หากเอ่ยถึงชื่อ Speedmaster หนึ่งในซีรีส์นาฬิการะดับไอคอนิกจาก OMEGA เชื่อว่าบรรดาผู้หลงใหลในเรือนเวลาส่วนใหญ่คงมีภาพจำถึงเรื่องราวการประกาศศักดาให้โลกจารึกในฐานะ Moonwatch นาฬิกาที่ถูกสวมโดยนักบินอวกาศ Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ผู้ฝากรอยเท้าเล็ก ๆ ที่สุดแสนจะสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติลงบนพื้นผิวดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม ปี 1969 แต่สำหรับสาวก Speedmaster อีกจำนวนไม่น้อยคงรู้กันดีว่า เดิมทีนาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้เกิดมาเพื่อพิชิตดวงจันทร์ หากแต่ชื่อ Speedmaster ยังประกาศก้องถึง DNA แห่งความเร็วที่ชัดเจนเข้มข้นจนแทบไม่ต้องเสียเวลาตีความ นับย้อนไปตั้งแต่ปี 1957 ช่วงเวลาที่ปฐมบทของเรื่องราวแห่ง Speedmaster จาก OMEGA ได้เริ่มต้นด้วยเรือนเวลาที่มาพร้อมเข็มบอกทิศทางแบบ Broad Arrow รูปทรงหัวลูกศรสุดโดดเด่น และยังเป็นนาฬิกาข้อมือ Chronograph แบบแรกที่นำสเกล Tachymeter หรือมาตรวัดความเร็วมาไว้บนขอบตัวเรือน เพื่อจุดประสงค์สำหรับใช้งานในวงการ Motorsport เรียกได้ว่าก่อนจะไปโลดแล่นบนดวงจันทร์ เหล่านักแข่งรถ ช่างเทคนิค รวมถึงทีมงานในสนามประลองความเร็ว ต่างก็เคยประทับใจในความทนทาน, ประสิทธิภาพ รวมถึงงานดีไซน์ของ Speedmaster มาแล้ว จากวันนั้นถึงวันนี้ชื่อของ Speedmaster
หากเอ่ยถึงชื่อ Speedmaster ’57 แฟน ๆ OMEGA หลายคนน่าจะรู้กันดีว่านี่คือเรือนเวลาที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อสะท้อนความเป็น Sport and Racing Watch ของตระกูล Speedmaster ซึ่งส่งต่อตำนานการบอกเวลาอันยอดเยี่ยมมาตั้งแต่ปี 1957 ล่าสุด OMEGA ก็พร้อมเผยโฉมรุ่นใหม่จากคอลเลคชั่น Speedmaster ’57 และยังได้นักแสดงชื่อดังจากสองฝั่งทวีปทั้ง ‘จอร์จ คลูนีย์’ และ ‘ฮยอนบิน’ มาร่วมกันเฉิดฉายในโฆษณาเรือนเวลาคอลเลคชั่นนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้งคู่คือส่วนผสมที่เติมเต็มภาพลักษณ์ทั้งสองด้านของโครโนกราฟอันโด่งดัง คลูนีย์สื่อถึงสไตล์ที่คลาสสิกและตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับแคมเปญ อีกทั้งเป็นการตอกย้ำถึงสายสัมพันธ์ที่เขามีมาอย่างยาวนานกับ OMEGA ในขณะที่ดาราดาวรุ่ง ฮยอนบิน นั้นมาด้วยความเท่และจิตวิญญาณแห่งยุคสมัยใหม่ที่ประกาศก้องถึงการพัฒนาของ Speedmaster ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เช่นเดียวกับนาฬิกา Speedmaster ’57 ที่เป็นตัวแทน DNA การออกแบบดั้งเดิมของ Speedmaster ที่เผยโฉมเมื่อปี 1957 ซึ่งถือกำเนิดมาสำหรับนักแข่งรถและช่างเครื่องรวมถึงทีมงานในสนามประลองความเร็ว เพื่อเป็นการรำลึกถึงต้นกำเนิด คอลเลคชั่น Speedmaster ’57 จึงประกอบไปด้วยนาฬิกาถึงแปดรุ่นใหม่ที่นำเสนอสไตล์ที่เพรียวบาง, หน้าปัดหลากสีสัน, สายนาฬิกาโลหะแบบวินเทจ รวมถึงกลไก Co-Axial Master Chronometer 9906 ชั้นเลิศ
Shaken, Not Stirred คือวลีเด็ดที่ทำให้นึกถึงใครไม่ได้นอกจาก James Bond สายลับมาดเนี้ยบที่มีหมายเลข 007 เป็นโค้ดเนมประจำตัว ผู้ซึ่งมี Vesper Martini สูตรเฉพาะตัวที่ต้องปรุงแบบ ‘เขย่าแต่ไม่คน’ เป็นเครื่องดื่มประจำกาย แต่นอกเหนือจากมาร์ตินี่สูตรพิเศษ สิ่งสะท้อนตัวตนของจารชนเจ้าเสน่ห์ที่สาวกหนัง James Bond อย่างเรา ๆ เห็นเป็นภาพจำมาตลอด หากไม่นับสาวบอนด์สุดสวยที่มีให้หนุ่ม ๆ ได้ปลื้มในทุกภาค ก็คงหนีไม่พ้นสูทสั่งตัดอย่างดี, รถ Aston Martin คู่ใจ, แกดเจ็ตล้ำ ๆ จาก Q รวมไปถึงนาฬิกาข้อมือ ไอเทมสำคัญที่เพิ่มความภูมิฐานให้สายลับ 007 คนเก่งคนนี้ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่า OMEGA Seamaster เรือนงาม ซึ่ง James Bond คนที่ 5 ที่รับบทโดย Pierce Brosnan สวมใส่ในการถ่ายทำตอน GoldenEye น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้หลงใหลในเรือนเวลาทั่วโลกต่างหันมาจับจ้อง และอยากที่จะครอบครองไอเทมประจำข้อมือของสายลับขวัญใจมหาชนคนนี้ และเนื่องในโอกาสที่
หากจะให้พูดถึงความน่าหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา ประเด็นหลัก ๆ ที่บรรดาเซียนนาฬิกาทั้งหลายไม่พลาดที่จะกล่าวถึงคงหนีไม่พ้นชื่อชั้นประวัติศาสตร์แบรนด์ ตลอดจนเรื่องราวของวัสดุชั้นยอด งานดีไซน์ที่งดงาม และแน่นอนว่าจะขาดไปไม่ได้กับสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของนาฬิกา นั่นก็คือกลไกเครื่องบอกเวลาสุดซับซ้อน อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ที่คิดค้นสร้างสรรค์จากฝีมือมนุษย์ เพื่อให้ได้มาซึ่งการบอกเวลาที่แม่นยำในระดับเสี้ยววินาที ซึ่งชื่อของแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลกสัญชาติสวิสอย่าง OMEGA ถือเป็นอีกสัญลักษณ์ของการบอกเวลาอันเที่ยงตรงแม่นยำ ที่เหล่านักสะสมนาฬิกาต่างรู้จักกันดี กับเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ที่สามารถการันตีถึงความใส่ใจในความแม่นยำของกลไกบอกเวลาแบบสุดขั้ว นับย้อนไปในปี ค.ศ.1848 ที่บุรุษนามว่า Louis Brandt (หลุยส์ บลาดต์) ริเริ่มก่อตั้งบริษัทนาฬิกา ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะประดิษฐ์กลไกบอกเวลาความแม่นยำสูงสุดเท่าที่เคยมีมา จนกระทั่งในปีค.ศ. 1894 แม้ Louis Brandt จะจากโลกนี้ไป แต่ความอุตสาหะของเขาได้ผลิดอกออกผลในรุ่นลูก ที่ยังคงมุ่งมั่นพัฒนากลไกบอกเวลา จนเกิดเป็นผลงานชิ้นสำคัญ นั่นคือกลไก 19-ligne ‘OMEGA’ calibre (19-ลิญจน์ ‘โอเมก้า’ คาลิเบอร์) ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ถูกยกให้เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมนาฬิกาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งบนหน้าประวัติศาสตร์ และชื่อ ‘OMEGA’ ของกลไกบอกเวลารุ่นตำนานในครั้งนั้น ได้กลายมาเป็นชื่อแบรนด์ที่รู้จักกันไปทั่วโลกจวบจนถึงปัจจุบัน และต้องบอกว่า OMEGA คือผู้ผลิตนาฬิการายเดียวของโลกที่ตั้งชื่อแบรนด์ตามชื่อกลไกบอกเวลาประสิทธิภาพสูงที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อให้ชื่อนี้เป็นตัวแทนเรื่องราวของเรือนเวลาที่ใส่ใจในกลไกที่เที่ยงตรงแม่นยำจากจุดเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งตลอดเส้นทางที่ผ่านมา OMEGA ได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการคว้ารางวัลจากการทดสอบความแม่นยำมาแล้วนับไม่ถ้วน และหนึ่งในตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือ การได้รับความไว้วางใจในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ปีค.ศ. 1932 จนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าสถิติของนักกีฬาที่ดีที่สุดในโลก ล้วนมาจากการบันทึกเวลาที่แม่นยำและเชื่อถือได้ของ
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติอย่าง Olympic Games การแข่งกีฬาระหว่าง 200 กว่าประเทศ ส่งตัวแทนนักกีฬาหลายพันคนต่างตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อชิงชัยในงานนี้ การเลือกเจ้าภาพจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุก ๆ สี่ปี และ Olympics ครั้งนี้เจ้าภาพที่จะได้จัดมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ก็คือเมืองเกาะกลางทะเลอย่างประเทศญี่ปุ่น เมื่อกีฬาสุดยิ่งใหญ่ Tokyo 2020 กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ ทำให้ Omega แบรนด์นาฬิกาที่อยู่คู่กับการแข่งขัน Oympics มาอย่างยาวนานในฐานะ Olympic Official Timekeeper หรือผู้จับเวลาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจึงไม่พลาดเปิดตัวนาฬิกาที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจาก Tokyo 2020 นาฬิกาที่บอกเล่าเรื่องราวของ Tokyo 2020 จาก Omega มีชื่อว่า Seamaster Planet Ocean Tokyo 2020 Limited Edition (Ref.522.33.40.20.04.001) ด้วยชื่อที่ยาวเกินไปกว่าจะเรียกจบนาฬิกาเรือนนี้ก็คงขายหมดไปแล้ว ทำให้เหล่านักสะสมเรียกมันว่า Omega Tokyo 2020 แทน และจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยสีขาวล้วนก็ทำให้ใคร ๆ ต่างก็ให้ความสนใจกับนาฬิกาเรือนนี้ Omega Tokyo 2020 สีขาวล้วนตัวเรือนทำมาจากสเตนเลสสตีล ขนาด
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์สายลับเราจะนึกถึงใครจากเรื่องอะไรบ้าง ? แน่นอนว่าหนึ่งชื่อที่จะต้องถูกยกขึ้นมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงสายลับก็คือ James Bond เจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษรหัส 007 ที่ใครหลายคนยกให้เป็นต้นแบบของความเท่สไตล์สุภาพบุรุษ James Bond เป็นตัวละครโคตรเท่โลดแล่นอยู่ในหน้ากระดาษจากงานเขียนของ Ian Fleming ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายภาคด้วยกัน และตอนนี้ก็มีภาคหนึ่งที่มีอายุถึง 50 ปีแล้ว ภาคที่ว่าคือ On Her Majesty’s Secret Service (1963) นวนิยายลำดับที่ 10 จากหนังสือชุดของ James Bond วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1963 และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันว่า On Her Majesty’s Secret Service (1969) โดยได้ George Lazenby รับบทเป็นสายลับสุดเท่ ซึ่งตอนนี้เรื่องราวของหนังสายลับฉบับภาพยนตร์ On Her Majesty’s Secret Service ก็ครบรอบ 50 ปี ในปี 2019 จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาที่อยู่คู่กับ James
ผู้ชายทุกคนล้วนมี Golden Moments หรือช่วงเวลาสุดยิ่งใหญ่ที่น่าจดจำและมีความหมายต่อหัวใจของเรา แต่ถ้าต้องพูดถึง Golden Moments แห่งมวลมนุษยชาติที่หวนรำลึกกลับไปครั้งใดก็สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ เราทุกคนล้วนนึกถึง “ภารกิจพิชิตดวงจันทร์” จาก Golden Moments ของวันนั้นสู่วันนี้ ครบรอบ 50 ปีแล้วตั้งแต่นักบินอวกาศประทับรอยเท้าแรกลงบนดวงจันทร์จนพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ในช่วงเวลาครบรอบเหตุการณ์สำคัญที่สุดของมวลมนุษยชาติ โอเมก้า (OMEGA) สุดยอดแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลกสัญชาติสวิสจึงฉลองด้วยจักรกลเวลา โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ (OMEGA Speedmaster) รุ่นใหม่ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักบินอวกาศ ภารกิจอพอลโล 11 (Apollo 11) และ Golden Moments แห่งประวัติศาสตร์สุดพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากย้อนกลับไปยังเดือนพฤศจิกายนปี 1969 นับเป็นเวลา 4 เดือนหลังจากที่ Apollo 11 ลงจอดบนดวงจันทร์ เรือนเวลา OMEGA Speedmaster รุ่นพิเศษก็ออกวางจำหน่ายเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของภารกิจพิชิตดวงจันทร์โดยเป็น Speedmaster รุ่นแรกของแบรนด์ซึ่งผลิตระหว่างปี 1969 – 1973 Speedmaster รุ่นแรกของแบรนด์นี้มีเพียงแค่ 1,014 เรือนเท่านั้น แต่ละเรือนยังมีหมายเลขประจำเรือนอีกด้วย โดยนาฬิกาหมายเลข 3 –
หนึ่งในนาฬิกาที่นักสะสมต้องมีติดข้อมือไว้แน่นอนหนึ่งเรือนก็คือ Omega Seamaster ด้วยประวัติศาสตร์ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1993 นอกจากความเที่ยงตรงและความสามารถในการดำน้ำ ผู้ชายทุกคนยังรู้จัก Omega Seamaster ดีในฐานะนาฬิกาที่ James Bond เลือกใส่มาตั้งแต่ปี 1995 ในภาค Golden Eye วันนี้ Seamaster ได้ก้าวมาถึงการพัฒนาคอลเลคชั่นระดับไอคอนนิคครั้งใหม่อย่าง “โอเมก้า ซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M” (OMEGA Seamaster Diver 300M) เรือนเวลาเลื่องชื่อที่ครองใจเหล่านักสำรวจโลกใต้น้ำตลอดกาลครั้งล่าสุดของ OMEGA นั้น ได้หยิบนำเอาวัสดุและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่หลากหลายมาผสานรวมไว้ในเรือนเวลาสำหรับปี 2019 นี้ การพัฒนาก็ยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งด้วยเรือนเวลาอันโดดเด่นรุ่นใหม่ซึ่งผลิตจากวัสดุอย่าง เซรามิกสีดำ และ ไทเทเนียม ถือเป็นส่วนผสมที่มอบทั้งความงดงามและความแข็งแกร่งไว้ในคราวเดียวกัน จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเรือนเวลานี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ในคอลเลคชั่นซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 43.5 มม. เรือนเวลาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยตัวเรือนเซรามิกขัดเงาสีดำกับฝาหลังที่ผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 ขอบตัวเรือนประกอบขึ้นจากโลหะผสมที่มีไทเทเนียมเกรด 5 เป็นหลัก และวงแหวนเซรามิกสีดำที่มาพร้อมกับสเกลดำน้ำอีนาเมลสีขาว OMEGA สลักพื้นหน้าปัดเซรามิกขัดเงาสีดำด้วยเลเซอร์เป็นลวดลายคลื่นอันโ ด่งดังของนาฬิกาในตระกูล Diver
ถ้าหากมีโอกาสได้ลองไปเปิดกรุสมบัติของเหล่านักสะสมนาฬิกา แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อ OMEGA รวมอยู่ในคอลเลคชันเรือนเวลาสุดรักเป็นแน่แท้ ด้วยคุณภาพและเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 170 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาที่เมือง La Chaux-de-Fonds ประเทศ Switzerland เมื่อปี 1848 โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ศตวรรษ OMEGA ได้สร้างสรรค์นาฬิการะดับตำนานออกมามากมาย และ OMEGA Seamaster Diver 300m ก็เป็นหนึ่งในตำนานแห่งเรือนเวลาจาก OMEGA ที่เหล่าคนรักนาฬิกาทั้งหลายต่างหลงใหล ย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นเมื่อครั้งที่นาฬิกา Seamaster Professional Diver 300m ปรากฏโฉมขึ้นมาเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 1993 เครื่องบอกเวลาชิ้นนี้ก็ประสบความสำเร็จในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน จากความหลงใหลที่มีต่อการออกแบบตัวเรือน รวมถึงกลไกประสิทธิภาพสูง ผ่านระยะเวลาเพียงไม่นาน เรือนเวลาก็ได้ไปอยู่บนข้อมือของเหล่านักดำน้ำ นักกีฬา นักวิจัย ไม่เว้นแม้แต่ในภาพยนตร์สายลับชื่อดัง และในวันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปย้อนสัมผัสเหตุการณ์ที่เป็นหมุดไมล์สำคัญของช่วงเวลา 25 ปี การเดินทางก้าวแรกสู่ตำนานของ OMEGA Seamaster Diver 300M HOW THE SEAMASTER
เชื่อว่าผู้ชายหลายต่อหลายคน ต่างก็หลงใหลในเสน่ห์แห่งท้องทะเล กับความงดงามของผืนน้ำสีครามที่ส่องประกายระยิบระยับยามเกลียวคลื่นต้องกับแสงแดด รวมถึงผืนทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวไกลสุดสายตา และแน่นอนว่าการได้มีโอกาสออกไปล่องเรือยอร์ช ปล่อยใจให้ว่าง เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ สูดกลิ่นอายทะเล คือกิจกรรมในวันพักผ่อนที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ยากที่จะปฏิเสธ ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกของการใช้ชีวิตอิสระ ท่องไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่นั้น เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ถูกถ่ายทอดมาสู่อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Key Piece ชิ้นสำคัญคู่กายผู้ชายแทบทุกคน แทบทุกโอกาส นั่นก็คือนาฬิกา ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องบอกเวลา แต่มันคือเรือนเวลาที่บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวแทนแห่งท้องทะเลที่เราพูดถึงนั่นก็คือ OMEGA Seamaster Aqua Terra 15 YEARS OF AQUA TERRA เรือนเวลา Aqua Terra เป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล Seamaster ซึ่ง Seamaster นั้นถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์นาฬิกาของ OMEGA ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และมีเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 69 ปี ส่วนน้องใหม่อย่าง Aqua Terra นั้นถูกเปิดตัวออกมาให้โลกได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2002 หรือ 15 ปีมาแล้ว ชื่อของ Aqua