L’Epee เป็นแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Desk Clock มีชื่อเสียงด้านความคราฟต์ในการสร้างสรรค์ผลงานเรือนเวลาที่ฉีกกรอบความเชื่อมามากกว่า 180 ปีจาก Switzerland และนี่คือผลงานชิ้นใหม่ที่น่าจะถูกใจคนรัก Sports car แบบพวกเราแน่นอน L’Epee Fast Track II Desk Clock นาฬิกาตั้งโต๊ะใน Time Fast series ล่าสุด สร้างสรรค์บนแรงบันดาลใจจากดีไซน์รถแข่งจากยุค 1960s เป็น ยุคทองของรถแข่งที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และสมรรถนะ เป็น race car สองที่นั่งคาดลาย Le Mans บอดี้ของนาฬิกาผลิตจากวัสดุเดียวกับที่ใช้ผลิตรถแข่งคันจริง ตัวกลไกแยกอิสระสองเครื่อง กลไกแรกอยู่ในตำแหน่งคนขับ เป็นเครื่อง 8-day movement 2.5 Hertz ปรับเวลาทั้งชั่วโมงและนาทีที่แสดงผลในห้องเครื่อง V8 ด้วยพวงมาลัย 3 ก้านในห้องโดยสาร ส่วนอีกกลไกทำหน้าที่สร้างความเคลื่อนไหวให้ลูกสูบขยับขึ้นลงได้โดยไม่เกี่ยวกับการบอกเวลา สั่งการด้วยกุญแจรถและเกียร์ภายในห้องโดยสาร ทั้งหมดถูกวางอยู่ในโครงสร้างที่ขึ้นรูปด้วย H-chassis แบบเดียวกับที่ใช้สร้างรถแข่งในยุค 1960s ด้วย และล้อลายซี่ลวดทั้ง 4
เปิดตัวได้แรงสะใจสมการรอคอย สำหรับ 2023 Honda Civic Type R ทุกอย่างดูดุดัน สวยงาม แต่ก่อนหน้านี้ Honda ยังไม่เปิดเผยข้อมูลตัวเลขสมรรถนะอย่างเป็นทางการ ในที่สุดวันนี้ก็มีการอัพเดทแรงม้าจากขุมพลัง 2.0-liter turbocharged four-cylinder จัดเต็มให้สะใจถึง 315 แรงม้า @ 6,500 rpm แรงบิด 310 lb-ft @ 2,600-4,000 rpm แรงขึ้นกว่ารุ่นก่อน 9 แรงม้า 15 lb-ft or torque เฉลี่ย output มากถึง 157.8 hp/liter กลายเป็นรถยนต์ Honda ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในทันที (ไม่นับ 2020 NSX ซึ่งตลาดโลกใช้แบรนด์ Acura) 2023 Honda Civic Type R ใช้เครื่องยนต์รหัส K20C1
สืบเนื่องมาจากภาพของหนึ่งในท่านผู้นำของประเทศละแวกบ้านเราสวมนาฬิกาหรูแบรนด์ไฮเอนด์ที่มีราคาเหยียบหลักล้าน ก็เลยทำให้โลกโซเชียลหันมาให้ความสำคัญกับ นาฬิกาข้อมือ จนกลายเป็นการเปิดหูเปิดตาจนทำให้รู้ว่าโลกของเรานั้นยังมีนาฬิกาที่เป็นไอคอนของแบรนด์และบุคคลอีกมากมายหลายรุ่นไม่ใช่เฉพาะแค่ Rolex อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เป็นเหมือนนาฬิการุ่นดังที่คนทั่วโลกชื่นชอบและใฝ่ฝัน เรามาดูกันครับว่าส่วนหนึ่งของนาฬิกาที่เป็นไอคอนนั้นมีอะไรกันบ้าง Rolex Submariner & Date Just เมื่อพูดถึงเครื่องบอกเวลาสุดคลาสสิคก็คงต้องเริ่มด้วย Submariner ที่ Rolex ทำขายครั้งแรกในปี 1954 ถือเป็นรุ่นที่ปฏิวัติวงการนาฬิกาข้อมือทั้งโลกเลยก็ว่าได้ ในตอนแรก Submariner ไม่ได้จัดเป็นไลน์ Luxury แต่อย่างใด ผลิตมาเพื่อตอบโจทย์การดำน้ำโดยเฉพาะ แต่เมื่อนานวันเข้า จากปากต่อปากและไอคอนบนโลกนี้อย่าง Steve McQueen ที่ใส่จนมันกลายเป็นสถานะความเท่บนตัวสุภาพบุรุษ เมื่อมาถึงปลายยุค 80’s ที่ Rolex กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรามั่งคั่ง รุ่นที่ฮิตที่สุดของพวกเขาก็คือ Submariner นี่ล่ะ เอกลักษณ์ของมันคือความทนทาน และเป็นนาฬิกาทรง Sports ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งดีไซน์และการใช้งาน ทุกวันนี้รูปทรงของมันก็ยังคงร่วมสมัย มีหน้าปัดขนาด 40มม. ให้เลือกทั้งสีเงิน สีทองและทองขาว 18K ใส่ได้กับผู้ชายทุกสไตล์ (หรือผู้หญิงบางคนก็ใส่ได้เช่นกัน) หาก Submariner คือตัวแทนความสปอร์ตจาก
โมเดลใหม่และเป็นโมเดลแรกจาก Bently ที่จะช่วยให้หลายคนไม่สับสนในรถ Bentley แต่ละรุ่น ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างจากโมเดลปัจจุบัน เป็นรากฐานในการเดินทางสู่โลก EV ของค่ายสุดหรูค่ายนี้ แต่ข่าวดีที่ตัวนี้ยังใช้น้ำมันเผาไหม้อยู่เหมือนเดิม เป็นอีกไฮไลท์ที่พึ่งถูกเปิดตัวในงาน Monterey, California ด้วยแนวคิดการดีไซน์ที่ตีความขึ้นมาใหม่หมด ดูจากภาพนอกจะรู้สึกแปลกตาในความเป็น Bentley ทันที ซึ่งจากเดิมมักจะเน้นไปที่ความหรูหราและสปอร์ต แต่ Mulliner Batur คันนี้ให้กลิ่นอายความทันสมัยและสมรรถนะที่ดุดัน สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือสัญลักษณ์การดีไซน์โคมไฟหน้าสองดวงแยกที่สืบทอดใช้งานมาอย่างยาวนานกันจะหายไป แทนที่ด้วยไฟแบบใหม่ triple-beam light มีครบทุกไฟ พร้อมเส้นไฟ LED ฝังอยู่ในโคมเดียวกันหมด กระจังหน้าใหม่ที่ออกแบบให้เสริมมิติจากลวดลายที่ดุดันยิ่งขึ้น มาพร้อมล้อขนาด 22 นิ้ว ขุมพลัง twin-turbocharged 6.0-liter W12 เครื่องขนาดใหญ่ใส่แรงม้ามาเต็ม ๆ จากโรงงานถึง 710 แรงม้า แรงบิดสุดตาราง 1,000 นิวตันเมตร เรียกได้ว่าเป็น Bentley ที่แรงที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ทรงตัวด้วยช่วงล่างสุดล้ำ advanced air suspension พร้อม electric
Singer “The 964 Cabriolet” ชื่อนี้มีแต่ของอร่อย ภาพแรกของผลงานชิ้นโบว์แดง กับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหม่บนตัวถัง Porsche 911 convertible เป็นครั้งแรกของสำนัก Singer ภาคต่อของตำนาน Turbo Study ที่เคยเปิดตัวแบบมีหลังคาไปแล้วก่อนหน้านี้ ตัวถัง Widebody ที่สร้างจาก carbon fiber ในโทนสี Cadiz Red แดงดีมีสไตล์ มาพร้อมสมรรถนะที่อัพเกรดจากขุมพลัง 3.8-liter twin-turbocharged flat-six ให้กำลัง 510 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์ 6-speed manual มีแรงเพิ่มขึ้นจาก Singer 930 Turbo Study ถึง 70 แรงม้าเลยทีเดียว รายละเอียดจุดอื่น ๆ ของรถถูกสร้างขึ้นใหม่ตามสไตล์งานของ Singer มีการเสริมเทคโนโลยีทันสมัยเข้าไปในบอดี้ที่ดู Retro ภายในสร้างและตกแต่งใหม่ให้ใช้งานในชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายขึ้น มีทั้ง USB charging ports เบาะหนังปรับไฟฟ้า
แม้การเป็น EV Muscle อาจจะไม่ใช่รถสำหรับทุกคน แต่ Dodge Charger Daytona SRT Concept คันนี้อาจจะทำให้หลายคนเปิดใจกันมากขึ้น Tim kuniskis, Dodge CEO บอกว่าโปรเจค Dodge EV Muscle คันนี้ หัวใจสำคัญที่สุดคือ มันต้องดูเหมือน Dodge และมันต้องให้ฟิลลิ่งการขับเหมือน Muscle car มีการปัดและมี aerodynamic ที่ดี ซึ่งดูเหมือนจะขัดกับความเป็น EV car อย่างสิ้นเชิง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ ด้วยดีไซน์ที่เรียกว่า R-Wing R-Wing คือหลัก aerodynamic ที่คิดค้นโดยนักวิทยาศาสตร์ด้านจรวด Gary Romberg ซึ่งเขาได้นำมันมาปรับใช้ในรถ Daytona สำหรับ NASCAR ดักอากาศผ่านช่องว่างด้านหน้าที่มี R-Wing ครอบเอาไว้ เพื่อบังคัมลมให้ไปเพิ่ม downforce ในย่านความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ Dodge Charger Daytona
RTR Spec 5 Mustang ม้าคลั่งเวอร์ชั่นล่าสุดจากสำนัก RTR ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการจูนม้าป่าให้ดุดันไม่แพ้ Shelby ซึ่งรหัส Spec 5 หมายถึง Mustang ที่แรง ดิบ และโหดที่สุของ RTR ตัวเลข 750 horespower มาจากการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ 5.0-liter Coyote V8 ของ Mustang GT version พร้อมเสริมความแรงด้วย Whipple sueprcharger system ให้เแรงบิดมากถึง 840 Nm of torque สามารถเลือกได้ว่าอยากขับชิล ๆ ด้วยเกียร์ automatic หรือเน้นสับเองด้วยเกียร์ manual เพื่อให้แน่ใจว่าม้าทั้งหมดจะถูกจับลงพื้นได้ครบถ้วน RTR จัดการเสริมช่วงล่างด้วย Tactical Performance coilover และ lowering springs ลดความสูงหน้าหลัง พร้อมติดตั้ง sway
Ferrari F40 เป็น Supercar ในฝันของผู้ชายทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม มันกลับถูกสร้างขึ้นให้เป็นรถ GT ไม่ได้ถูกออกแบบให้เป็นรถแข่งในสนาม แต่หลายคนก็มองเห็นศักยภาพของมัน รวมถึง Ferrari ที่ร่วมมือกับทีมแข่ง Michelotto เพื่อสร้าง race-ready F40 ขึ้นมาตามสเปกของ IMSA rules ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็มีทั้ง F40 Le Mans, F40 GT, F40 GTE แต่ Ferrari F40 Competizione คันนี้พิเศษกว่า ผลงานการปรับแต่งใหม่เกือบทั้งคันโดย Zanasi Group of Maranello สำนักแต่งซึ่งอยู่ห่างจากโรงงาน Ferrari แค่ไม่กี่ก้าว จึงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และยังมีส่วนในการตกแต่ง Tailor-Made editions ให้กับ Ferrari เป็นประจำด้วย Ferrari F40 Competizione ถูกนำมาแยกและสร้างใหม่เพื่ออัพเกรดให้กลายเป็นรถแข่งระดับ 1,000 bhp ได้ชื่อว่าเป็น
พวกเราได้เห็น Ford Mustang edition สวย ๆ มาก็มากมาย แต่รุ่นปีที่สวยที่สุดของรถรุ่นนี้ต้องยกให้ First Generation ช่วงปี 1964-1973 เป็นรุ่นที่นำมา restore เดิม ๆ ก็คลาสสิค หรือจะนำมาปรับเป็น restormod ก็มีเสน่ห์ เช่นเดียวกับผลงานชิ้นนี้จาก “CAGED” Ringbrother 1964.5 Mustang Convertible ดูจากภายนอกหลายคนอาจคิดว่าเป็น Ford Mustang Convertible เดิม ๆ ทั้งคัน แต่ความจริงแล้วอุปกรณ์เกือบทั้งหมดถูกผลิตขึ้นมาใหม่จากสำนักแต่งใน Wisocnsin ชิ้นส่วนเดิมของรถคันนี้มีเพียงจุดเดือน คือฝาครอบดุมล้อตรงกลางเท่านั้น Chassis ของ Mustang Convertible ในยุคนั้นสร้างบน Ford Falcon Platform ถูกนำมาปรับเปลี่ยนใหม่เป็นตัวถังแบบ unibody platform ทำให้มีมิติทั้งความยาวและกว้างเพิ่มขึ้นอย่างละ 1 นิ้ว กระจังหน้าดูออกแบบใหม่พร้อมถอยลึกลงไปราวสองนิ้ว เพิ่มความหนาแน่นของอากาศสำหรับระบายความร้อนให้ขุมพลังใหม่ Ford Performance
ปีนี้เป็นปีที่ Porsche ให้ความสนใจใน motorsports มากเป็นพิเศษ ดูได้จากการเตรียมกลับสนามลงแข่งรายการ Formula 1 ด้วยการเข้าซื้อหุ้นทีม Red Bull F1 Team จำนวนถึง 50% ซึ่งคาดว่าจะประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ยังใกล้จะเปิดตัว 2023 Porsche 911 GT3 RS รถแข่งรหัสใหม่อีกคัน เป็น Track Car ที่พัฒนาขึ้นเพื่อทำเวลาในสนามแข่งโดยเฉพาะ ขุมพลัง 4-liter flat-six 500 horsepower ดีไซน์ที่แตกต่างคือ rear wing ขนาดใหญ่ด้านหลัง และฝากระโปรงหน้าเจาะช่องระบายอากาศสุดดุดัน แสดงให้เห็นถึง DNA ของรถสมรรถนะสูงโดยเฉพาะ เตรียมเปิดตัววันที่ 17 สิงหาคมนี้ แต่คันที่เราอยากนำเสนอในครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่า เป็นรหัสร้อนอีกคันที่ดีไซน์อย่างดุดันสำหรับสนามแข่งที่พัฒนาขึ้นตามโจทย์ของลูกค้า Porsche 911 GT3 R พัฒนาบนพื้นฐานของ 992-generation แต่ถูกอัพเกรดรายละเอียดใหม่หมดทั้งคัน มาพร้อมสมรรถนะ
นาทีนี้คงไม่มีข่าวเทคโนโลยีอะไรจะฮอตไปกว่าการรีวิว MacBook Air M2 ของ Apple บนสื่อออนไลน์-ออฟไลน์ทุกหัวอีกแล้ว (ใช้คำโบราณรู้อายุเลย) ก็เขาเล่นเปลี่ยนชิปประมวลผลตัวใหม่รุ่น M2 เรียกว่าล้ำสมัยที่สุดของ Apple บรรจุใส่ซีรีส์ MacBook Air อันกระทัดรัด ที่แรงจนไม่มีใครอดใจไหว แต่ออกรุ่นใหม่มาทั้งที จะอัพเกรดแค่ชิปประมวลผลก็ยังไงอยู่ ทาง Apple เลยออกสีใหม่ให้ตาวาวด้วยเลยละกัน พร้อมกับใส่ฟังก์ชั่นอีกมากมายเพิ่มเข้ามาด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่ารุ่นนี้จะสเป็กบางเบาเป็นอากาศเหมือนชื่อ หรือแรงอย่างที่เคลมจริง ๆ หลังจาก UNLOCKMEN ได้ทดลองใช้งานจริง พร้อมกับสัมภาษณ์ตัวเองแล้วว่าชอบอะไรกับเจ้าเครื่องนี้บ้าง ไปดูกัน ขอชมดีไซน์การใช้งานภายนอกก่อนเข้าตัวเครื่องกันเสียหน่อย มาในเรื่องของ ‘สี’ และน่าจะเป็นสีใหม่ที่คนอยากเห็นของจริงพร้อมอยากได้มากที่สุด อย่าง Starlight Color ซึ่งผลคือ เป็นอย่างที่หลายคนคิดครับ … สวย! สีของจริงมิติคนละระดับกับในรูปบน istudio เยอะ การันตีความสวยจากการพกไปนั่งทำงานที่ Star Buck แล้วคนที่ผ่านไปมามองตลอดเวลา MacBook Air M2 มาด้วยขนาด 13 นิ้ว
หากคุณกำลังมองหาหูฟัง เราขอแนะนำ HUAWEI FreeBuds Pro 2 ก้าวใหม่สู่อีกระดับของหูฟังไร้สายมาตรฐานเรือธง ที่เข้าถึงคุณภาพเสียงทรงพลังผ่านลำโพงคู่ที่พัฒนาร่วมกับ Devialet และระบบลดเสียงรบกวนรอบข้างสูงสุด 47 เดซิเบล ในราคาเพียง 6,499 บาทเท่านั้น สัมผัสสุนทรียะแห่งรายละเอียดเสียงด้วยลำโพงคู่ Dual-Speaker True Sound ที่พัฒนาร่วมกับ Devialet และการันตีคุณภาพเสียงผ่านการรับรอง HWA และ Hi-Res Audio Wireless HUAWEI FreeBuds Pro 2 ได้รับการพัฒนาร่วมกับแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Devialet เพื่อมอบประสบการณ์เสียงอะคูสติกที่ปรับจูนอย่างประณีต ให้คนรักเสียงเพลงได้เพลิดเพลินกับการฟังแบบไร้สาย โดยใช้ Bluetooth Codec LDAC™ และการันตีคุณภาพด้วยการรับรอง HWA ที่มอบคุณภาพเสียง Hi-Res Wireless Dual HD Audio HUAWEI FreeBuds Pro 2 มาพร้อม Dual-Speaker True Sound