“ศิลปินยิ่งใหญ่ต้องการความกดดันมหาศาล เพื่อสรรค์สร้างงานอลังการระดับโลก” เราต่างเคยเชื่อแนวคิดอะไรทำนองนี้ แต่มันจริงเสมอไปไหมที่ทุกคนจะสร้างสรรค์งานได้ดีในบรรยากาศงานยุ่ง ๆ หรือคิดงานไอเดียกระฉูดท่ามกลางบรรยากาศความรับผิดชอบล้น ๆ วุ่นวาย ๆ เท่านั้น เราอาจต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เมื่อ หนังสือ The Happiness Track: How to Apply the Science of Happiness to Accelerate Your Success แสดงให้เห็นว่าความคิดล้ำ ๆ เจ๋ง ๆ มักออกมาตอนที่เรารู้สึกผ่อนคลายต่างหาก ถ้ายังจินตนาการไม่ออก เรามีเรื่องราวของนักประดิษฐ์อัจฉริยะอย่าง Nikola Tesla ที่เป็นทั้งนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้า ถ้ายังไม่นึกไม่ออกอีก UNLOCKMEN ขอกระซิบบอกว่าเขามีส่วนช่วยในการพัฒนาหลอด fluorescent หรือหลอด neon แถมยังเป็นผู้คิดค้นสัญญานวิทยุ และค้นพบหลักการสนามแม่เหล็กไฟฟ้าอีกด้วย ย้อนกลับมาว่าความผ่อนคลายช่วยเรื่องความคิดสร้างสรรค์อย่างไร? Nikola Tesla ในปี 1881 ออกเดินทางไป Budapest พร้อมอาการป่วยอย่างหนัก
กลายเป็นประเด็นอีกแล้วสำหรับแบรนด์ fast-fashion อันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง ZARA ที่ล่าสุดเพิ่งออกคอลเลคชั่นเสื้อกันฝน ก็โดนแบรนด์ RAINS ฟ้องร้องทันทีว่าไปก๊อปปี้ผลงานของพวกเขา และขอให้ระงับการจำหน่ายทันที หลายคนอาจจะสงสัยว่าแบรนด์ RAINS คือแบรนด์อะไร พวกเขาเป็นแบรนด์ชั้นนำสัญชาติเดนมาร์กที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการผลิตเสื้อกันฝนที่ผสมผสานกับแฟชั่น จึงทำให้มีร้านตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 4,600 ร้านกว่า 20 ประเทศทั่วโลก เหตุการณ์ครั้งนี้ RAINS ได้เรียกร้องให้ Inditex ที่เป็นบริษัทแม่ของ ZARA ยุติการขายเสื้อแจ็คเก็ตกันฝนทั้งหมด เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับโปรดักส์ paracoat ของพวกเขา โดยแบรนด์ RAINS ส่งคำร้องไปยังศาลเดนมาร์กเพื่อขอชดเชยรายได้ที่ขาดทุนการจากกระทำในครั้งนี้ของ Inditex Daniel Brix Hesselager ผู้ร่วมก่อตั้ง และเจ้าของ RAINS กล่าวว่า “ZARA ก๊อปปี้ผลิตภัณฑ์หลักของพวกเรา ซึ่งเป็นสินค้าต้นแบบที่ออกมานานแล้ว ดังนั้นพวกเขาควรหยุดขายคอลเลคชั่นเสื้อกันฝนนี้ทันที แม้ว่า ZARA จะเป็นแบรนด์ดังขนาดไหน แต่เราก็ยินดีที่จะดำเนินการเรื่องนี้ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” คำพูดนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่า RAINS ไม่ได้เกรงกลัวต่อ ZARA และพร้อมท้าชนอย่างสุดพลังถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทที่เล็กกว่าก็ตามที และคาดการณ์กันว่าพวกเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายด้วยจำนวนเงินมหาศาล
ทุกคนล้วนแต่เคยมีช่วงที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในร้านเกมเพื่อฟาดฟัน เล่นเกมกันแบบเอาเป็นเอาตาย ชนิดที่เรียกว่าเลิกโรงเรียนต้องวิ่งเข้าร้านเกมกันทันที และปกติเวลาเล่นในร้านเกม มักจะตอบสนองความต้องการของเราได้ไม่พอ จนบางคนต้องมาชื้อคอมเล่นเกมส่วนตัวไว้บ้านแบบโหดๆ พร้อมกับอุปกรณ์เล่นเกมแบบจี๊ดจ๊าด เพื่อให้ชนะคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเกม Counter Strike หรือจะเกม FPS , RPG ประเภทไหนก็ตาม สุดท้ายอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้และสร้างความเจ๋งให้กับการเล่นได้มากที่สุดก็ต้องเป็น เมาส์ เพราะงั้น UNLOCKMEN จะขอแนะนำเทคโนโลยีอีกขั้น ที่ก่อให้เกิดเมาส์ขั้นเทพ ที่ไม่ใช่แค่ขยับไว คลิกเร็ว แบบเมาส์เล่นเกมเดิมๆ ทั่วไป เรียกได้ว่ามันเจ๋งกว่าเมาส์อื่นๆ ที่เคยมีมาในตลาดกันเลยทีเดียว โดยเมาส์สุดเจ๋งอันนี้มีชื่อเรียกว่า “The Z” จาก Swiftpoint เมาส์ที่มีการการควบคุมพื้นฐานโดยจะใช้แกน X และแกน Y เป็นอะไรที่พลิกโฉมรูปแบบเก่าๆที่เคยมีมาด้วยความสามารถในการหมุนเอียงและม้วน ถือเป็นเมาส์ตัวแรกของโลกที่สามารถเข้าถึงทุกการทำงานของปุ่มที่แตกต่างกันโดยการทำงานของปุ่มสามารถคลิกได้มากถึง 50 รูปแบบ ในขณะที่แทบจะไม่ย้ายนิ้วมือของเราเลย The Z ยังจะเป็นเมาส์ที่ง่ายที่สุดในการกำหนดค่าเพราะมีการใส่จอ OLED อยู่ด้านข้าง แสดงสถานะขณะที่ใช้งานอยู่ เพื่อเข้าสู่โหมดในการตั้งค่าได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการเปลี่ยน DPI ที่มีตั้งแต่ 200 – 12,000 เรียกได้ว่าตั้งแต่ช้าสุดจนถึงไวโคตรๆ ทาง Swiftpoint
เรามักหยิบยกเรื่องอายุมาเป็นข้ออ้างสำหรับการบ่ายเบี่ยง หรือยอมแพ้ต่ออุปสรรคเมื่อเจอปัญหา หรือเรามักได้ยินคนพูดว่าแก่เกินกว่าจะมาลองผิดลองถูกกับเรื่องต่าง ๆ จนพาลให้ชีวิตติดอยู่ในกรอบที่ซ้ำซากจำเจ สุดท้ายพอถึงวัยที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยแล้ว ก็ได้แต่มานั่งเสียดายที่ปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปเช่นนั้น แต่ UNLOCKMEN ขอนำเรื่องของคุณปู่ท่านหนึ่งที่เราเชื่อว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจจนทุกคนจะลืมเรื่องอายุที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตไปได้เลย ชายวัย 80 ที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อช่วงปี 2015 หลังจากได้ขึ้นแฟชั่นโชว์ของของดีไซเนอร์ชาวจีนในงานไชน่าแฟชั่นวีค เขาคือ หวังเต๋อซุน (Wang Deshun) คุณปู่สุดฮอตตามฉายาที่โลกออนไลน์มอบให้ หากเราไปไล่ดูชีวิตของเขาก็บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินมาถึงจุดนี้ได้ เพราะหวังเต๋อซุนเกิดและเติบโตที่เมืองเสิ่นหยางทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน ทำให้หวังเต๋อซุนต้องทำงานหนักตั้งแต่ยังเด็ก ในช่วงเวลาที่เด็กคนอื่น ๆ ได้เรียนหนังสือ ตัวเขาต้องไปเป็นพนักงานในโรงงานของกองทัพ ทำหน้าที่ซ่อมปืนเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เขาทำงานในกองทัพอยู่เป็นเวลา 10 ปี จนกระทั่งมีโอกาสย้ายไปอยู่กับคณะละครเวทีฉางชุน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหลงใหลในการแสดงเรื่อยมา แม้ว่าจะไม่เคยผ่านการเรียนการแสดง แต่ด้วยความขยันใฝ่รู้ เขาจึงทำการศึกษาเรียนรู้เทคนิคการแสดงด้วยตนเอง จนค่อย ๆ พัฒนา และสร้างคณะละครใบ้เป็นของตัวเองในวัย 49 ปี จากนั้นเขาตัดสินใจเดินทางมาปักกิ่งเพื่อต่อยอด และนำเสนอในสิ่งที่เขาเชื่อ แต่ด้วยวัยที่มากขนาดนี้ การเริ่มต้นใหม่ในเมืองใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อการแสดงละครใบ้ในสไตล์ของเขาเป็นแนวที่แตกต่างจากละครใบ้ธรรมดาทั่วไป ซึ่งละครใบ้ส่วนมากมักจะมุ่งเน้นไปที่ความตลกขบขัน แต่ละครของหวังเต๋อซุนให้ความสำคัญกับเรื่องปรัชญาและความหมายของชีวิต จึงทำให้ไม่ค่อยได้รับความสนใจ และไม่มีงานจ้าง หวังเต๋อซุนจึงพบกับความความล้มเหลวในการทำสิ่งที่ตนรัก ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน ไร้บ้าน
เหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ Bill Gates เจ้าพ่อ Microsoft และมหาเศรษฐีชื่อดังมักจะแชร์หนังสือที่เขาอ่านให้กับผู้คน เพราะความรักในการอ่านของเขาและความต้องการหามุมมองใหม่ ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ หนังสือที่เขาแนะนำจึงผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปหลากหลายประเภท แต่สำหรับเซ็ตนี้ Bill Gates จัดเต็มด้วยหนังสืออัตชีวประวัติเป็นส่วนใหญ่ ที่ UNLOCKMEN ขอรับรองว่าการที่เราได้อ่านชีวิตคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกนั้นยิ่งช่วยให้เราเห็นมุมมองใหม่ ๆ แบบที่เราอาจไม่เคยมองมาก่อนได้แน่นอน “Hillbilly Elegy” by JD Vance JD Vance เป็นอีกหนึ่งนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในปัจจุบัน เขาเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อบอกเล่าเรื่องราวชีวิตวัยเด็กและการเติบโตมาอย่างยากจนของตัวเองในเมืองห่างไกลแถบเทือกเขา Appalachia ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ภายในเล่มบอกเล่าเรื่องราวความยากลำบากในชีวิต ทั้งช่วงเวลาสุดโหดและช่วงเวลาดี ๆ ที่เขาพบเจอ รวมถึงสอดแทรกมุมมองของเขาที่มีต่อวัฒนธรรมและปัญหาครอบครัวที่ซับซ้อน เนื่องจากเขาถูกพ่อแม่ปล่อยไว้ให้อยู่กับปู่และย่า จนกระทั่งการฟันฝ่าจนเขาสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมาย Yale ได้ Bill Gates บอกว่าความมหัศจรรย์ของหนังสือเล่มนี้นอกจากประเด็นความซับซ้อนทางวัฒนธรรมและปัญหาครอบครัวที่ลึกซึ้ง ก็คือการที่ Vance มีความกล้าหาญมากพอที่จะลุกขึ้นมาพูดถึงอดีตด้วยตัวของเขาเอง “A Full Life” by Jimmy Carter Jimmy Carter หรืออดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคือผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ภายในเล่มบอกเล่าเรื่องราวการเติบโตมาจากชนบท
ใครที่เป็นสายเดินทางบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นไปทำงานหรือท่องเที่ยว แล้วต้องเจอปัญหากับหัวปลั๊กแต่ละประเทศที่มักจะไม่เหมือนกันอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้มีตัวเลือกใหม่ที่เจ๋งและสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าพวกปลั๊ก Univesal Adapter แบบเก่าได้แล้ว MICRO เป็นปลั๊กที่ถูกออกแบบมาจากการเล็งเห็นปัญหาของพวกปลั๊ก Univesal Adapter แบบเก่า ๆ ที่มีขนาดใหญ่เทอะทะ ถึงแม้จะรวมปลั๊กสารพัดแบบทั่วโลกไว้ในหนึ่งเดียวได้ แต่ก็ด้วยขนาดของมันมักจะกินพื้นที่รูเสียบปลั๊กข้าง ๆ อยู่บ่อย ๆ แถมบางครั้งก็เอียงเอน ไม่มั่นคงในขณะเสียบอีกด้วย ด้วยเหตุผลนี้ ทีมผู้ผลิตจึงมีแนวคิดพัฒนาหัวแปลงที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกและยังคงคุณสมบัติความสามารถเดิมคือ สามารถใช้งานร่วมกับปลั๊กทั่วไปได้กว่า 150 ประเทศทั่วโลกให้แบบสบาย หายห่วง ปลั้ก MICRO ได้ถูกจับมาแต่งตัวใหม่ให้เจ๋งและมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ตั้งแต่แก้ปัญหาออกแบบหัวแปลงใหม่ให้ดีไซน์เรียบขึ้น น่าใช้งาน ขนาดเล็กลง และน้ำหนักเบาพกพาได้สะดวกสบาย และรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าเราใช้แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ก็สามารถเสียบชาร์จได้หมด นอกจากนี้ทีมผู้ผลิตก็ยังเผยข้อมูลอีกว่าที่ MICRO สามารถทำตัวเองให้เล็กลงได้ขนาดนี้ (เล็กเท่ากับถ่านขนาด AAA) นั่นก็เพราะการตัดรูที่สามออกไป ซึ่งส่วนใหญ่รูที่สามก็คือตัวต่อกับสายดินนั่นเอง แต่ผู้ใช้ไม่ต้องตกอกตกใจกันไป เพราะที่จริงแล้วสำหรับอุปกรณ์สามขา (สายดิน) MICRO ก็มีเคสชิ้นส่วนโมดูล ครอบขั้วสายดิน ให้สามารถถอดประกอบแบบง่าย
คุณค่าทางศิลปะที่ไม่สามารถตีราคาเป็นเงินได้ พบกับภาพวาดจาก Basquiat ที่มีมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ไม่รวยจริงทำไม่ได้
5 นิสัยแบบคสช.สไตล์ที่ผู้ชายอย่างเราควรเอาอย่างเพื่อพิชิตใจสาว ๆ
#ลงทุนแมน แนะนำวิธีสร้างเงินล้านให้ได้ ภายใน 5 ปีเท่านั้น
คิดแบบเด็ก ๆ ใคร ๆ ก็ว่า แต่ใครจะรู้ว่าวิธีคิดแบบเด็ก ๆ นี่เองที่ช่วยให้เราเรียนรู้ได้ดี