Entertainment

รวมดาวยัดห่วงกับการโลดแล่นบนจอเงิน ใครปัง ใครแป๊ก มาดูกัน

By: unlockmen September 23, 2021

เพราะกีฬาบาสเก็ตบอล ไม่เพียงต้องใช้พละกำลัง หรือทีมเวิร์คในการช่วงชิงลูกบาสจากคู่แข่งเท่านั้น ท่วงลีลาในการเลี้ยงลูกหรือยัดห่วงก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะเป็นตัวชี้วัดความเป็นสตาร์ในสนามได้มากน้อยแค่ไหน

จึงไม่แปลกที่วงการหนังจะคว้าเหล่าซุเปอร์สตาร์นักยัดห่วงเหล่านั้นมาโลดแล่นบนจอเงิน ซึ่งก็มีทั้งแจ้งเกิดในวงการ และแจ้งดับในวงการเช่นกัน UNLOCKMEN จึงรวบรวมเหล่านักกีฬายัดห่วงที่โลดแล่นบนจอเงิน เพื่อต้อนรับการมาของหนังภาคต่อในตำนาน Space Jam: A New Legacy มาดูกันว่าใครปังใครแป๊กในวงการหนังกันบ้าง

 

Michael Jordan – Space Jam (1996)

เริ่มต้นด้วยนักบาสระดับคลาสสิค ดาวเด่นแห่งทีม Chicago Bulls ที่โดดเด้งในยุค 80s-90s ที่นอกจากผลักดันให้กีฬาบาสเก็ตบอล กลายเป็นกีฬาสุดฮิปส์ที่ใครต่อใครอยากจะมีลีลาการยัดห่วงให้เท่เท่ากับ Jordan แล้ว ในด้านวงการบันเทิง Michael Jordan ก็คว้าทุกโอกาสที่พุ่งเข้ามาหา ตั้งแต่การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ตั้งแต่รองเท้ากีฬา ไปยันน้ำอัดลมชื่อดัง จนมีรุ่นรองเท้าเป็นของตัวเอง ไปจนถึงการเป็นนักร้อง มีเหรอที่วงการหนังจะไม่คว้าเขามาแสดง แถมหนังยังพิเศษด้วยการจับเขาต้องเล่นร่วมกับตัวการ์ตูนอีกด้วย

และ Space Jam คือบทบันทึกถึงความโด่งดังที่อยู่ในช่วงเวลาที่พีคสุดของ Jordan เรื่องราวของนักบาสมืออาชีพที่ทะลุมิติไปช่วยเพื่อนตัวการ์ตูนแข่งกีฬายัดห่วงกับมนุษย์ต่างดาวนี้ ฉายความเป็นสตาร์ของตัว Jordan ได้อย่างลงตัว แม้ว่าหนังจะคราคร่ำไปด้วยคาแรคเตอร์สุดวายป่วงจาก Looney Tunes อย่าง Bugs Bunny หรือ Daffy Duck แต่ Jordan ก็ไม่ถูกเบียดบังในการเสนอท่วงท่าลีลาขั้นเทพของเขาเลย ไม่ใช่เพียงหนังที่ดังเท่านั้น เพลงซาวด์แทรคประกอบอย่าง “I Believe I Can Fly” โดย R. Kelly นั้นก็ยังเป็นเพลงอมตะจวบจนทุกวันนี้

ผลลัพธ์ – ปัง!!! เป็นหนังทำรายได้ถล่มทลาย ด้วยรายได้รวมระดับ 250 ล้านเหรียญทั่วโลก

Shaquille O’Neal – Kazaam (1996) / Steel (1997)

ในปี 1996 ปีเดียวกันนี้ ไม่ได้มีเพียง Michael Jordan เท่านั้นที่เฉิดฉายบนจอใหญ่ Shaquille O’Neal นักบาสสายแกร่งบิ๊กเบิ้มแห่งวงการที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งทีม Orlando Magic ในช่วงนั้นก็ได้รับบทนำในหนังเช่นกัน หากแต่หนังเรื่องนั้นกลับได้ผลลัพธ์ในขั้วตรงข้ามกับ Jordan อย่างสิ้นเชิง

Kazaam เป็นหนังตลกที่พล็อตเดียวกันกับ Aladdin แต่เปลี่ยนยุคสมัยให้ทันสมัยมากขึ้น โดย O’Neal รับบทเป็นยักษ์ที่ถูกขังอยู่ในเครื่องเล่น Boom Box ได้รับการปลดปล่อยจากเด็กน้อยอายุ 14 และมอบพรสุดวายป่วงให้กับเด็กน้อยคนนั้น ซึ่งเหตุผลในการเลือก O’Neal มารับบทยักษ์นอกจากความโด่งดังของเขาแล้วน่าจะมาจากชื่อ Shaquille Rashaun ที่เป็นภาษาอาหรับแปลว่า “นักรบน้อย” นั่นเอง แต่หนังกลับโดนสับแหลกว่าใช้ตัว O’Neal ได้อย่างไร้ซึ่งประสิทธิภาพมาก ๆ เอามาตลก 5 บาท 10 บาทไร้ราคา ทำให้หนังเจ๊งไม่เป็นท่า

ปีต่อมา O’Neal ขอแก้ตัวด้วยบทซูเปอร์ฮีโร่ในชุดเกราะเหล็กของ DC. Comic ในเรื่อง Steel ซึ่งรายรับและคำวิจารณ์เลวร้ายกว่าเรื่องก่อนหน้าเสียอีก จึงถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในการก้าวเท้าเข้าวงการภาพยนตร์ของพี่ยักษ์ไปเลย

ผลลัพธ์ แป๊กอย่างรุนแรง!!!

 

Wilt Chamberlain – Conan the Destroyer (1984)

สุดยอดแห่งตำนานผู้สร้างสถิติอันชวนตื่นตะลึง ไม่มีใครเกิน Wilt Chamberlain ที่สร้างสถิติด้วยการทำคะแนนได้ถึง 100 คะแนนในเกมเดียวเมื่อปี 1962 และจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิตินี้ลงได้ นอกจากความดังระดับจีเนียสในสนามแข่งแล้ว ชื่อเสียงทางด้านความฉาวก็มีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นการออกมาเปิดเผยว่าตัวเองเป็นคนเสพติดเซ็กซ์และเคยหลับนอนกับผู้หญิงร่วม 20,000 ราย !!! เขาจึงเป็นวายร้ายในโลกปาร์ตี้ที่หลายคนต่างยำเกรง (และอิจฉา)

และด้วยคาแรคเตอร์แบดบอยของเขานั่นเอง ก็ทำให้ก้าวเท้าเข้าวงการหนังด้วยการเป็นวายร้ายเสียเลย ในหนัง Conan the Destroyer ที่ต้องปะทะกับ Arnold Schwarzenegger แม้หนังจะไปรอดในตารางหนังทำเงินจนได้ทำภาคต่อ แต่คุณภาพหนังกลับสวนทาง โดยเฉพาะการแสดงของ Chamberlain ที่โดนสับเละไม่เหลือซาก

ผลลัพธ์ แป๊ก!!! ถือว่าเอานักบาสมาฆ่าชัด ๆ

 

Kareem Abdul-Jabbar – Airplane! (1980)

สำหรับ Kareem Abdul-Jabbar คือซูเปอร์สตาร์แห่งตำนาน LA. Lakers ที่มีท่วงท่า Sky-Hook อันลือลั่น และเป็นดาว NBA ที่ทำแต้มสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ ตลอดกาล

และด้วยท่า Sky-Hook ของเขานั่นเอง ก็ทำให้เขาได้เล่นหนังเกี่ยวกับท้องฟ้าเรื่อง Airplane! หนังตลกล้อเลียนหนัง Airport หนังหายนะบนเครื่องบินเรื่องดังต่างหาก โดย Abdul-Jabbar รับบทเป็นผู้ช่วยนักบินที่มีเด็กมาทักว่าหน้าตาของเขาเหมือนกับนักบาสคนดังแถมยังฟอร์มตกอีกด้วย จนเขารำคาญเลยขู่เด็กจนจ๋อยไปเลย

แม้ว่า Airplane! จะเป็นต้นธารของหนังล้อเลียนหนังดังสุดคลาสสิค แต่สำหรับ Kareem Abdul-Jabbar คงไม่ได้รู้สึกตลกไปด้วย แต่อย่างไรก็ดี ซีน ๆ นี้ก็คือเป็นซีนสุดฮาของหนังที่ Abdul-Jabbar กล้าแซะตัวเองเช่นกัน

ผลลัพธ์ – ถือว่าเสมอตัวแล้วกันนะ

 

Dennis Rodman – Double Team (1997)

อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ที่ฝีมือ, ชื่อเสียง และชื่อเสียตีคู่กันมาโดยตลอด ด้วยภาพลักษณ์แบดบอยแบบสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม เจาะสักเต็มตัวทั่วร่างกาย เรียกได้ว่าภาพลักษณ์ของเขาแทบจะบดบังฝีมือในการเล่นของเขาไปเลยในช่วงหนึ่ง ไม่นับรวมข่าวฉาวตั้งแต่คบกับ Madonna ในช่วงพีค ๆ ไปจนถึงเป็นเพื่อนซี้กับท่านผู้นำเกาหลีเหนือ ไม่มีใครที่ชีวิตจะครบสูตรเท่านี้อีกแล้ว

ซึ่งคาแรคเตอร์ของ Rodman ก็เหมาะมาก ๆ สำหรับการแสดงหนัง และเขาก็ได้แสดงหนังสมใจ แต่แทนที่จะเป็นหนังอินดี้สีสันจัดจ้าน บทบาทของเขากลับเป็นหนังแอ๊คชั่นที่กำกับโดยฉีเคอะซะอย่างงั้น

หนังที่ว่าก็คือ Double Team ที่อุตส่าห์อิมพอร์ตผู้กำกับมือดังอย่าง ฉีเคอะ มาจากเกาะฮ่องกง แต่หนังที่ Rodman แท๊กทีมกับ Jean-Claude Van Damme ก็ไม่ได้นำพาให้เป็นที่จดจำนัก แถมบทบาทการแสดงของ Rodman ยังล้นเกินงามจนคว้า 3 รางวัล Razzie Awards หนังยอดแย่ในปีนั้นไปซะด้วย เรียกได้ว่าเล่นเรื่องแรกก็เข้าตากรรมการไปเลย

ผลลัพธ์ – แป๊กแบบไม่เหลือซาก

 

Kyrie Irving – Uncle Drew (2018)

ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงไม่ใช่น้อย สำหรับ Kyrie Irving ที่สร้างชื่อใน NBA ในฐานะนัก Crossover หรือนักเลี้ยงหลบหลอกล่อคู่แข่งในตำนาน จนแบรนด์สินค้ามากมายต่างแห่จองตัวเพื่อชักชวนให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ มีหรือที่วงการหนังจะไม่สนใจ

แต่หนังเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเขากลับถูกบดบังด้วยเมคอัพหนาเตอะ และต้องแสดงเป็นลุงเนี่ยอะนะ ?

พล็อตหนังเล่าถึง Loser สุดเห่ยที่อยากเป็นนักบาสแต่โดนดูถูกดูแคลน แต่เพราะเขาได้ลุงดรูว์ นักบาสที่ถูกกลืนหายในตำนาน รวบรวมพลพรรคที่ส่วนใหญ่เป็นชายชราแต่ฝีไม้ลายมือในการเล่นยังแจ๋วอยู่มาร่วมทีม จนกลายเป็นการโชว์ฟอร์มเก๋าที่ทุกคนต้องทึ่ง

Kyrie Irving ต้องรับบทหนักในการแปลงโฉมตัวเองเป็นลุงแก่ ๆ แต่ยังมีไฟในการโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แถมการแสดงของเขายังได้รับคำชมว่าแม้จะเป็นการแสดงครั้งแรก แถมบทที่ได้รับก็สุดหิน แต่ Irving ก็สร้างความน่าเชื่อถือผ่านตัวละคร Uncle Drew ได้อย่างมีสีสัน

ผลลัพธ์ – ปังปุริเย่ รอคอยผลงานต่อไปอยู่นะ

Kevin Garnett – Uncut Gems (2019)

หนึ่งในผู้เล่นที่ฟอร์มการเล่นดุดันและสะใจ จนเป็นที่การันตีว่า หาก Kevin Garnett ปรากฏตัวบนสนามเมื่อไหร่ ยอดขายตั๋วในวันนั้นต้อง Sold Out อย่างแน่นอน จนทำให้เขาถูกขนานนามว่า The Big Ticket ที่ช่วยให้แต่ละสนามได้โกยเงินกันอย่างเป็นกอบเป็นกำ

ในขณะที่ฮอลลีวู้ด ต้องการนักบาสระดับซูเปอร์สตาร์มาเล่นหนังง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการแสดงมากมาย แต่สำหรับ Kevin Garnett แล้ว Uncut Gems ผลงานเรื่องแรกเขาก็ต้องรับบทดราม่าในคาแรคเตอร์นักบาสที่อยู่ในกราฟดิ่งของชีวิต และมุ่งหวังว่าอัญมณีที่ Adam Sandler มาหลอกขายนั้นจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและเปลี่ยนชีวิตของเขาให้ดีขึ้น มันจึงเป็นบทที่ฉีกจากนักบาสคนอื่น ๆ แม้ว่าหนังจะถูกกลืนกินไปกับบทบาทของ Sandler ตัวเอกของเรื่องที่พบเจอสถานการณ์สุดวุ่นวาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบทบาทของ Kevin Garnett นั้นเรียลอย่างมาก…ก็แหงล่ะ ก็เขาเล่นเป็นตัวเองอะนะ

ผลลัพธ์ – ปัง เพราะอยู่ในหนังดี

Ray Allen – He Got Game (1998)

จากฉายา สไนป์เปอร์แห่งวงการบาสเก็ตบอล ที่สร้างปาฏิหาริย์จากการชู๊ต 3 แต้ม ที่แม่นเหมือนจับวางของเขา ทำให้ Ray Allen กลายเป็นดาวเด่นแห่ง NBA ที่ฟอร์มเจ๋งแห่งยุค 90s-2000s

ส่วนบทบาทการแสดงของเขานั้นก็แจ๋วไม่แพ้กัน เมื่อเขาต้องประกบกับยอดฝีมืออย่าง Denzel Washington ในหนังดราม่าสุดเข้มข้น He Got Game เรื่องราวของพ่อขี้คุกที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อกล่อมให้ลูกชายเซ็นสัญญาในการร่วมทีมมหาวิทยาลัย ความห่างเหินที่ต้องผูกสัมพันธ์ในระยะเวลาอันสั้น มีเพียงบาสเก็ตบอลเท่านั้นที่จะเชื่อมพ่อลูกทั้งสองให้กลับมาคลิกกันดังเดิม

Ray Allen ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับนักบาสที่ต้องขยับมาเป็นนักแสดง ด้วยการฝากฝีมืออันเหนือชั้นและยอดเยี่ยมให้กับผู้ชมได้ตะลึงในบทบาทลูกชายที่ต้องเลี้ยงดูน้องสาวโดยลำพัง และสามารถขับเคี่ยวการแสดงกับยอดฝีมืออย่าง Denzel Washington อย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ จึงถือเป็นความมหัศจรรย์ที่น้อยครั้งนักจะได้เห็นจากนักแสดงที่ไม่ใช่มืออาชีพแบบนี้

ผลลัพธ์ – ยิ่งกว่าปัง เพราะได้เข้าชิงรางวัล MTV Movie Awards เสียด้วย

LeBron James – Space Jam: A New Legacy (2021)

ในพ.ศ.นี้ ไมมีใครโด่งดังและเป็นกระแสเท่ากับ LeBron James King of NBA ในกาลปัจจุบัน ที่ฉากชีวิตของเขาเป็นหนังดราม่าสุดรันทดจากเด็กที่ครอบครัวยากจน ค่อย ๆ ไต่เต้าสู้ชีวิตจนกลายเป็นมือหนึ่งแห่งโลก NBA โดยปัจจุบันสังกัดทีม LA. Lakers สร้างความสำเร็จให้ทีมในตำนานได้สัมผัสรสชาติแห่งชัยชนะได้อีกครั้ง

LeBron James เคยเล่นหนังเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ Trainwreck ในบทรับเชิญที่เล่นเป็นตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เป็นที่กล่าวขวัญถึงสักเท่าไหร่ แต่ชื่อของ LeBron James จะถูกกล่าวขานขึ้นอีกครั้งในหนังภาคต่อสุดฮิตนั่นก็คือ Space Jam: A New Legacy นั่นเอง

Space Jam: A New Legacy เล่าเรื่องราวของ LeBron กับลูกชายที่ติดอยู่ในโลกแห่งดิจิตอลจากน้ำมือของหุ่น A.I. แสนร้าย ทางเลือกเดียวที่จะให้เขาหลุดจากมิตินี้คือการรวบรวมทีมชาวแกีง Looney Tunes ร่วมแข่งบาสชิงชัยกับทีมหุ่นยนต์สุดแกร่งนี้ นอกจากความสนุกสุดวายป่วงจากการแข่งขันร่วมกันกับ Animation แบบ 3-D แล้ว ยังมีความซาบซึ้งจากดราม่าความผูกพันของพ่อกับลูกอีกด้วย

ความโดดเด่นของ Space Jam: A New Legacy อีกอย่างคือการเติมเต็มความทรงจำที่มีต่อหนังภาคแรกที่กลายเป็นตำนานแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วย Easter Egg ของตัวละครที่ทุกคนคุ้นตามากมายเป็นประวัติการณ์อีกด้วย ทั้ง King Kong / Harry Potter / Mad Max ไปจนถึงทัพฮีโร่จาก DC. Comic เรียกได้ว่าฟินตาแฉะกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว ส่วน LeBron James จะแป๊กหรือปัง ต้องพิสูจน์ด้วยสายตาคุณเองในโรงภาพยนตร์ที่กำลังจะเริ่มเปิดให้เราเข้าไปดูได้ในเดือนหน้า 1 ตุลาคมนี้แล้ว

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line