Entertainment

อยากทำต้องกล้าเสี่ยง ‘BEN AFFLECK’ ผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เพื่อก้าวข้ามสิ่งที่ผลักเขาล้มลง

By: unlockmen February 12, 2019

ไม่ว่าคุณจะคุ้นเคยกับ Ben Affleck ในบทบาท Batman, ตัวแสบจาก Armageddon หรือมันสมองของเรื่องจาก Argo ทั้งหมดนั้นล้วนคือผลงานที่ผ่านมาจากความสามารถของเขา ที่กล้าเสี่ยงลงมือรับหน้าที่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มาทำความรู้จักกับพ่อหนุ่มหน้านิ่งคนนี้ให้มากขึ้น เพราะชีวิตเขาแม่งโลดโผนกว่าที่พวกเราคิดไว้มากเหมือนกัน

เพราะรู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร

นักแสดงสัญชาติอเมริกันที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทั้งในบทบาทนักแสดงและผู้กำกับ แม้จะมีบ้านเกิดอยู่ที่ California แต่เขามาเติบโตที่รัฐติดทะเลอย่าง Massachusetts เขาเติบโตมาในครอบครัวธรรมดา มีพ่อแม่ทำอาชีพธรรมดาเหมือนชนชั้นกลางทั่วไป โดยมีเพื่อนซี้สายเลือดเดียวกันอย่าง Casey Affleck น้องชายที่อายุน้อยกว่าเขา 3 ปี ซึ่งเป็นนักแสดงเช่นเดียวกัน

ชีวิตของบางคน อาจต้องใช้เวลาตกตะกอน ตัดสินใจ ในการเลือกทางเดินให้กับตัวเอง แต่ไม่ใช่สำหรับ Ben Affleck เขารู้ตัวมาตั้งแต่จำความได้ว่าต้องการเป็นนักแสดง และเขาก็ลงมือทำมันอย่างไม่ต้องรั้งรออะไร งานแสดงแรกของเขาเป็นโฆษณา Burger King หลังจากนั้นก็เป็นตัวประกอบในละครทีวีเรื่อยมา อย่าง The Voyage of the Mimi (1984) และนั่นคือช่วงเวลาเดียวกันที่เขาพบกับเพื่อนรักตลอดกาลอย่าง Matt Damon ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ รุดหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขามีกิจกรรมร่วมกันทั้งกีฬาและคลาสการแสดง 

ผลงานของเขาเรียกว่ารุ่งโรจน์ตั้งแต่สมัยยังวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ แม้จะไม่ได้ดังพลุแตก แต่งานแสดงมีมาเรื่อย ๆ เพราะ ไม่ใช่แค่รักในการแสดงเท่านั้น เขายังมีความชื่นชอบที่จะฝังตัวอยู่ในวงการภาพยนตร์ จึงไม่แปลกใจเลยที่เขามักจะลองทำทุกอย่างใน Process ของภาพยนตร์สักเรื่อง และภาพยนตร์ที่แจ้งเกิดเขาในวงการจอเงินจริง ๆ ก็คงจะเป็น Dazed and Confused (1993) 

หลังจากนั้นก็จะเป็นภาพยนตร์อินดี้เสียส่วนใหญ่และหนึ่งในนั้นคือ Chasing Amy (1997) ที่ได้มีโอกาสไปร่วมในงาน Sundance film festival ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเขาเองยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ เขาต้องการอะไรที่ท้าทายมากกว่านี้ สั่นสะเทือนวงการมากกว่าเป็นนักแสดงตัวเล็ก ๆ อย่างในตอนนี้ 

อยากทำต้องกล้าเสี่ยง

แม้ในตอนนั้นเขาจะอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ร่วมกับน้องชายและเพื่อนซี้อย่าง Matt พวกเขาเหน็ดเหนื่อย พวกเขาท้อ กับการถูกปฏิเสธบทเจ๋ง ๆ ในหนังฟอร์มใหญ่ แต่เพราะพวกเขายังมีเลือดเนื้อ มีความรู้สีก และยังมีความหวังเป็นอาวุธลับอยู่ด้วยเช่นกัน ทั้ง Matt และ Ben ซึ่งตกอยู่ในที่นั่งเดียวกัน เลยตัดสินใจไม่นั่งรอให้ความสำเร็จวิ่งเข้าหา เขาลงมือเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมาหนึ่งเรื่องและเรื่องนั้นคือ Good Will Hunting (1997) ในตำนานนั่นเอง 

พวกเขาเสนอมันให้กับ Patrick Whitesell ผู้นำบทภาพยนตร์ของพวกเขาไปเสนอให้กับ Hollywood Studios อีกทีหนึ่ง ข่าวดีคือ บทภาพยนตร์จาก Good Will Hunting ก็ถูกขายให้กับ Castle Rock แต่ข่าวร้ายคือเขาไม่ยอมให้ Ben และ Matt เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิต Kevin Smith จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเขา บทเรื่องนี้จึงย้ายไปให้ค่าย Miramax แทน และค่ายนี้ก็ยอมให้ทั้งคู่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างที่พวกเขาต้องการอีกด้วย 

เมื่อ Good Will Hunting ออกฉาย มันเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างที่พวกเขาตั้งใจไว้จริง ๆ นักแสดงโนเนมกลายเป็นที่รู้จัก ตัวภาพยนตร์เอง เข้าชิงรางวัล Academy Awards ถึง 9 สาขาและกวาดไปรางวัลกลับบ้านไป หนึ่งในนั้นคือรางวัล Best Original Screenplay ซึ่งแน่นอน ความดีความชอบตกอยู่ที่คู่ซี้ Ben และ Matt มันจึงเป็นเหมือนเหตุการณ์สำคัญสำหรับพวกเขาที่เอาชนะทุกอย่างที่เคยผลักเขาล้มลง และเป็นการก้าวออกจากจุดเดิม ๆ อย่างที่เขาตั้งใจ

หลังจากนั้นเราก็คุ้นหน้าคุ้นตาเขาในหนัง Blockbusters อีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Armageddon (1998), Shakespeare in Love (1998) และ Pearl Harbor (2001) กับรายชื่อภาพยนตร์ที่ยาวเป็นหางว่าว หลังจากช่วงพีคของการแสดง ปี 2007 เขาเริ่มหันเหมาที่งานเบื้องหลังอย่างการกำกับและเขียนบทแทน ด้วยภาพยนตร์ Thriller น้ำดีอย่าง Gone Baby Gone (2007) ที่เขากล้าเสี่ยงรับหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับด้วยตัวเอง (นำแสดงโดยน้องชายแท้ ๆ ของเขานั่นแหละ) และแน่นอนว่ากระแสตอบรับออกมาถล่มทลายมากกว่าที่เขาคาดคิดไว้เหมือนกัน แค่สองตำแหน่งเบื้องหลังนั้นยังท้าทายไม่พอ ทีนี้เขาควบสามตำแหน่งทั้งกำกับ ร่วมเขียนบท และแสดงเองในเรื่อง The Town (2010) ตามมาด้วย Political Thriller สุดระทึกที่เขานั่งแท่นกำกับและแสดงเองอย่าง Argo (2012) เรื่องนี้เองที่ทำให้เขากวาดรางวัลนับไม่ถ้วนจากหลายเวทีกลับบ้านไปนอนกอดอย่างภาคภูมิ

แม้เราจะเล่าแต่เรื่องราวด้านจริงจัง ฝ่าฟันอุปสรรคของเขา อาจจะคิดว่าเขาเป็นหนุ่มมาดนิ่ง ชีวิตมีแต่งาน ในอีกมุมของเขา เขาเป็นเซียนพนันที่หัวไวจนสามารถคว้าแชมป์ California State Poker Championship เมื่อปี 2004 มาได้ พร้อมกับเงินรางวัล $356,400 คิดเป็นไทยราว ๆ 11 ล้านบาท (เอาจริง ๆ ก็ไม่แปลกใจกับมันสมองอัจฉริยะของเขาสักเท่าไหร่) นอกจากการพนันที่เข้าเส้นแล้ว เขายังเคยติดแอลกอฮอล์จนต้องเข้ารับการบำบัดอีกด้วย

รวม ๆ แล้วเขาเองก็คือผู้ชายคนหนึ่งที่ชีวิตไม่ได้สวยหรู ปูทางด้วยกลีบกุหลาบ เขาติดเหล้า ติดพนัน หย่ากับเมีย แต่อีกด้านหนึ่งเขาคือคนที่ไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่ตัวเองรัก เริ่มต้นจากเขียนบทกับเพื่อนในอพาร์ตเมนต์ จนก้าวขึ้นมารับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ที่ตัวเองกำกับ เพราะเชื่อว่าตัวเองทำได้และเขาก็ทำมันจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

SOURCE

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line