิ่นโตลงไปเพื่อใช้ซื้อข้าวก็เริ่มไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ทว่าไม่เพียงเรื่อง “ถุงพลาสติก” หรือ “โฟม” ที่เราสามารถเห็นได้ตำตาและทยอยลดการใช้แล้ว เรื่องใกล้ตัวอื่นที่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกำลังเตรียมรณรงค์เป็นเป้าหมายถัดไปคือพฤติกรรมการทิ้ง “คอนแทคเลนส์” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเรื่องการมองเห็นของหนุ่มสายตาสั้นอย่างเรานั่นเอง เชื่อหรือไม่! ผลสำรวจของ Arizona State University เผยว่าจำนวนคอนแทคเลนส์ที่ถูกทิ้งผ่านชักโครกหรืออ่างล้างหน้าเฉพาะในสหรัฐอเมริกามีมากถึง 2.9 ข้างต่อปี ทันทีที่เลนส์ไหลผ่านท่อในบ้านของเราไป ปลายทางของมันจะกองกระจุกกันในแหล่งน้ำ จนสร้างปัญหามลพิษแหล่งน้ำจากไมโครพลาสติก “เราพบว่าคนกว่า 15 – 20% ที่สวมคอนแทคเลนส์เลือกใช้วิธีทิ้งมันลงในอ่างล้างหน้าหรือชักโครก ตัวเลขนี้เป็นจำนวนมหาศาลเมื่อเราพิจารณาจากคนเพียง 45 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่สวมคอนแทคเลนส์เท่านั้น” – Charlie Rolsky นักศึกษาปริญญาเอกเผยข้อมูลนี้ในงาน National Meeting & Exposition of the American Chemical Society ครั้งที่ 256 ไอเดียเรื่องคอนแทคเลนส์เริ่มขึ้นระหว่างที่ Rolsky กับเพื่อนร่วมงานของเขาที่ ASU ร่วมกันศึกษาเรื่องมลพิษจากพลาสติก หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของเขาสวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำเริ่มสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับคอนแทคเลนส์ข้างที่ใช้งานแล้ว เขาพบว่าคนส่วนใหญ่เมื่อถอดมันออกแล้วทิ้งมันด้วยการโยนใส่ชักโครกแล้วกดชักโครกไปง่าย ๆ หรือโยนลงในซิงค์แล้วเปิดน้ำไล่ลงไปในท่อแทนการทิ้งลงในถังขยะ พฤติกรรมนี้ส่งผลทำให้เลนส์พลาสติกจำนวน
คนรวย คนไม่รวยวัดกันที่ตรงไหน? ถ้าบอกว่าวัดกันที่การแต่งกาย ของใช้ที่มองเห็นภายนอกนี่อาจจะเป็นวิธีวัดที่เก่าไปแล้ว เพราะสำหรับเรื่องล่าสุดที่เพิ่งมีงานวิจัยออกมาเผยแพร่คือเขาสามารถใช้สิ่งที่มองไม่เห็นอย่างเสียงเพลง หรือแนวเพลงที่เราชื่นชอบนำมาใช้จำนวนวัดเงินในกระเป๋าของเราได้ แต่ก่อนจะไปอ่านผลวิจัย…ลองซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยการคิดคำตอบในใจกันก่อนว่าคุณชอบฟังเพลงแนวไหน และเมื่ออ่านจบอย่าลืมบอกเราอีกครั้งด้วยว่าตรงหรือเปล่า เริ่มต้นที่เศรษฐีอเมริกันส่วนใหญ่มักจะฟังเพลงคลาสสิก ซึ่งแน่นอนว่ายังคงมีศิลปินไม้ตายอย่าง บีโทเฟน โมสาร์ต และบาช อยู่ใน track ที่เปิดเสมอ งานนี้แม้พวกเราอ่านไปแล้วจะเริ่มส่ายหน้าเพราะฟังดูเหมือนเรื่องอุปโลกน์ที่เดาขึ้นมาแบบส่ง ๆ แต่มันก็เป็นจริงแล้ว และรับรองได้ มาจากผลการสำรวจของกลุ่มคน millennials จำนวน 1,500 คนที่จัดทำขึ้นโดย TDAmeritrage งานนี้แม้จะเป็นการสำรวจจากกลุ่มคนจำนวนไม่มากเพียงช่วงวัยเดียว แต่เหล่านักวิจัยก็ยังยืนยันว่าผลลัพธ์สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบกับช่วงวัยอื่นได้ รักเพลงแนวไหน รายได้เท่าไหร่ หลายคนคงเริ่มอยากรู้แล้ว ลองดูกันว่าแนวเพลงที่เราชอบกันหน่อย ว่าตรงกับสิ่งนี้ไหม แนวเพลงคลาสสิก – $114,000 หรือ 3,730,071.29 บาท แนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ – $92,000 หรือ 3,010,232.97 บาท แนวเพลงแร็ป / ฮิปฮอป – $69,000 หรือ 2,257,674.73 บาท แนวเพลงยุค 80 และ 90 – $67,000 หรือ 2,192,234.88
ว่ากันเรื่อง “นวด” เชื่อว่าหนุ่ม ๆ หลายคนน่าจะชื่นชอบไม่เบา (เราหมายถึงการนวดตัวจริง ๆ ไม่มีนัยแอบแฝงใด ๆ) เพราะมันโคตรผ่อนคลาย สบายเหลือเกิน ยิ่งหลังจากทำงานหนัก เครียด หรือออกกำลังกายจนเมื่อย การโดนนวดนี่มันสวรรค์ชัด ๆ แต่ในที่นี้ เราไม่ได้จะชวนออกไปนวดแต่อย่างใด แต่อยากจะแชร์วิธีการเอาใจสาวคนรักของคุณด้วยศาสตร์และศิลป์แห่งการนวด เผื่อเธอปวดเมื่อยมา เราจะได้อาสาเอาใจเธอได้ในฐานะหมอนวดส่วนตัว นอกจากการนวดให้สาวของคุณนอกจากจะทำให้เธอรู้สึกดี หายเหนื่อยจากเรื่องราวระหว่างวันได้แล้ว ยังเป็นที่รู้กันว่าการลูบ ๆ บีบ ๆ จับเส้น คลึงกล้ามเนื้อไปมานั้นเป็นตัวอุ่นเครื่องชั้นดี และนำพาสู่การมี sex ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ทีมงาน UNLOCKMEN มีวิธีการนวดให้สาว ที่จะทำให้เธอลืมคุณไม่ลงมาฝากกัน แต่ก่อนที่จะไปนวดให้สาว โปรดศึกษาพื้นฐานการนวดมาให้ชัวร์ก่อนนะ เดี๋ยวเธอจะบาดเจ็บ พาลเอาหมดอารมณ์กันพอดี บรรยากาศต้องเป็นใจ จากการสอบถามสาว ๆ มา ส่วนใหญ่พวกเธอจะบอกว่าบรรยากาศก็มีส่วนสำคัญที่จะทำเธอเคลิบเคลิ้ม เพราะฉะนั้นจัดเลย อะไรที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายจากภายใน และอะไรจากภายนอกที่ทำให้เธอรู้สึกชิลล์ ห้องต้องสะอาด น่าอยู่ ใช้แสงสลัว ๆ สบายตา เช่น
การรีเซลล์รองเท้าแทบจะกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงที่มีเม็ดเงินสะพัดมากที่สุดประเภทหนึ่งในปัจจุบัน เพราะในแต่ละปีล้วนมีเงินหมุนเวียนทั่วโลกไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (financial times) ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาจับตลาดทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางจัดหาสินค้าตามความต้องการของผู้บริโภค ทว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองไทยคือเราไม่ได้มีระบบรองรับ หรือการันตีสินค้าที่เป็นรูปธรรม ส่วนมากจะเป็นการโพสต์ขายกันตามแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook ซึ่งแม้ว่ามันจะง่ายก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาส่วนใหญ่คือเคสโกงบ้าง นำเงินไปหมุนใช้ก่อนบ้าง ต่างจากเมืองนอกที่มีระบบแพลตฟอร์มการขายรองเท้าออนไลน์โดยเฉพาะ โดยเราอยากจะบอกว่า แท้จริงแล้วระบบเหล่านั้นล้วนมีบริการจัดส่งมาถึงประเทศไทยเกือบทั้งนั้น และอาจจะมีค่าดำเนินการ ส่งผลให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไปสักเล็กน้อย แม้จะแพงกว่าปกติแต่ผู้บริโภคก็จะได้รับการคุ้มครอง รวมถึงการันตีได้ว่าของแท้ส่งถึงมืออย่างแน่นอน ดังนั้นในวันนี้ UNLOCKMEN จะขอนำระบบการซื้อขายรองเท้าออนไลน์ต่าง ๆ ที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศมาแนะนำเป็นไกด์ไอเดียซื้อขายครั้งต่อไป eBay นี้คือต้นกำเนิดแห่งวงการรีเซลล์อย่างแท้จริง เนื่องจาก eBay ดำเนินกิจการมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 และยังเป็นโมเดลทางธุรกิจให้แก่ตลาดเทรนดิ้งออนไลน์ทั่วโลกอีกด้วย แต่ในปัจจุบัน eBay ไม่ใช่แหล่งรวมตัวให้สามารถเข้าไปค้นหารองเท้าเจ๋ง ๆ เหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป อาจเพราะความหลากหลายที่มากเกินไปของจำนวนสินค้า แล้วก็ยัง Feedback ด้านลบ ที่มักมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่เยอะ บวกกับไม่มีระบบ Verify ตรวจสอบเช็กสินค้า จึงทำให้มีเคสโดนโกง ของไม่ตรงรูปที่ถ่ายเยอะ หรือหนักเข้าคือไม่ได้ของเลยก็มี สำหรับข้อดีของ eBay ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลยซะทีเดียว เนื่องจากระบบ Bid
หลายคนใช้เสียงเพลงเป็นสื่อบันเทิง ให้ความเพลิดเพลินไปกับเนื้อร้อง ทำนองที่ผ่อนคลาย หรือหนักหน่วง เร้าใจ ที่เราเลือกมาแล้วใน Playlist หลายคนใช้เป็นหนทางหลีกหนีไปสู่อีกโลกหนึ่งทุกครั้งที่กดปุ่ม Play ไปสู่โลกที่เราไม่ต้องคิดอะไร ไม่ว่าเราจะเลือกใช้มันเป็นอะไรก็ตาม พวกเขา “STOIC” เลือกที่จะใช้เสียงเพลงบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาเจอมาในชีวิตในรูปแบบที่สื่อถึงตัวตนของพวกเขาที่สุด ใช้เพลงสื่อสารกับคนฟังอย่างเรา ๆ ให้รับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเนื้อเพลงและทุกตัวโน้ตที่พวกเขาตั้งใจเรียบเรียงขึ้นมา สำหรับคอเพลงอินดี้อาจจะคุ้นเคยกับเพลงของพวกเขาอย่าง เพลง “วิวรณ์” และเพลงล่าสุดอย่างเพลง “วัฎจักร” ที่เพิ่งปล่อย Official MV ไปเมื่อหลายวันก่อน UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับวง STOIC ถึงเรื่องราวของวงและผลงานที่ใคร ๆ ต่างก็รู้สึกถึง Touching กับทุกเพลงของพวกเขา โดยวง STOIC ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน คือ แพ็ค (กีต้าร์-ร้องนำ), หนึ่ง (กีต้าร์), ยู (เบส), เปรียว (กลอง), ฟลุ๊ค (เชลโล) ซึ่งตอนนี้ทางวงยังไม่อยู่ในสังกัดของค่ายไหน กว่าจะรวมตัวเป็น STOIC แพ็ค : ประมาณสองปีที่แล้วครับ
ห้องน้ำปลดทุกข์ บางทีก็กลายเป็นสถานที่ที่ทำให้เราทุกข์ยิ่งกว่าเดิม เพราะดันลืนของมีค่าไว้! ร้อยทั้งร้อยในชีวิตของผู้ชายเราคงต้องมีสักครั้งที่เดินออกมานอกห้องน้ำสาธารณะไปสักพักแล้ว ต้องใส่เกียร์เท้าวิ่ง 4×100 กลับไปห้องเดิมเพราะดันลืมของสำคัญอย่างสมาร์ตโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ ซึ่งถ้าวันนั้นโชคดี ห้องน้ำห้องที่เราเข้าอาจจะยังไม่มีใครเข้าต่อ หรืออาจจะเจอคนใจดีเก็บไว้ให้ แต่ถ้าโชคร้าย ดวงซวย วันนั้นเราอาจจะต้องออกจากห้องน้ำมือเปล่า โดยไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือออกมาเลย โทษใครก็ไม่ได้ สาเหตุที่เราทำหาย ส่วนใหญ่เพราะระหว่างที่เรากำลังใช้งานของเหล่านั้นเพราะมันไม่อยู่ในระดับสายตา ถ้าไม่ใช่ตะขอแขวนตรงประตูที่อยู่เหนือหัวเรา ก็เป็นหลังพนักชักโครก ดังนั้น พอเราใส่ใจกับการชำระอวัยวะตรงหน้าหลังปลดทุกข์ เราก็เลิกแคร์ รีบเดินออกจากห้องน้ำโดยไม่เหลียวหลังเพราะจะได้ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนปล่อยระเบิดไว้ ปัญหาเรื่องลืมของนี้จัดเป็นปัญหาระดับโลกก็ว่าได้ ซึ่งแน่นอนว่าหลายที่ก็พยายามใช้วิธีในการเตือนสติกัน อย่างบ้านเราก็มีสติกเกอร์บนบานประตูที่บอกให้เช็กของก่อนออกจากห้องน้ำ แต่มันไม่ค่อยได้ผลอย่างที่เห็น ประเทศละเอียดอ่อนอย่างญี่ปุ่นเองก็ลืมบ่อยเช่นกัน เขาจึงคิดค้นวิธีแก้ปัญหานี้อย่างเฉียบ ไม่เปลืองต้นทุนด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวอย่างลูกบิด! NEXCO บริษัทธุรกิจรับเหมาก่อสร้างธุรกิจให้บริการพื้นที่และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทางหลวงสาขาฮอกไกโดในประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ดีไซน์รูปแบบลูกบิดห้องน้ำแบบใหม่นี้และติดตั้งมันไว้กับห้องน้ำสาธารณะตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากพบปัญหาต้องพยายามส่งของหายเหล่านั้นคืนเจ้าของ ซึ่งต้องเปลือง man hour ของพนักงานโดยใช่เหตุเฉลี่ยประมาณ 30 ชั่วโมงต่อเดือน โดยจากผลสำรวจของกว่า 60% ที่ลืมไว้ในห้องน้ำก็คล้ายในบ้านเรา คือ สมาร์ทโฟน กระเป๋าสตางค์ หรือของเล็ก ๆ เช่นเดียวกับบ้านเรานั่นเอง ลูกบิดเตือนสติออกแบบให้มีขนาดแบนขนาดใหญ่แนวระนาบ 180 องศาเพื่อพลิกในการปิดเปิด สามารถใช้เป็นถาดวางของได้โดยรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 1 กิโลกรัม วางทั้งมือถือและกระเป๋าสตางค์ได้สบาย