GADGETs

3 ปีที่หายไป “PowerShot G1 X Mark III” กลับมาใหม่ พร้อม เซ็นเซอร์ขนาด DSLR ในกล้องเล็กฉบับพกพา

By: myfifthday October 17, 2017

ตอนนี้หันไปทางไหนก็เริ่มเห็นเทรนด์คล้องกล้องของคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ อาจเพราะกล้องถ่ายรูปในปัจจุบันเริ่มทำรูปร่างที่ออกมาเล็กกะทัดรัดเป็นหลัก และราคามีให้หาชื้อได้ตั้งแต่หลักหมื่นต้นไปจนถึงเหยียบแสนให้เลือก จึงไม่น่าแปลกใจที่กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสำหรับการเดินทางไปไหนมาไหนของคนยุคปัจจุบันนี้

ล่าสุดทาง Canon ได้เปิดตัวกล้องเล็กเน้นพกพาที่ UNLOCKMEN ต้องไม่พลาดที่จะอัพเดทให้ฟังกัน กับ PowerShot G1 X Mark III ที่ห่างหายไปยาวนานจากรุ่นเดิมถึง 3 ปี!

PowerShot G1 X Mark III เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่วาดลวดลายไว้ให้รุ่นหลังได้ศึกษายาวนานถึง 3 ปี โดยครั้งนี้มาพร้อมด้วยการยกเซนเซอร์กล้องแบบ APS-C มายัดอยู่ในกล้อง Compact (ที่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้)

G1 X Mark III นอกจากจะใช้เซนเซอร์รุ่นพี่อย่าง APS-C แล้ว ความละเอียดที่ให้ก็สูงและคมชัดถึงระดับ 24 ล้านพิกเซล, ISO 100 – 25600 และรองรับระบบการทำงานแบบโฟกัส Dual Pixel AF พร้อมหน่วยประมวลผล DIGIC 7 ที่ยกมาจากล้องรุ่นพี่ในระดับ 77D หรือ EOS M5 อย่างไรอย่างนั้น

สามารถถ่ายภาพรัว ๆ ได้สูงถึง 9 ภาพต่อวินาทีในโหมดล็อก AF/AE หรือ 7 ภาพต่อวินาทีในโหมด AF ต่อเนื่อง, และถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 19 ภาพในโหมดไฟล์ RAW หรือ 24 ภาพในโหมดไฟล์ .jpg

นอกจากนี้ด้านการถ่ายวิดีโอ ความละเอียดคมชัดอยู่ที่ 1080p/60 fps (น้อยกว่าที่คิดเพราะว่าคนอื่นไป 4K กันหมดแล้ว) รองรับการถ่ายวิดีโอ Time-lapse และมีฟังก์ชั่นโหมด Panoramic Shot Mode ในตัว

ส่วนเลนส์ G1 X Mark III มาพร้อมกับระยะครอบคลุมที่ 24-72mm f/2.8-5.6 แบบ 9 ชิ้น เป็นชิ้นเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมแบบสองฝั่ง, มี three-stop neutral density filter ในตัวกล้องและใส่ระบบกันสั่นถึง 4 สต็อป เข้ามาให้ด้วย

แบตเตอรี่ตัวกล้องชาร์จหนึ่งครั้ง สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ประมาณ 200 ภาพ และยังมาพร้อมกับช่องมองภาพที่ 2.36 ล้าน แบบ OLED พร้อมจอ LCD แบบพับได้ที่ 3 นิ้ว ตัวกล้องและระบบชัตเตอร์ถูกออกแบบมาให้เหมือนกับจับ DSLR ย่อม ๆ ตัวบอดี้ถูกซีลเพื่อคงทนและป้องกันฝุ่นและละอองความชื้นได้ดีกว่าตัวเก่า ๆ

รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับตัวกล้องทั้ง Wifi, NFC และ Bluetooth มีน้ำหนักตัวกล้องเพียง 400 g เท่านั้น ถือว่าเหมาะสมสำหรับการพกพามาก และจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ มีราคาเปิดตัวอยูที่ $1,299 (45,xxx บาท) ซึ่งเราคิดว่าแพงไปหน่อยกับฟังก์ชั่นที่ให้มา แต่ก็ลองใช้งานดูว่าคุ้มค่าถึงใจขนาดไหน

Source 1, Source 2

myfifthday
WRITER: myfifthday
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line