Life

“เติ้ล Buffet” คนธรรมดา… ที่พิเศษเพราะความธรรมดา!!

By: unlockmen May 31, 2023

ในสังคมยุคปัจจุบันที่เราได้เห็นชีวิตสวยหรูใน Instagram ได้เห็นความสำเร็จแบบอายุน้อยร้อยล้านใน YouTube ทำให้ใครหลาย ๆ คนอยากจะเป็นคนพิเศษแบบนั้นบ้าง เพราะมนุษย์เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ต้องการการยอมรับ อยากให้คนอื่นมองเราในทางบวก ซึ่งความต้องการเหล่านี้นั้นอาจทำให้เราสร้างตัวตนที่ดีที่สุดออกมาให้คนอื่นรู้จักแทน เนื่องจากตัวตนที่แท้จริงของเราอาจไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม จนบางครั้งเราลืมไปว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตเราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า ความสุข ความสงบ มีชีวิตที่เรียบง่ายก็เท่านั้นเอง

วันนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปเปิดมุมมองของ “เติ้ล Buffet” คนพิเศษ(คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายตลก) ผู้มีความสามารถในการ Improvise มุก ที่นิยามตัวเองว่า “ผมเป็นคนธรรมดาทั่วไป” ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนพิเศษในสายตาคนอื่น แต่ตัวของเขาเองกลับไม่เคยมองว่าตัวเองพิเศษเลย ทั้งยังใช้ชีวิตแบบธรรมดาของเขา ได้อย่างมีความสุข และเป็นตัวเองแบบสุด ๆ ด้วย 

ไปหาคำตอบกันว่าอะไรที่ทำให้เขามองว่าตัวเองเป็นคนธรรมดา ความธรรมดาที่ว่านั้นของเขามันเป็นอย่างไร เชื่อว่าบทชีวิตของคนธรรมดาที่พิเศษคนนี้ จะทำให้ใครหลาย ๆ คน ได้เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตแบบธรรมดาให้พิเศษ และมีความสุขได้อย่างแน่นอน


คนธรรมดาที่เคยเป็นเด็กเกเร 

ก่อนอื่นเราอยากพาทุกคนไปทำความรู้จักเติ้ล และที่มาที่ไปที่ทำให้เขามาอยู่ในวงการตลกจนถึงทุกวันนี้ 

“เติ้ล Buffet” ที่เรารู้จักนั้นเขาเคยเป็นเด็กเกเรจนโดนไล่ออกจากโรงเรียนอัสสัมฯ มาก่อน เขาจึงเรียนกศน. ก่อนที่จะมาเอ็นท์เข้าคณะนิเทศฯ ม.กรุงเทพ ด้วยความชอบไวป์ในกองถ่ายหนังรักแห่งสยามที่เขาเคยเล่น ชอบการทำงานเป็นทีมในกองถ่าย และด้วยความที่ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าเรียนจบมาจะเป็นอะไร เขาจึงเลือกเรียนสาขาฟิล์ม ด้วยความคิดที่ว่าเรียนยาก ๆ เอาไว้ก่อน จะได้อยากเป็นอะไรก็ได้ ทำโฆษณาก็ได้ ทำหนังก็ได้ ทำรายการก็ได้ ทำซีรี่ย์ก็ได้ จนกลายมาเป็นหนึ่งใน Buffet Channel ทุกวันนี้ แต่ที่มาที่ไปในการมาทำ Buffet Channel นั้นอาจจะไม่ใช่แบบที่หลายคนคิด

“ตอนนั้นผมตกงาน ลาออกจากงานที่เก่า แล้วผมก็มาแจม ๆ จอย ๆ เหมือนออฟฟิศเพื่อนน่ะ จอยไปจอยมาตอนนั้น YouTube ก็บูมขึ้นมา อาชีพ YouTuber มันสร้างรายได้ได้ เราก็ทำเพื่อเลี้ยงชีพ ทำไปทำมาก็ดันประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เราก็เลยทำมาเรื่อย ๆ เพื่อเป็นเงินเลี้ยงชีวิตไป และการได้อยู่กับเพื่อนมันก็เอ็นจอยดี”


คนธรรมดาที่ต้องทำงานเพื่อหาเงิน 

ภาพในจอที่เราคุ้นตาของ “เติ้ล Buffet” กับบทบาทการเป็น YouTuber สายฮาที่ทำคอนเทนต์ตลกกับแก๊งเพื่อนใน Buffet Channel  อาจจะทำให้หลายคนคิดว่าเขาคงสนุก และมีความสุขกับมันมาก ๆ แต่คำตอบที่เราได้รับมันไม่ใช่แบบนั้น

“ถามว่าชอบไหมจริง ๆ ผมไม่ได้ชอบขนาดนั้นนะ ผมแค่ทำมันได้ ทำแล้วมันได้เงิน และมันไม่ได้ลำบากอะไร”

นี่คือความธรรมดาอย่างแรกของเติ้ลที่เขาอยากเล่าให้ทุกคนฟังว่า เขาก็เป็นคนธรรมดาอีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับอีกหลาย ๆ คนที่ต้องทำงานเพื่อหาเงิน และเป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบงานที่ทำอยู่ขนาดนั้น เติ้ลบอกกับเราว่า เขาทำอาชีพตลกเพื่อเลี้ยงชีพไม่ให้อดตาย และมีความคิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องทำแค่สิ่งที่ชอบ เขามองว่าสิ่งที่ชอบนั้น ค่อยทำตอนรวยแล้ว หรือทำเป็นงานอดิเรกไปก่อนก็ได้ แล้วถ้ามันสร้างเงินได้เมื่อไหร่ เราค่อยโยกย้ายไปทำมัน

แล้วจริง ๆ เติ้ลชอบทำอะไร?

“ความสุขในชีวิตที่เป็นอาชีพ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันนะ สิ่งที่ผมอาจจะเอ็นจอยกับมันก็ได้แต่ผมยังไม่เคยลอง คือการเขียน แต่จริง ๆ ผมไม่สนุกกับการเขียน ผมสนุกกับการคิดเฉย ๆ ผมไม่ใช่คนเอ็นจอยกับการลงมือทำอะไรเสียเท่าไหร่ แต่จะเอ็นจอยกับการคิดอยู่ในหัวมากกว่า”


คนธรรมดาที่ชอบจมอยู่กับความคิด

เวลาว่างของเติ้ลนั้นเหมือนกับหลาย ๆ คนตรงที่เขาชอบใช้เวลาไปกับการเล่นเกม อ่านการ์ตูน ฟังเพลง ดูหนัง แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคนทั่วไปคือ เขาชอบจมอยู่กับความคิดแบบจัด ๆ ชอบอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของตัวเอง ของเกมที่เล่น การ์ตูนที่อ่าน เพลงที่ฟัง หนังที่ดู

“จริง ๆ สิ่งที่ผมทำแล้วเอ็นจอย และทำบ่อย ๆ คือผมเป็นคนที่ชอบจมอยู่ในความคิดตัวเอง แบบฟุ้ง ๆ เรื่องในหัว เป็น Situation เป็นหนัง เป็นโลกใบหนึ่ง จักรวาลใบหนึ่ง ผมชอบจมอยู่ในความคิดตัวเองแบบนั้น เป็นสิ่งที่ว่าง ๆ แล้วผมเผลอทำ มันจะเป็นแบบนี้จะทำไปเองประมาณนั้น”

“ผมประมวลแล้วไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ฟังเพลง ดูหนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะผมชอบจมอยู่กับจินตนาการ มันก็เลยไปชอบอะไรพวกนี้ อย่างฟังเพลงมันก็จะเห็นเป็นภาพ เป็นเรื่องราวของมัน เวลาเล่นเกมผมก็จินตนาการ สร้างเรื่องราวของตัวละครในเกมที่ผมเล่นขึ้นมา อ่านหนังสือการ์ตูน ดูหนัง ผมก็จะจมอยู่ในจักรวาลของมัน และเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาไม่ใช่ตัวละครในหนังที่เขามีอยู่แล้ว ผมเอ็นจอยที่ได้จมอยู่กับความคิดก็เลยนั่งนิ่ง ๆ คิดเรื่อย ๆ กลายเป็นนั่งคิดไปเรื่อย ๆ และจมอยู่กับมัน”

ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ ที่เป็นเหมือนความสามารถพิเศษของเติ้ล ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นนักเขียนที่ชื่อเติ้ล ที่คงจะไม่ได้มาเขียนเรื่องตลกให้เราอ่าน แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกอีกใบที่อยู่ในหัวของเขา เริ่มอยากอ่านแล้วเหมือนกันนะ

แต่สิ่งที่เราอยากรู้ตอนนี้คือ สกิลในการเล่นมุกของเติ้ล ว่าเขาคิดมันขึ้นมายังไง มันมาจากจินตนาการของเขาเช่นเดียวกันหรือเปล่า เขาจะมีอะไรมาเซอร์ไพร์สเราอีกหรือไม่ไปอ่านกัน


คนธรรมดาที่เล่นมุกธรรมชาติ

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเบื้องหน้าของ “เติ้ล Buffet” ตลกที่มีความสามารถในการเล่นมุกสุดแพรวพราวราวกับเป็นพรสวรรค์ มีความสามารถในการ Improvise ระดับเทพ ที่มักจะฮากระจายทุกมุกนั้น เบื้องหลังเป็นอย่างไร เติ้ลบอกกับเราว่า มันคือตัวเขาเองในเวอร์ชั่นที่ครีเอตขึ้นมา

“ธรรมชาติของผมไปจับกับอาชีพนี้มันเลยออกมาเป็นอย่างนี้”

ธรรมชาติ คือคำที่ใช้อธิบายการเล่นมุกของเติ้ลได้ดีมาก ๆ เพราะสิ่งที่เราเห็นไม่ว่าจะในช่อง Buffet หรือ หกฉากครับจารย์ เขาเรียกมันว่าความเคยชิน ใน Buffet การเล่นมุกของเขาคือการเค้น เค้นพลังให้คึกคักกว่าปกติ เพื่อให้ได้มุกเยอะ ๆ แต่ทุกอย่างคือเติ้ล คือธรรมชาติของเติ้ล เช่นเดียวกับหกฉากครับจารย์ เขาบอกว่ามันคือการตีความบทในแบบของเขา แต่ก็เล่นเป็นตัวเองอีกนั่นแหละ ด้วยความที่บทถูกเขียนขึ้นมาให้เป็นเติ้ล

“มันคือธรรมชาติของผม ตั้งแต่เกิดมาผมเป็นคนเรียนรู้เร็ว แล้วพอต้องมาทำอาชีพนี้มันต้องเรียนรู้เร็ว ผมก็เรียนรู้ได้เลย และ Adapt มาเรื่อย ๆ ความตลกของผมก็คิดว่าเพราะผมเรียนรู้เร็วนี่แหละ เหมือนผมเห็นแล้วจำได้ว่าอันนี้มันตลก แล้วในหัวมันก็ประมวลเลยว่ามันมีโครงสร้างประมาณไหน คือไม่ใช่กับเรื่องตลกอย่างเดียวนะ กับเรื่องอื่น ๆ ด้วย ผมก็เรียนรู้เร็วถ้าจะต้องเรียนรู้อะไร แต่ก็ลืมเร็วเหมือนกัน”

“ผมไม่ได้ไปนั่ง Research จริงจังแต่ว่าธรรมชาติของผมมัน Research จากสิ่งรอบ ๆ ตัวเองโดยอัตโนมัติ ผมว่าทุกคนก็เป็นอย่างนั้นนะ ถ้าเราสังเกตตัวเองดี ๆ บางเรื่องมันไม่ได้ลิงก์กับอาชีพเราเลย แต่เราดันรู้สึกว่าเราได้อะไรจากเรื่องนี้ ทั้งที่เราไม่ได้ไปเค้น Research มัน เพราะว่าจิตใต้สำนึกเรารู้อยู่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญในชีวิตเรา มันก็เลยซึมเข้ามาเอง”

หลายคนคงเคยได้ดูมุกสุดฮา ในทำมาหาแดก ที่เติ้ลหยิบเครื่องปรุงมาใส่ทั้งขวด เติ้ลเล่าถึงกระบวนการเดียวกันให้เราเห็นภาพว่า เขา Adapt มันมาจากสิ่งที่เคยเห็นมาเหมือนกัน ซึ่งตอนเล่นมันก็ออกมาเอง โดยเขาประมวลในหัวแบบเร็ว ๆ ว่าแบบนี้น่าจะตลก ถ้าจังหวะที่คนพูดกันอยู่แล้วเติ้ลทำเป็นเหม่อ ๆ หยิบเครื่องปรุงใส่ไปทั้งขวดเลยมันน่าจะฮา เขาก็เลยลองเสี่ยงดูว่ามันได้ไหม แล้วมันก็ได้จริง ๆ 


คนธรรมดาที่บอกกับเราว่าเขาไม่ใช่คนตลก!

มาต่อกันที่เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ ที่เติ้ลบอกกับเราว่า เขาไม่ใช่คนตลก จากความธรรมชาติในการเล่นมุกของเติ้ล ก็ดูเหมือนเขาจะเป็นคนตลกโดย DNA นะ และหลาย ๆ คนก็คิดว่าตัวจริงของเติ้ลกับในจอน่าจะตลกเหมือนกัน แต่ตัวของเขาเองบอกกับเราว่า ตัวตนความตลกของเขาที่เราเห็นในจอนั้น มันคือตัวเขาในเวอร์ชันที่อยู่กับเพื่อนที่มันสนุกสนาน แต่เวลาอยู่คนเดียว อยู่กับครอบครัว หรือในโมเมนต์ที่มันไม่ตลก เขาก็เป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่ง

“อย่างในบุฟเฟต์จริง ๆ มันก็มีสคริปต์ด้วย มันก็เป็นคาแรกเตอร์ผมแหละครับ แต่กับเพื่อนมันสนิทกัน ผมถึงสามารถตลกแบบนั้นได้ บางทีผมไปข้างนอกแล้วมีคนบอกให้ผมเล่นมุกหน่อย ผมก็นึกไม่ออกนะ มาขอถ่ายรูปแล้วให้เล่นมุกผมนึกไม่ออก จริง ๆ แล้วผมไม่ได้สามารถผลิตคอนเทนต์ได้ขนาดนั้นในชีวิตประจำวัน ถ้ามันไม่มีสคริปต์มาช่วยด้วย”

“ถ้าอยู่ ๆ ใครให้ผมไปเล่นตลกฟรี ๆ ผมแม่งโคตรอึดอัดเลยนะ มันต้องทำงานเหนื่อย ต้องเค้นน่ะ แล้วถ้าไม่ตลกกลายเป็นกูโดนด่าอีก ผิดหวังในตัวกูอีกทั้งคนดูทั้งคนจ้าง”

หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าเบื้องหลังสคริปต์ที่เติ้ลเล่านั้น จะเป็นอย่างไรพวกเขาต้องเตรียมตัวยังไงบ้างไปฟังกัน

“สคริปต์บุฟเฟต์ก็วาง Sequence ด้วยและมี Dialogue พูดบ้าง เราก็จำเป็นหัวข้อแล้วมาไหล ๆ เลย คือแค่เอ็นจอยมันก็สนุกแล้ว เพราะมันทำกันหลายส่วน การตัดต่อก็ช่วย Sound ก็ช่วยทำออกมาให้มันสนุก” 

“สำหรับผมการเตรียมตัวไม่ได้คิดมาจากบ้านนะ การเค้นของผมคือการเค้นความคึกขึ้นมา แต่การเตรียมตัวเตรียมมุขก็ไม่ได้เตรียมอะไรขนาดนั้น เพราะมันเป็นบรรยากาศที่อยู่กับเพื่อนอยู่แล้ว แค่เค้นจังหวะที่มันคึก และสนุกออกมา”

“มันคือการ Brainstorm ตอนวางไทม์ไลน์ ตอนบริหารภาพรวมมากกว่า เช่น อาทิตย์หนึ่งถ่ายกี่คลิป ใช้เวลาตัดกี่วัน ต้องเตรียมของเตรียมอะไร แต่พอมาถึงหน้างานจริง ๆ มันจะไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น เพราะเราไปซีเรียสตอน Pre-production มาแล้วก่อนหน้านั้น”

นี่อาจจะเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของ Buffet Channel ที่ทำให้คลิปในช่องของเขา ดูสนุกไปหมดไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร แท้จริงแล้วมันมีทีม มันถูกวางแผนมา และเบื้องหลังนั้นมันไม่ได้ง่าย หรือดูตลกไปหมด แบบที่หลายคนคิด


คนธรรมดาที่ชอบแต่งเพลง

อีกด้านหนึ่งของเติ้ลที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือ เขามีความสามารถในการแต่งเพลง และไม่ได้แต่งแค่เพลงตลกฮา ๆ แบบที่เราเห็นใน Buffet ความชอบในการแต่งเพลงของเติ้ลนั้นเขาบอกว่ามันคือการแก้เครียด และเป็นเวลาที่เขาจะได้จมอยู่กับความคิดตัวเอง

“มันเหมือนเราชอบเล่นเกม เล่นกีฬา แต่เกมกับกีฬาของผมคืออันนี้” 

“อย่างที่ผมบอกผมชอบจมอยู่กับความคิด การแต่งเพลงมันก็เป็นหนึ่งในนั้น มันง่ายดีเพราะว่ามันก็แค่มีเครื่องดนตรีสักชิ้น เดี๋ยวนี้ยิ่งง่าย มี Auto Chord ด้วยซ้ำแล้วก็จมไปกับมัน ไวป์แบบไหนที่อยู่ในหัวเรา หลับตาแล้วเห็นภาพอะไร เป็นเพลงยังไง แต่งเล่น ๆ ให้มันได้จมกับความคิดตอนนั้นเล่น ๆ แล้วปล่อยมันไป มันก็แก้เครียดได้ดี”

อย่างเพลง “น้ำตาคาเบ้า” มี inspiration มาจากอะไร?

“ตอนนั้นผมอยากแต่งเพลงแกล้งเจแปนมัน ผมว่าเพลงเข้ากับมันน่ะ ก็แต่งมั่ว ๆ ขึ้นมา Inspired มันแค่นี้เอง แค่อยากแกล้งเพื่อน ดูหน้ามันเข้ากับ MV เพลงนี้ แล้วให้เจแปนลองทำหน้าซึ้ง ๆ มันเข้ากับ MV มากทำซึ้ง ๆ น้ำตาคลอ ๆ แค่นี้เอง”

สำหรับใครที่ยังไม่เคยฟังลองเปิดฟังกันก่อนได้เลย รับรองว่าฟังแล้วน้ำตาจะคาเบ้า!

นอกจากเพลงฮา ๆ ใน Buffet Channel แล้วเติ้ลยังเคยทำวง When Children กับชิน Buffet ในโปรเจกต์ Genie New Folder ของ Genie Records ที่เขาทั้งร้อง และแต่งเองอีกด้วย บอกเลยว่าไม่ธรรมดา คุณจะลืมภาพเติ้ล Buffet คนตลกกวน ๆ ไปเลย 

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เติ้ลไม่ได้ทำโปรเจกต์นี้ต่อแล้ว โดยเหตุผลที่เขาเล่าให้เราฟังคือ เขาไม่อินกับมันอีกแล้ว เพราะเขาตั้งใจทำเพลงป็นงานอดิเรกเล่น ๆ สนุก ๆ พอมันกลายเป็นงานที่จริงจัง เขาก็เลยไม่สนุกกับมันแล้ว 

“ผมคิดว่าไม่สนุกแล้ว แล้วกูทำไปทำไมวะ ทำเพื่อเงินเงินก็ไม่ได้เยอะ มันก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำก็เลยรู้สึกว่าพอดีกว่า เพราะถ้าเราจะทำอะไรที่มันไม่ได้เงินเราต้องอิน ถามว่ามันดูเป็นคนหิวเงินไหม คือผมก็โตแล้วน่ะ ถ้าผมจะเอาแต่เล่นอย่างเดียวครอบครัวก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย”

นี่คือมุมจริงจังอีกมุมหนึ่งของเติ้ล ในบทสัมภาษณ์นี้ตั้งแต่ต้น เราจะเห็นว่า ถึงแม้ดูเหมือนเติ้ลจะเลือกใช้ชีวิตแค่ในเวย์ที่ตัวเองจะมีความสุข ในอีกมุมเขาก็คือ คนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องทำงานหาเงิน เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เขาจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเอง และครอบครัว


คนธรรมดาที่มีความฝัน

แล้วถ้าเลือกทำสิ่งที่ชอบได้จริง ๆ เติ้ลอยากทำอะไร จากที่ตลกก็ไม่ใช่อาชีพที่ชอบ การทำเพลงที่ดูเหมือนจะเป็นความสุข แต่มันก็ยังไม่ใช่ แล้วอะไรล่ะ คือความฝันจริง ๆ ของเติ้ล?

“ความฝันผมก็มีนะ ผมอยากทำวงดนตรีกับเพื่อนสมัยมัธยมฯ เพื่อนสนิทที่เห็นกันแก้ผ้า รู้จักพ่อแม่กัน ผมอยากทำวงกับเพื่อนพวกนั้น นั่นคือความฝันหนึ่งของผม เพราะผมคิดว่าในชีวิตหนึ่ง การได้ล่องเรือโจรสลัดกับพวกมันน่าจะเอ็นจอย”

อะไรคือการล่องเรือโจรสลัด?

“มันคือการทัวร์ด้วยกันเฟลด้วยกัน รวยด้วยกัน แพ้ด้วยกันชนะด้วยกัน เพราะตอนแก่ผมว่าน้อยคนนะที่จะได้จอยกรุ๊ป เพราะต่างคนต่างมีภาระแล้ว ตอนนั้นเราค่อยไปทำอาชีพเดี่ยว ตอนนั้นผมอาจจะเขียนหนังสือก็ได้พอแก่ไปแล้ว เขียนนิยายสักเรื่องอะไรอย่างนี้ ทุ่มกับมัน เพราะผมก็รู้สึกว่ามันเอ็นจอยดีนะถ้าได้ทุ่มกับอะไรอย่างนั้นน่ะ”

ดูเหมือนนักเขียนจะเป็นอีกหนึ่งความฝันที่จริงจังของเติ้ล จากที่เขาได้บอกกับเราไว้ตั้งแต่ต้นว่า เขาไม่ได้ชอบอาชีพตลกขนาดนั้น แต่ถ้าให้เลือกอาชีพอื่น ๆ ที่ชอบ แล้วอยากจะลองทำนั่นคืออาชีพนักเขียน ซึ่งเติ้ลได้แพลนชีวิตตัวเองไว้แบบหลวม ๆ แล้วก็ไม่ได้ผูกติดกับความฝันของตัวเองมาก เพียงแค่อยากทำในสิ่งที่ชอบ ซึ่งเป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ดีมากอีกวิธีหนึ่ง การไม่ยึดติดกับชีวิต ปล่อยมันไปตามความเป็นไปได้ และมีความสุขกับมัน

“แผนชีวิตของผมวิธีการมันก็หลวม ๆ ไม่ได้จำกัดความเป็นรูปธรรม สมมติผมอยากเป็นผู้กำกับเพราะผมชอบจมอยู่ในจินตนาการจักรวาลอะไรสักอย่าง ผมก็สามารถเปลี่ยน Process มันได้ เช่นผมอาจจะไปอยู่ในเวย์ของการทำคอนเทนต์ลง TikTok ก็ได้ ทำเป็นเรื่องจักรวาล หรือว่าเขียนหนังสือ ทำซีรีส์ สร้างเกม ทำบอร์ดเกม”


คนธรรมดาที่พิเศษ

มาถึงบทสุดท้ายของคนธรรมดาที่พิเศษคนนี้ คุณคิดว่าเขาพิเศษหรือไม่? เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงตอบว่าพิเศษ แม้กระทั่งตัวเราเอง เราจึงอยากรู้ว่าคนที่บอกว่าตัวเองเป็น “คนธรรมดา” คนนี้นั้นจะคิดว่าอะไรที่ทำให้คนมองเขาว่าพิเศษ?

“เพราะงานที่ผมทำมั้ง ผมแปลก ๆ มั้งในงาน ตลกแปลก ๆ คนก็เลยมองว่าพิเศษ” 

“ผมไม่รู้ว่าคนเขามองผมพิเศษอะไรนะ ไม่เคยเห็นมีใครแถมก๋วยเตี๋ยวผมฟรีเลยนอกจากเพื่อน

ไม่เคยมีใครเดินมาบอกว่าผมพิเศษ”

“ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้พิเศษ เพราะผมก็ไม่ได้ไปทุ่มเท หรือตั้งใจกับมันมากมายขนาดนั้น เหมือนผมเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว แล้วได้ลงกีฬาสีของโรงเรียน โดยที่ผมไม่ได้ซ้อมอะไรขนาดนั้น มันก็เลยไม่ได้พิเศษอะไร ผมมีไหวพริบในการเรียนรู้อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ไปทุ่มกับมันในตอนเตรียมตัว แค่เหนื่อยกับมันตอนทำงาน มันอาจเป็นพรสวรรค์ด้านการเรียนรู้ของผม”

แล้วเติ้ลมองว่างานของเราพิเศษไหม?

“มันก็เป็นความฝันของหลายคนนะ แต่การที่ผมไม่ได้ชอบมันขนาดนั้น ไม่ได้แปลว่าผมดูถูกความฝันคนอื่นนะ มันแค่เพราะตัวผมไม่ได้ชอบงานนี้ขนาดนั้นน่ะ แค่จังหวะชีวิตทำให้ผมต้องมาทำงานแบบนี้”

สรุปแล้วด้วยความฝัน Mind Set วิธีคิด วิธีใช้ชีวิต วิธีการทำงาน ไปจนถึงวิธีเล่นของเติ้ลนั้นทำให้เรานิยามว่าเขาเป็น คนธรรมดาที่ “พิเศษ” คนที่ต้องการใช้ชีวิตแบบมีความสุข ในแบบของตัวเอง เลือกทำในสิ่งที่อิน และยอมทิ้งให้กับสิ่งที่เขาไม่อินมันอีกแล้ว ในขณะเดียวกัน เขาก็สามารถทำในสิ่งที่เขาไม่ได้ชอบมันขนาดนั้นได้ เพื่อใช้ชีวิตต่อไป เพื่อครอบครัว เพื่ออนาคตที่เขาวางแผนไว้แบบหลวม ๆ และเพื่อที่เขาจะได้มีความสุขกับมัน

สุดท้ายขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทุกคนล้วนมีความพิเศษอยู่ในตัวเอง เราขอให้คุณเจอสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง และอยู่กับสิ่งที่มีได้อย่างมีความสุข


Photographer : Krittapas Suttikittibut

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line