Entertainment

BEHIND THE SONGS: เบื้องหลัง ‘เพลงรักสาธารณะ’ ที่เป็นดั่งอนุสรณ์หัวใจของเหล่าศิลปิน

By: Synthkid February 6, 2020

เคยไหมครับ ฟังเพลงแล้วรู้สึกว่า “เพลงรักเพลงนี้ช่างตรงกับใจเราจริง ๆ” ถึงเรากับผู้แต่งจะไม่ได้รู้จักหรือมีความเกี่ยวข้องกันมาก่อน แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกัน ไม่แปลกที่บางครั้งเราจะรู้สึกราวกับมีประสบการณ์ความรักร่วมกับศิลปินอย่างไรอย่างนั้น

แต่ขอบเขตความสงสัยของมนุษย์มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอกครับ หากคุณเป็นคอเพลงคนหนึ่งที่ชอบแอบคิดว่า เบื้องหลังเพลงรักสาธารณะเหล่านี้ศิลปินเขาแต่งให้ใคร? หรือเพลงนี้ฟังแล้วโคตรเจ็บน้ำตาจะไหล คนแต่เขาโดนใครหักอกมา? วันนี้เราเลยจะหยิบบางเรื่องราวจากเพลงเหล่านั้น ที่เป็นดั่ง ‘อนุสรณ์ความรัก’ ของศิลปิน มาตีแผ่ให้ชาว UNLOCKMEN ฟัง

The Prettiest Star – David Bowie

จริงอยู่ที่ภรรยาของ David Bowie ผู้คงสถานะไว้จนวันสุดท้ายของชีวิตเขาคือคุณ Iman Abdulmajid นางแบบสาวผิวสีแถวหน้าของโลก แต่หากย้อนไปปี 1970 ผู้หญิงคนแรกที่ร็อกสตาร์แต่งงานด้วยคือ Angela Barnett หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อของ Angie Bowie ภรรยาผู้ให้กำเนิด Duncan Jones ลูกชายคนแรกของ Bowie ถึงแม้จะมีปัญหาระหองระแหงมากมายจนสุดท้ายต้องเลิกรากันไป แต่เพลง Prettiest Star ก็เป็นเพลงที่ Bowie เขียนขึ้นมาเพื่อภรรยาคนแรกของเขาจริง ๆ โดย Angie Bowie กล่าวว่า เขาโทรมาร้องเพลงนี้ผ่านทางโทรศัพท์ให้เธอฟัง (บางแหล่งข่าวก็บอกว่าเพื่อขอเธอแต่งงาน) ในตอนนั้น Angie กำลังพักอยู่ที่ประเทศ Cyprus กับครอบครัว 2 วันต่อมาเธอตัดสินใจบินกลับ London มาหาเขาทันที ซึ่งอันนี้ทาง Bowie ไม่เคยยืนยันนะครับ แต่เขาว่ามาแบบนี้

ช่วงแรกเพลงนี้ถูกตัดออกมาขายเป็นซิงเกิล แต่ยอดขายก็น่าผิดหวังสุด ๆ แม้จะมี Marc Bolan มาเล่นกีตาร์ให้ เพราะขายได้น้อยกว่า 800 ก๊อปปี้เสียอีก ต่อมาเขาได้ทำการปรับปรุงเพลงนี้ใหม่ เปลี่ยนคนเล่นกีตาร์เป็น Mick Ronson และนำ Prettiest Star มาบรรจุลงในอัลบั้ม Aladdin Sane แทน

ส่วนเพลง The Wedding/The Wedding Song จากอัลบั้ม Black Tie White Noise เดิมทีเป็นเพียงเพลงไม่มีเนื้อร้องที่ Bowie แต่งขึ้นมาเพื่อเล่นในงานแต่งงานปี 1992 ของเขากับ Iman ภรรยาคนที่สอง (นับเป็นคนปัจจุบัน) โดยในอัลบั้มจะมี The Wedding ซึ่งเป็น Instrumental แบบดั้งเดิมเปิดเป็นเพลงแรก และมี The Wedding Song ซึ่งเดวิดเขียนเนื้อร้องใส่เติมลงภายหลังเป็นเพลงสุดท้ายปิดอัลบั้มนั่นเอง


Animal Lover – Suede

รักมากก็ย่อมเจ็บมาก Animal Lover เป็นเพลงที่ Brett Anderson ฟรอนต์แมนวง Suede แต่งให้ Justine Frischmann แฟนเก่าผู้เป็นความรักครั้งฝังใจที่สุดของเขา เพราะเดิมทีวง Suede นั้น ก่อตั้งขึ้นมาจากความรักของคนทั้งสองคน แต่ไม่ทันที่วงจะไปถึงไหน ปี 1991 Justine ก็ตัดสินใจเลิกรากับ Brett และไปคบหากับ Damon Albarn ฟรอนต์แมนวง Blur เสียอย่างนั้น

ถึงแม้จะไม่มีการระบุแน่ชัด แต่แฟนเพลงหลายคนลงความเห็นว่า เพลง Animal Lover นี้ สื่อถึงเรื่องราวรักสามเศร้าในครั้งนั้น โดยเดาจาก “You’ll pierce your right ear” (นายกำลังจะเจาะหูข้างขวา) ซึ่ง Damon Albarn ในยุคนั้นเจาะหูข้างซ้ายไปแล้ว และท่อน “Cause around my neck and around her neck Hangs everything you are” (เพราะรอบคอของฉันและรอบคอของเธอ นายห้อยโหนไปหมดเสียทุกอย่าง) ก็น่าจะสื่อถึงการถูกแทรกกลางในความสัมพันธ์ เพลงนี้จึงกลายเป็นดั่งอนุสรณ์รักสามเศร้าของทั้งสามคนไปเสียอย่างนั้น


Tender – Blur

ใช่ว่า Brett Anderson จะเจ็บอยู่ฝ่ายเดียว ภายหลังเมื่อ Justine Frischmann มาคบหากับ Damon Albarn เธอก็จัดการตั้งวงร็อกของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า Elastica และเมื่อวงเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ชะตากรรมก็ลงอีหรอบเดิมของคู่นักร้อง ความรักของทั้งคู่ไปไม่รอด จนเกิดเป็นเพลงเศร้า ๆ ในอัลบั้ม 13 ของ Blur อย่าง Tender ที่เกี่ยวกับความโหยหาที่มีต่อความรัก, ความอ่อนโยน และการพยายามข้ามผ่านคืนวันอันโหดร้าย

นอกจากนั้นก็ยังมีเพลง No Distance Left To Run ที่เกี่ยวกับการเลิกราระหว่างเขากับเธอโดยตรง แต่ในเพลงนี้จะมีการอ้างอิงไปถึงยาเสพติดที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เช่นในท่อน “I won’t kill myself trying to stay in your life” (ผมไม่อยากจะฆ่าตัวเอง เพื่อได้อยู่ในชีวิตของคุณ) นอกจากนั้น Damon Albarn ยังออกมายอมรับว่าเพลงฮิตอย่าง Beetlebum (อัลบั้ม Blur 1997) ก็ถูกแต่งมาจากประสบการณ์เสพยาร่วมกันของเขากับ Justine ในอดีต

เราจะเห็นได้เลยว่า นอกจากเพลงฟังสนุกสนาน และเพลงล้ำ ๆ ฟังยาก Damon Albarn เองก็สามารถแตะความเศร้าเบื้องลึกในจิตใจ และถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงที่ยอดเยี่ยมได้เช่นกัน อย่างน้อยประสบการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นก็กลายเป็นสุดยอดผลงานที่คนทั่วโลกให้การยอมรับในท้ายที่สุด


True Love Waits – Radiohead

เป็นที่ประจักษ์กันว่า True Love Waits เป็นหนึ่งในเพลงที่เศร้ามาก ๆ ของ Radiohead ที่มาที่ไปของมันก็เศร้าไม่แพ้กัน เพราะอันที่จริงเสด็จพ่อ Thom Yorke ได้เขียนเพลงนี้ไว้นานแล้วและตั้งใจจะนำไปใส่ลงในอัลบั้ม OK Computer ซึ่งเวอร์ชันออริจินัลของมันมีความสดใสมากกว่านี้ จึงไม่เหมาะจะนำลงอัลบั้มไหนเลย แต่วงก็มักจะหยิบมาเล่นสดในเวอร์ชั่นอะคูสติกอยู่บ่อย ๆ จนกลายเป็นเพลงโปรดของแฟน ๆ แม้ไม่ได้ปล่อยอย่างเป็นทางการ

ต่อมาในปี 2015 Thom Yorke ได้เลิกรากับ Rachel Owen ภรรยาที่ครองคู่กับเขามายาวนานกว่า 23 ปี เขาจึงตัดสินใจหยิบเพลงนี้มาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง พร้อมเปลี่ยนทำนองให้เศร้ากว่าเดิม และนำ True Love Waits เวอร์ชันใหม่นี้ ไปบรรจุลงในอัลบั้ม A Moon Shaped Pool แต่แล้วเรื่องราวกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเก่า เมื่อ Rachel Owen ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในเดือนธันวาคม ปี 2016 เพลงนี้จึงเป็นดั่งอนุสรณ์สุดท้ายที่ Thom ได้มอบให้ Rachel ก่อนเธอจะจากโลกใบนี้ไปนั่นเอง


Lovesong – The Cure

ดนตรี Gothic Rock ลึกลับก็ไม่ทำให้ Lovesong ของ The Cure โรแมนติกน้อยลงเลยสักนิด เพลงนี้ตัว Robert Smith ฟรอนต์แมนของวงเขาเป็นคนออกมาพูดเองว่าแต่งให้ Mary ภรรยาของเขา ซึ่งก็มีหลายเพลงทีเดียวที่เขาแต่งเอาไว้สำหรับวันแต่งงานและพยายามนำลงอัลบั้ม ในทีแรกเขาแอบคิดว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงที่อ่อนที่สุดด้วยซ้ำในบรรดาเพลงทั้งหมด แต่ปรากฏว่าขึ้นเป็นอันดับ 2 ในอเมริกาเลยทีเดียว

“Whenever I’m alone with you You make me feel like I am young again” (เมื่อใดที่ผมอยู่กับคุณ คุณทำให้ผมรู้สึกราวกับเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง) วาเลนไทน์นี้ใครยังไม่มีเพลงให้แฟน เอาไปใช้ได้เลยนะครับ


Songbird – Oasis

Songbird ไม่ใช่แค่เพลงรักธรรมดา แต่เป็นซิงเกิลแรกของ Oasis ที่ถูกเขียนโดย Liam Gallagher โดย Liam ได้เผยว่าเขาเขียนเพลงนี้ตอนอยู่ที่ฝรั่งเศส เขาพกกีตาร์อะคูสติกไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ ก่อนจะเริ่มฮัมทำนองเพลงนี้ออกมา (แถมยังบอกว่าใช้เวลาแต่งแค่ 10 นาทีเท่านั้น) ซึ่งท่อน “She’s Not Anyone” คือการสื่อถึง Nicole Appleton คนรักของเขาในตอนนั้น ว่าเธอไม่ใช่แค่หญิงสาวที่ผ่านมาและผ่านไป แต่มีความหมายต่อเขา ทั้งคู่เริ่มต้นความสัมพันธ์ตั้งแต่ปี 2000 แต่งงานกันในปี 2008 ก่อนจะหย่าร้างในปี 2014


Arabella – Arctic Monkeys

Arabella คือเพลงชมโฉมสาวงามที่ดังกระฉ่อนไปทั่วบ้านทั่วเมือง จนหลายคนต้องไปตามหาว่า ‘Arabella’ คือใคร ซึ่งก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเพลงนี้ฟรอนต์แมน Alex Turner เขียนให้ Arielle Vandenberg แฟน​ (เก่า) ของเขา โดยเอามาผสมกับ Barbarella ตัวละครจากหนังไซไฟที่เขาชื่นชอบ

แต่ด้วยความเป็นนักรัก/นักกวีของหนุ่ม Alex ยังมีอีกหลายเพลงของ Arctic Monkeys ทีเดียวที่เขาแต่งให้สาวคนนั้นคนนี้ เช่น She’s Thunderstorm ก็เป็นเพลงที่เขาแต่งสมัยเช่าอพาร์ทเมนต์ในนิวยอร์กอยู่กับ Alexa Chung แฟนสาวแฟชั่นดีไซเนอร์ของเขา หรือจะ Sweet Dreams, TN ของ The Last Shadow Puppets ที่แต่งให้ Taylor Bagley แฟนสาวที่เลิกรากันไปเมื่อปี 2018 แต่ละเพลงก็ดูหลงหัวปักหัวปำคะมำพื้น อาจจะจริงที่ใคร ๆ ก็มีอนุสรณ์ แต่ผู้ชายคนนี้อนุสรณ์ความรักเขาออกจะเยอะนิดนึงนะครับ ซึ่งก็นับเป็นเรื่องดี ๆ นะครับ เพราะเรามีเพลงเพราะ ๆ ให้ฟังเพียบเลย

คนธรรมดาอย่างเราให้มานั่งฟังเพลงที่แฟนเก่าเคยให้ยังฝืนใจไม่ใช่น้อย แต่ศิลปินเหล่านี้ทั้งแต่งเอง แถมยังต้องนำมาร้องโชว์ซ้ำ ๆ ไม่รู้ว่าจิตใจทำด้วยอะไร แต่ก็ช่วยไม่ได้นะครับเพราะมันเป็นอาชีพเขา

ว่าแต่คอเพลง UNLOCKMEN ล่ะครับ มีเพลงอะไรบ้างที่เป็นดั่ง ‘อนุสรณ์ความรัก’ ของตัวเอง?

 

 


Source: 1 / 2 / 3  / 4 / 5 / 6 /

Synthkid
WRITER: Synthkid
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line