สำหรับคอ High-Fashion แบรนด์ Givenchy (จีวองชี่) ถือเป็นแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์คอนเซ็ปต์อย่างชัดเจน อีกทั้งดีไซน์ต่าง ๆ ล้วนถูกออกแบบมาอย่างโดนใจหนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะเป็น Animal Spirit , Rottweiler , Star Print เป็นต้น ซึ่งวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN ก็ขอเอาข่าวคอลเลคชั่นใหม่ของ Givenchy มานำเสนอ สำหรับคอลเลคชั่นใหม่ของ Givenchy คือ Spring 2018 Pre-Collection ที่ถูกออกแบบโดยทีมสตูดิโอของแบรนด์ ซึ่งคอลเลคชั่นนี้ยึดเอาคอนเซ็ปต์ “ความบริสุทธิ์ ความสง่างาม ความสดใส” จาก 3 โทนสีหลัก ได้แก่ สีขาว สีดำ (Black) , สีน้ำเงิน (Electric Blue) และสีชมพูฟูเซีย (Fuchsia) เติมแต่งด้วยลายปรินท์ทหาร ผสานการออกแบบตัดเย็บที่ประณีต เผยให้เห็นเค้าโครงของเสื้อผ้าอย่างชัดเจน ผ่านวัสดุเนื้อผ้าที่มีความหรูหราตามแบบฉบับของ Givenchy (จีวองชี่) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
สำหรับคนทั่วไปรวมไปถึงนักบิดปกติที่ไม่ได้มีกลุ่มแก๊งค์จริงจัง และยังคงเป็นมนุษย์ในจำนวน 99% ที่ใช้ชีวิตการขับขี่ที่ไม่มีกฎระเบียบของกลุ่มเพื่อนนั้น แน่นอนว่า ชีวิตในการขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจไปไหนต่อไหน ถือเป็นอะไรที่เพลิดเพลิน สนุกสนาน ผ่อนคลาย และทำให้รู้สึกถึงความเป็นอิสระ แต่สำหรับนักบิดตัวจริงซึ่งถูกเปรียบเทียบเป็นกลุ่มคนจำนวน 1% ที่มีความแตกต่างจาก 99% ที่เหลือนั้น มันแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ตามหลักสากลแล้ว นักบิดตัวจริงที่ได้ชื่อว่าเป็น 1% เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกที่อยู่ในกลุ่ม หรือ Club ที่มีความใหญ่โตระดับชาติ จนไปถึงระดับโลก โดยชาวต่างชาติมักจะเรียกกลุ่มรถจักยานยนต์เหล่านี้ว่า “One-Percenter Outlaw Motorcycle Gangs” ซึ่งที่เรียกแบบนั้นก็เพราะว่า กลุ่มมอเตอร์ไซค์เหล่านี้นั้น จะไม่สนใจถึงกฎหมาย หรือกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ใช่พวกเขาจะใช้ชีวิตได้อย่างตามอำเภอใจไร้กฎระเบียบใด ๆ ในชีวิตเลย เพราะในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเองก็มีกฎที่ยุ่งยาก และต้องเคร่งครัดมาก ๆ ของพวกอยู่ด้วยเช่นกัน โดยกฎเหล่านี้ ไม่ได้มีไว้เล่น ๆ หรือมีไว้ขู่ขำ ๆ แต่ถ้าหากใครละเมิดขึ้นมาล่ะก็จะมีความผิดรุนแรง และมีการลงโทษที่ไม่มีใครอยากเจอกับตัวแน่นอน บางครั้งบทลงโทษอาจจะหนักถึงขนาดที่คนทั่วไปอาจจะจินตนาการไปไม่ถึงเลยทีเดียว แต่ด้วยความเข้มข้นของกฎระเบียบเหล่านี้เอง ทำให้พวกเขาได้ความมีวินัย ความมีระบบ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Designer อย่าง Maskim Burov ได้ทำการ Design รถจักรยานยน์ที่เขาใช้พลังฝีมือทั้งหมดปั้น 3D ขึ้นมา ให้กลายเป็น Concept Bike ภายใต้แบรนด์ Koenigsegg จนทำให้แฟนของแบรนด์ผู้ผลิต Hypercar สัญชาติ Swedish แอบลุ้นให้ทางบริษัทลองหันมาจับตลาดรถจักรยานยนต์กันเลยทีเดียว เนื่องจากทั้งความสวยงามที่ลงตัวแถมยังดูมีความเป็น Koenigsegg อยู่เต็มพิกัด ทำให้ภาพ Concept Bike ดังกล่าวนั้น ดังไปทั่วโลกภายในชั่วข้ามคืน และวันนี้ดูเหมือน Designer อย่าง Maksim Burov จะว่างจัด จึงทำการ Design Concept Bike ภายใต้แบรนด์ Koenigsegg ออกมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งบอกเลยว่า แจ่มเลยทีเดียว หากใครที่เคยเห็นผลงานก่อนหน้านี้กันไปแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า Koenigsegg Concept Bike คันล่าสุดที่ Maskim Burov ออกแบบมานั้น ยังถูกใจกันอยู่รึเปล่า? ผลงานที่น่าตื่นตาตื่นใจชิ้นล่าสุดของ Designer
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Sigmund Freud ผู้นี้เป็นใคร? แต่บางคนก็อาจจะคุ้นชื่อ หรือเคยได้ยินเรื่องราวของชายผู้นี้กันมาบ้างอยู่แล้ว แต่ถ้าใครยังไม่รู้จักกับชายคนนี้มาก่อนวันนี้คุณจะได้รู้ สำหรับชายที่ชื่อ Sigmund Freud หรือ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (ภาษาเยอรมัน) คนนี้ เป็นประสาทแพทย์ชาว Austria ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมาก นอกจากนี้เขายังเป็นนักจิตวิทยา, นักปรัชญา และนักเขียนที่มีผลงานเป็นที่รู้จักจำนวนนับไม่ถ้วน ตลอดระยะเวลาที่เขามีชีวิตอยู่เขาค้นคว้าหาความจริงที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนมากมาย จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักจะรู้กันดีว่า คำพูดที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากเขานั้นล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และมีเหตุผลทั้งสิ้น วันนี้เราจึงได้นำเอาคำพูดเกี่ยวกับเรื่องจริงของชีวิตคนเราที่สุดแสนจะเจ็บปวดจาก Sigmund Freud มาให้ชาว UNLOCKMEN ทุกคนได้ลองเอาไปคิดตามกัน เพราะบางที คำพูดบางคำอาจจะช่วยปลดล็อคอะไรบางอย่างให้กับสิ่งที่เรากำลังค้นหาอยู่ก็ได้ 1. The goal of all life is death. ยังไงเราก็หนีความตายไม่พ้น คนที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ คือผู้ที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกอย่าง ไม่หลีกเลี่ยง หรือกลัวที่จะกระทำการใด ๆ อย่างกล้าหาญ เพราะสุดท้ายแล้วความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไม่อาจจะหนีมันพ้นไปได้ก็คือ ความตาย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะอยู่กันแบบหมดอาลัยตายอยาก เหมือนคนสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงเพราะคิดว่าสุดท้ายวันหนึ่งเราต่างก็ต้องตายอยู่ดี ในทางกลับกัน เราควรจะกล้าคิด
เหมือนฝันที่เป็นฝันร้าย และไม่มีใครอยากเชื่อว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ สำหรับการสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทย และการสูญเสียพระราชาที่ได้ชื่อว่าทรงงานหนักที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพจะเสร็จสิ้นลุล่วงไปแล้ว แต่เราเชื่อว่า คนไทยหลายคนยังคงติดอยู่ในความโศกเศร้า เสียใจ ความโศกเศร้า และเสียใจจากการสูญเสียคนที่รักยิ่ง และไม่มีวันลืมได้นั้น เป็นเรื่องธรรมดา เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะการสูญเสียครั้งสำคัญครั้งนี้เท่านั้น มันยังต้องเจอ และต้องเกิดขึ้นกับชีวิตคนเราอีกหลายครั้งในหนึ่งชีวิต เราไม่จำเป็นเลยที่จะต้องลืมเรื่องราว และความรักที่เรามีต่อผู้ที่จากไป แต่ทว่า… เราจะทำอย่างไรให้ผ่านช่วงเวลาที่เศร้าโศกจากความสูญเสียนี้ไปได้ และตัวเราเองก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น วันนี้เราจึงได้นำเอาวิธีดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณก้าวผ่านความโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตไปได้ เพื่อที่จะได้กลับมาใช้ชีวิตให้มีประสิทธิภาพ ทำความดี และเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และผู้อื่นต่อไป และนี่คือ 5 วิธีการ ที่จะทำให้ทุกคนกลับมามีพลังลุกขึ้นมาใช้ชีวิต หลังจากที่ต้องเจอกับการสูญเสียที่ทำให้หัวใจแตกสลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง และทุกครั้งที่นึกถึง จะมีแต่ความทรงจำที่ดีอยู่เสมอ People Die. มันเลวร้าย แต่มันก็คือ ความจริง ซึ่งก่อนอื่นเลยคือ คุณต้องคิดเอาไว้เสมอว่า ต่อให้เป็นคนที่คุณรัก หรือไม่รัก เป็นคนอื่น เป็นญาติพี่น้อง หรือแม้แต่ตัวคุณเองก็หนีสัจธรรมข้อนี้ไม่พ้น ถ้าหากคุณทำความเข้าใจกับข้อนี้ได้แล้ว คุณจะเริ่มเข้าใจ และเห็นถึงมุมมองใหม่ คุณจะรู้ว่า คนที่คุณรักมากนั้น ถึงเวลาได้พักผ่อนอย่างสงบแล้ว
เมื่อเราพูดถึงรองเท้าบู้ทแน่นอนว่าชื่อแรก ๆ ที่แว้บเข้ามาในหัวก็คือ Timberland รองเท้าบู้ทสุดทนทานที่มีดีไซน์กระชากใจ สามารถใส่ใช้งาน หรือเป็นรองเท้าแฟชั่นได้อย่างไม่เคอะเขิน โดยเฉพาะรองเท้ารุ่น Yellow Boots ที่โดดเด่นจนเป็นไอคอนที่ใคร ๆ หลายคนต้องมีไว้ครอบครองในตู้รองเท้า เนื่องจากทีมงาน UNLOCKMEN เกิดความสนใจในตัวแบรนด์ จึงได้ไปทำการค้นคว้าข้อมูลประวัติของแบรนด์ Timberland มาเล่าสู่กันฟังให้ทุกท่านได้อ่านกันแบบเพลิน ๆ ย้อนกลับไปในปี 1952 นาย Nathan Swartz ได้ทำการซื้อหุ้นของบริษัทรองเท้า Abington เพื่อเริ่มต้นธุรกิจผลิตรองเท้าบู้ทซึ่งตัวเขามองเห็นศักยภาพที่ก้าวมาทำเงินได้ โดยเริ่มแรกเขาตัดสินใจซื้อหุ้นเพียงครึ่งเดียวก่อน เพื่อดูว่าธุรกิจจะสามารถเดินไปข้างหน้าได้ขนาดไหน ซึ่งธุรกิจของพวกเขาก็ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง 10 ปีต่อมาพวกเขาได้นำเทคโนโลยี injection-molding มาใช้กับรองเท้าบู้ทของพวกเขา เนื่องจากสภาพอากาศในเมืองที่มีหิมะตกอยู่เป็นประจำ และรองเท้าบู้ทส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยกันน้ำ จึงเป็นไอเดียให้พวกเขาออกแบบรองเท้าบู้ทที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถกันน้ำได้ในขณะเดียวกันก็ยังป้องกันความเย็นได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย ทำให้รองเท้าจาก Abington เป็นที่นิยมในท้องถิ่น แต่เพื่อเป็นการเปิดตลาดให้กว้างไกลยิ่งขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจย้ายบริษัทไปยัง New Hampshire ในปี 1969 เพื่อเพิ่มขนาดสเกลการผลิตให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น Timberland ในเวลาถัดมา Timberland ต้องการจะเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่สามารถทำรองเท้าบู้ทออกมาในลักษณะหลากหลาย
ในชีวิตประจำวันสิ่งที่ขาดไม่ได้คงหนีไม่พ้นการพกพาและใช้งานสมาร์ทโฟนในการเข้าถึงโซเซียลเน็ตเวิร์ค ที่กินเวลาชีวิตในแต่ละวันไปแทบจะ 1 ส่วน 3 ก็ว่าได้ ใครที่จะเถียงเราว่าไม่จริง ไม่เป็นแบบนั้นสักหน่อย เราก็ขอดีใจด้วยที่คุณไม่ติดมันมากจนเกินไป เพราะคนส่วนใหญ่ยังเสพติด จนถึงขั้นไม่เป็นอันทำอะไรเลยก็มี ซึ่งตลอดเวลามีหลายงานวิจัยสนับสนุนว่าการเสพติดโลกออนไลน์มากเกินไป จะทำให้เวลาในชีวิตของคุณสูญหายไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกทั้งอาจโจมตีและทำร้ายสุขภาพร่างกายผู้ใช้แบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีก อย่างเช่นปัญหาด้านสายตา ฯลฯ UNLOCKMEN จึงอยากจะแนะนำตัวช่วยดี ๆ อีกสักครั้งกับ Thrive แอปฯ ที่จะช่วยให้คุณตัดขาดจากโลกออนไลน์ชั่วคราว จริง ๆ แอปพลิเคชั่นตัวช่วยให้เราไม่เสพติดโลกออนไลน์มากเกินไปมีในเลือกใช้เยอะแยะมากมาย แต่ตัวแอปพลิเคชั่น Thrive ที่เรากำลังจะแนะนำ เป็นตัวที่ Arianna Huffington จับมือกับ Samsung พัฒนาตัวแอปพลิเคชั่นขึ้นมา เพื่อให้ผู้ใช้งานที่ (ควรรู้ตัว) ว่าเสพติดเข้าซะแล้ว ได้หยุดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบชั่วคราว พร้อมแจ้งให้เพื่อน ๆ โดยรอบได้รับรู้ด้วยว่างดติดต่อในช่วงเวลานี้ชั่วคราว โดยหลักการทำงานของมันจะคล้าย ๆ กับ Do Not Disturb ที่มีอยู่บนตัวเครื่อง Android กันอยู่แล้ว เช่น เราสามารถตั้งเวลาจะเปิดหรือปิดตัวแอปพลิเคชั่นที่เราต้องการได้ รวมถึงตั้งค่ารายชื่อที่เราต้องการแจ้งเตือนไปหาคนเหล่านั้นให้รับรู้ได้ แต่ฟีเจอร์ที่เหนือกว่าแอปฯ อื่น
สมัยนี้ใครก็สามารถกลายมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ไม่ยาก ขอแค่มีไอเดียกับกล้องวิดีโอไว้ใช้สำหรับบันทึกภาพของตัวเองมาโพสต์ลงไปใน YouTube คุณก็อาจจะกลายมาเป็นป๊อปสตาร์ดังชั่วข้ามคืน เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มหน้าตี๋ท่าทางกวนโอ๊ยคนนี้ Rich Chigga ที่อยู่ดี ๆ ก็แจ้งเกิดดังเป็นพลุแตกบนหน้าสื่อโชเชียลมีเดีย ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแร็ปเปอร์ที่มีผลงานน่าจับตามองคนหนึ่ง และกำลังไต่เต้าอยู่ในวงการเพลงสหรัฐอเมริกา โดยเขาใช้เวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้นเพื่อยกระดับตัวเองมาถึงจุดนี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร Rich Chigga มีชื่อจริง ๆ ว่า Brian Imanuel เกิดในเมือง Jakarta ประเทศ Indonesia ซึ่งเขาเริ่มเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อปี 2010 ตอนอายุแค่ 11 ขวบ โดยที่ตัวเขาเองก็เป็นเหมือนเด็กปกติทั่วไปที่พยายามเล่นพิเรนทร์โพสต์รูปภาพตัดต่อตลก ๆ ล้อเลียนมากมาย ตัวอย่างเช่นรูปที่เขาตัดต่อตัวเองไปยืนข้างประธานาธิบดี Barack Obama พร้อมสวมเสื้อฮู้ด Nigga ก่อนที่ในเวลาต่อมา Brian จะเริ่มทำคลิปวิดีโอตลกแนว dark comedic ซึ่งเขาได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านจาก YouTube นับว่าเป็นเด็กที่มีความพยายามอย่างมาก ไม่ให้อุปสรรคต่าง ๆ มาปิดกั้นความสามารถ จนกระทั่งมีเพื่อนแนะนำให้เขารู้จักกับเพลง Thrift Shop ของ Macklemore
ปัญหานอนไม่หลับดูเป็นหาเล็กปะติ๋วเมื่อเทียบกับปัญหาใหญ่ ๆ หลาย ๆ ปัญหาในชีวิต แต่ในทางกลับกันการนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็สร้างความเหนื่อยล้าสะสมและกลายปัญหาชีวิตที่ใหญ่ระดับโลกขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว ออกกำลังกายก็แล้ว ปรับอาหารการกินก็แล้ว ทำอย่างไรก็ไม่เวิร์คกับเขาสักที วันนี้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เขาบอกว่านี่คือวิธีที่โคตรดีในการจะช่วยให้คุณนอนหลับ… งานวิจัยพบโคตรวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้นอนหลับได้อย่างยอดเยี่ยม โดยไม่ต้องพึ่งวิธีอย่างการกินกล้วยหรือดื่มนมอีกต่อไป! นักวิทยาศาสตร์จาก Northwestern University เชื่อว่าการมีแพลนสำหรับวันพรุ่งนี้จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ยาวนานขึ้น แถมการนอนของคุณก็จะมีคุณภาพมากขึ้นด้วย การมีแพลนสำหรับวันต่อไปของชีวิตเนี่ยนะ? จะเป็นไปได้ได้ยังไง? ผลการวิจัยครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Sleep, Science, and Practice. โดยนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าการที่คนเรามีจุดมุ่งหมายหรือมีเป้าหมายต่อไปในชีวิตมันกลายเป็นยานอนหลับชั้นดี โดยไม่ต้องใช้ตัวยาทางเคมีจริง ๆ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่นอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว งานวิจัยครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 823 คน โดยนำมาตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา ผลออกมาว่ามีคนร้อยละ 63 ที่รู้สึกว่าชีวิตของพวกเขาช่างมีความหมาย และคนร้อยละ 63 นี่เองที่เผชิญกับอาการนอนไม่หลับน้อยกว่า ทุกคนก็อาจจะสงสัยเหมือนที่ UNLOCKMEN สงสัยว่า ‘ความหมายของชีวิต’ มันคืออะไรกันแน่ มันวัดจากอะไร ผู้ทำการวิจัยเขาก็ไม่ปล่อยให้เราต้องปวดหัวคิดไปเอง เขานิยามเอาไว้ว่า ‘ความหมายของชีวิต’ มันคือการที่คนคนหนึ่งรู้สึกดีเมื่อพวกเขาคิดถึงอะไรที่พวกเขาได้ทำมันในอดีต และรู้สึกดีเมื่อพวกเขาคิดถึงสิ่งที่พวกเขาอยากทำในอนาคต ผลการทดลองจึงมาจบลงตรงที่ว่าใครสักคนหนึ่งจะนอนหลับได้เต็มตาก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังเสียเวลาในการใช้ชีวิตอยู่ หรือมัวแต่คอยกังวลกับอดีตว่าอะไรที่เรายังทำไม่สำเร็จ ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่าเป้าหมายชีวิตมันยิ่งใหญ่เกินไปกว่าจะทำสำเร็จได้เราคงไม่ได้นอนหลับเต็มตาเสียที UNLOCKMEN ก็เชื่อว่าการที่เราคิดถึงเป้าหมายในแต่ละวันไว้และมุ่งทำมันให้สำเร็จ
ความอาลัยที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศมีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชยังคงไม่จางหายไป เนื่องด้วยตลอดระยะเวลาที่เสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงงานหนักเพื่อประชาชนตลอดมา และที่พสกนิกรชาวไทยอยู่ดีกินดีได้ถึงทุกวันนี้ก็เป็นเพราะพระองค์ท่าน จึงไม่แปลกที่ตลอดเดือนตุลาคม ถึงเดือนธันวาคมจะมีนิทรรศการที่ทำให้เราน้อมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชออกมาไม่ขาดสาย และ โครงการสร้างสรรค์ ๘๙/๗๐/๔๔๔๗+=๙→๑๐ การจัดแสดงผลงาน ธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมศิลป์ และ ๒๓ วิธีทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็เป็นอีกหนึ่งนิทรรศการดี ๆ ที่ชาว UNLOCKMEN ไม่ควรพลาด ด้วยชื่อที่ฟังครั้งแล้วอาจชวนให้ย้อนกลับไปอ่านใหม่ หรือขอฟังอีกที ยิ่งทำให้โครงการสร้างสรรค์ ๘๙/๗๐/๔๔๔๗+=๙→๑๐ ดูน่าสนใจขึ้นหลายเท่า โดยโครงการนี้เป็นการจัดแสดงผลงาน ธรรมะ ธรรมชาติ ธรรมศิลป์ และ ๒๓ วิธีทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยศาสตราจารย์เกียรติคุณ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เพื่อเป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติในการถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ภายในงานชาว UNLOCKMEN จะตื่นตาตื่นใจไปกับการรวบรวมเอาผลงานของศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีชา เถาทองศิลปินแห่งชาติ จำนวน ๑๑๒ ชิ้น ซึ่งสรุปสาระพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ออกมาเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางทัศนศิลป์ด้วยความศรัทธาอันหาที่สุดมิได้ โดยมี แนวคิด รูปแบบ เทคนิค และวิธีการ ที่หลากหลายจนไม่อาจวางสายตาลงได้ สำหรับการแสดงจะแบ่งการแสดงงานออกเป็น ๔