DESIGN
OMEGA Speedmaster ’57 เรือนเวลาที่อยู่เหนือกาลเวลา สานต่อความคลาสสิกจากอดีตสู่อนาคต
By: NTman October 4, 2022 219142
หากเอ่ยถึงชื่อ Speedmaster หนึ่งในซีรีส์นาฬิการะดับไอคอนิกจาก OMEGA เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในเรือนเวลาส่วนใหญ่คงมีภาพจำถึงเรื่องราวการประกาศศักดาให้โลกจารึกในฐานะ Moonwatch นาฬิกาที่ถูกสวมโดยนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ผู้ฝากรอยเท้าเล็ก ๆ ที่สุดแสนจะสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1969
แต่สำหรับสาวก Speedmaster อีกจำนวนไม่น้อยคงรู้กันดีว่า เดิมทีนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อพิชิตดวงจันทร์ หากแต่ชื่อ Speedmaster ยังประกาศก้องถึง DNA แห่งความเร็วที่ชัดเจนเข้มข้นจนแทบไม่ต้องเสียเวลาตีความ
นับย้อนไปตั้งแต่ปี 1957 ช่วงเวลาที่ปฐมบทของเรื่องราวแห่ง Speedmaster จาก OMEGA ได้เริ่มต้นด้วยเรือนเวลาที่มาพร้อมเข็มบอกทิศทางแบบ Broad Arrow รูปทรงหัวลูกศรสุดโดดเด่น และยังเป็นนาฬิกาข้อมือ Chronograph แบบแรกที่นำสเกล Tachymeter หรือมาตรวัดความเร็วมาไว้บนขอบตัวเรือน เพื่อจุดประสงค์สำหรับใช้งานในวงการ Motorsport เรียกได้ว่าก่อนจะไปโลดแล่นบนดวงจันทร์ เหล่านักแข่งรถ ช่างเทคนิค รวมถึงทีมงานในสนามประลองความเร็ว ต่างก็เคยประทับใจในความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงงานดีไซน์ของ Speedmaster มาแล้ว
จากวันนั้นถึงวันนี้ชื่อของ Speedmaster ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งสะท้อนถึงเรือนเวลาที่เคยร่วมฝ่าภารกิจอวกาศ แต่มันยังคงถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็น Sport and Racing Watch ออกมาได้อย่างชัดเจนไม่เสื่อมคลาย
และเนื่องในโอกาสที่ Speedmaster มีอายุครบ 65 ปี ทาง OMEGA จึงได้นำโมเดล Speedmaster ’57 ที่เคยเผยโฉมครั้งแรกในปี 2013 กลับมาให้แฟน ๆ ได้สัมผัสอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ที่สดใหม่ พร้อมการอัพเกรดประสิทธิภาพของกลไกบอกเวลาขั้นสูง ภายใต้งานดีไซน์ที่ยังให้ความเคารพการออกแบบดั้งเดิมของรุ่นต้นกำเนิดอย่าง Speedmaster CK 2915 ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 1957 ได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนตัวแทนจิตวิญญาณความคลาสสิกของ Speedmaster ที่ส่งต่อมาจากอดีต ปัจจุบัน ต่อเนื่องยาวนานสู่อนาคตโดยไม่สนใจกฎของกาลเวลา
อย่างที่บอกไปว่าการกลับมาของ Omega Speedmaster ’57 ครั้งนี้ ได้มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก รวมถึงอัพเกรดกลไกบอกเวลาใหม่ เริ่มต้นจากงานดีไซน์ที่มีการปรับขนาดตัวเรือนสเตนเลสสตีลให้เล็กลงเหลือ 40.5 มิลลิเมตร เป็นขนาดที่ขึ้นข้อหนุ่มเอเชียอย่างเรา ๆ ได้กำลังเหมาะ และยังเป็นมิติตัวเรือนที่ใกล้เคียงกับ The 1st Speedmaster (CK2915) จากปี 1957 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจหลักของคอลเลกชันนี้ อีกทั้งการเปลี่ยนมาใช้กลไกแบบไขลานชุดใหม่ทำให้มีตัวเรือนที่บางลงเหลือเพียง 12.99 มิลลิเมตร
แม้จะมีการปรับลดขนาดให้ดูโฉบเฉี่ยวเพรียวบางร่วมสมัย แต่ Speedmaster ’57 นั้นยังคงเอกลักษณ์ความคลาสสิกจากต้นตระกูล Speedmaster เอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเข็มทรง Broad-arrow และตัวเรือนสเตนเลสสตีลผิวขัดเงา ตัดกับขอบตัวเรือนผิวปัดลายสลักสเกล Tachymeter ที่มีกิมมิกเล็ก ๆ ซึ่งสาวก Speedy สายวินเทจต้องถูกใจ
กับ Dot Over Ninety หรือจุดดำเหนือตำแหน่งเลข 90 รูปแบบเดียวกับสเกล Tachymeter ของ Speedmaster ยุคก่อน 1970 เมื่อเสริมด้วยกระจกหน้าปัดแซพไฟร์คริสตัลทรงกล่อง และฝาหลังแซพไฟร์คริสตัลแบบขันเกลียวโชว์กลไกให้เห็นแบบเต็มพื้นที่ บอกเลยว่าเสน่ห์ของ Speedmaster เมื่อ 65 ปีก่อน ได้ถูกถ่ายทอดลงบน Speedmaster ’57 แบบจัดเต็ม
อีกหนึ่งการพัฒนาของ Speedmaster ’57 ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือเรื่องของกลไกบอกเวลาที่เปลี่ยนมาใช้เป็นกลไกไขลานชุดใหม่ในรหัส 9906 สำรองพลังงานได้ 60 ชั่วโมง พร้อมระบบ Co-Axial มาตรฐาน Master Chronometer การันตีประสิทธิภาพการบอกเวลาที่เที่ยงตรงแม่นยำในทุกสภาพแวดล้อม ผ่านการทดสอบและรับรองโดยสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธ์สวิสหรือ METAS (Swiss Federal Institute of Metrology)
สำหรับ Speedmaster ’57 คอลเลกชั่นใหม่ มีสีสันหน้าปัดให้เลือกมากขึ้นถึง 4 สี ทั้งสีดำ, สีน้ำเงินเข้ม, สีแดงเบอร์กันดี และ สีเขียวเข้ม โดยรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงินเข้ม และสีเขียวเข้มจะเป็นหน้าปัดแบบ PVD เหลือบแสงสวยงาม ส่วนสีแดงเบอร์กันดีจะมีผิวหน้าปัดแบบพ่นทราย
แต่ทางด้านรุ่นหน้าปัดสีดำนั้นมีความแตกต่างด้วยโครงสร้างหน้าปัดแบบ Sandwich แยกเป็นชั้นของหน้าปัดสีดำพ่นทราย ฉลุลายร่องหลักชั่วโมง ประกบทับแผ่นหน้าปัดชั้นล่างที่มีสารเรืองแสง Super-LumiNova สีเบจ สีเดียวกับข้อความ สเกลตัวเลข และวันที่ต่าง ๆ ได้ฟีลนาฬิกาวินเทจแบบเต็มข้อ ตอกย้ำความตั้งใจของคอลเลกชั่น Speedmaster ’57 ซึ่งพร้อมส่งต่อ Speedy DNA ที่มีเสน่ห์เหนือกาลเวลา
งานนี้แฟน ๆ OMEGA รวมถึงแฟน ๆ Speedy พันธุ์แท้ ไม่ควรพลาดกับ Speedmaster ’57 คอลเลกชั่นเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี ที่แสดงความคารวะต่อจิตวิญญาณ Sport and Racing Watch ดั้งเดิม ที่สร้างตำนานมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน
โดย Speedmaster ’57 คอลเลกชั่นล่าสุดพร้อมวางขายทั้งหมด 4 สี 8 รุ่นย่อย ทั้งแบบสายสเตนเลสสตีลขัดแต่งผิวด้านสลับเงา 3 ข้อ ติดตั้งด้วยระบบปรับสายที่จดสิทธิบัตรของ OMEGA (ราคา 313,000 บาท) และแบบสายหนังโทนสีเดียวกับหน้าปัด ล็อกด้วยเข็มขัดสตีลเรียบหรู (ราคา 301,000 บาท) ยกเว้นรุ่นหน้าปัดดำที่จะมาพร้อมสายหนังสีน้ำตาลสุดคลาสสิก
สำหรับใครที่สนใจสามารถสัมผัสนวัตกรรมเครื่องบอกเวลาชั้นเลิศและประสบการณ์เหนือระดับไปกับ OMEGA ได้ที่
บูติกสาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 0-2160-5959
สาขาสยามพารากอน โทร. 0-2129-4878
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ omegawatches.com
Photographer : Krittapas Suttikittibut