ถ้าพูดถึงภาพยนตร์สายลับเราจะนึกถึงใครจากเรื่องอะไรบ้าง ? แน่นอนว่าหนึ่งชื่อที่จะต้องถูกยกขึ้นมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงสายลับก็คือ James Bond เจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษรหัส 007 ที่ใครหลายคนยกให้เป็นต้นแบบของความเท่สไตล์สุภาพบุรุษ James Bond เป็นตัวละครโคตรเท่โลดแล่นอยู่ในหน้ากระดาษจากงานเขียนของ Ian Fleming ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายภาคด้วยกัน และตอนนี้ก็มีภาคหนึ่งที่มีอายุถึง 50 ปีแล้ว ภาคที่ว่าคือ On Her Majesty’s Secret Service (1963) นวนิยายลำดับที่ 10 จากหนังสือชุดของ James Bond วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1963 และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันว่า On Her Majesty’s Secret Service (1969) โดยได้ George Lazenby รับบทเป็นสายลับสุดเท่ ซึ่งตอนนี้เรื่องราวของหนังสายลับฉบับภาพยนตร์ On Her Majesty’s Secret Service ก็ครบรอบ 50 ปี ในปี 2019 จึงทำให้แบรนด์นาฬิกาที่อยู่คู่กับ James
ผู้ชายทุกคนล้วนมี Golden Moments หรือช่วงเวลาสุดยิ่งใหญ่ที่น่าจดจำและมีความหมายต่อหัวใจของเรา แต่ถ้าต้องพูดถึง Golden Moments แห่งมวลมนุษยชาติที่หวนรำลึกกลับไปครั้งใดก็สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ เราทุกคนล้วนนึกถึง “ภารกิจพิชิตดวงจันทร์” จาก Golden Moments ของวันนั้นสู่วันนี้ ครบรอบ 50 ปีแล้วตั้งแต่นักบินอวกาศประทับรอยเท้าแรกลงบนดวงจันทร์จนพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ในช่วงเวลาครบรอบเหตุการณ์สำคัญที่สุดของมวลมนุษยชาติ โอเมก้า (OMEGA) สุดยอดแบรนด์นาฬิกาหรูระดับโลกสัญชาติสวิสจึงฉลองด้วยจักรกลเวลา โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ (OMEGA Speedmaster) รุ่นใหม่ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักบินอวกาศ ภารกิจอพอลโล 11 (Apollo 11) และ Golden Moments แห่งประวัติศาสตร์สุดพิเศษได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากย้อนกลับไปยังเดือนพฤศจิกายนปี 1969 นับเป็นเวลา 4 เดือนหลังจากที่ Apollo 11 ลงจอดบนดวงจันทร์ เรือนเวลา OMEGA Speedmaster รุ่นพิเศษก็ออกวางจำหน่ายเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของภารกิจพิชิตดวงจันทร์โดยเป็น Speedmaster รุ่นแรกของแบรนด์ซึ่งผลิตระหว่างปี 1969 – 1973 Speedmaster รุ่นแรกของแบรนด์นี้มีเพียงแค่ 1,014 เรือนเท่านั้น แต่ละเรือนยังมีหมายเลขประจำเรือนอีกด้วย โดยนาฬิกาหมายเลข 3 –
หนึ่งในนาฬิกาที่นักสะสมต้องมีติดข้อมือไว้แน่นอนหนึ่งเรือนก็คือ Omega Seamaster ด้วยประวัติศาสตร์ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1993 นอกจากความเที่ยงตรงและความสามารถในการดำน้ำ ผู้ชายทุกคนยังรู้จัก Omega Seamaster ดีในฐานะนาฬิกาที่ James Bond เลือกใส่มาตั้งแต่ปี 1995 ในภาค Golden Eye วันนี้ Seamaster ได้ก้าวมาถึงการพัฒนาคอลเลคชั่นระดับไอคอนนิคครั้งใหม่อย่าง “โอเมก้า ซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M” (OMEGA Seamaster Diver 300M) เรือนเวลาเลื่องชื่อที่ครองใจเหล่านักสำรวจโลกใต้น้ำตลอดกาลครั้งล่าสุดของ OMEGA นั้น ได้หยิบนำเอาวัสดุและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่หลากหลายมาผสานรวมไว้ในเรือนเวลาสำหรับปี 2019 นี้ การพัฒนาก็ยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งด้วยเรือนเวลาอันโดดเด่นรุ่นใหม่ซึ่งผลิตจากวัสดุอย่าง เซรามิกสีดำ และ ไทเทเนียม ถือเป็นส่วนผสมที่มอบทั้งความงดงามและความแข็งแกร่งไว้ในคราวเดียวกัน จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเรือนเวลานี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ในคอลเลคชั่นซีมาสเตอร์ ไดเวอร์ 300M ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 43.5 มม. เรือนเวลาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยตัวเรือนเซรามิกขัดเงาสีดำกับฝาหลังที่ผลิตจากไทเทเนียมเกรด 5 ขอบตัวเรือนประกอบขึ้นจากโลหะผสมที่มีไทเทเนียมเกรด 5 เป็นหลัก และวงแหวนเซรามิกสีดำที่มาพร้อมกับสเกลดำน้ำอีนาเมลสีขาว OMEGA สลักพื้นหน้าปัดเซรามิกขัดเงาสีดำด้วยเลเซอร์เป็นลวดลายคลื่นอันโ ด่งดังของนาฬิกาในตระกูล Diver
ถ้าหากมีโอกาสได้ลองไปเปิดกรุสมบัติของเหล่านักสะสมนาฬิกา แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อ OMEGA รวมอยู่ในคอลเลคชันเรือนเวลาสุดรักเป็นแน่แท้ ด้วยคุณภาพและเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 170 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาที่เมือง La Chaux-de-Fonds ประเทศ Switzerland เมื่อปี 1848 โดยตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ศตวรรษ OMEGA ได้สร้างสรรค์นาฬิการะดับตำนานออกมามากมาย และ OMEGA Seamaster Diver 300m ก็เป็นหนึ่งในตำนานแห่งเรือนเวลาจาก OMEGA ที่เหล่าคนรักนาฬิกาทั้งหลายต่างหลงใหล ย้อนไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นเมื่อครั้งที่นาฬิกา Seamaster Professional Diver 300m ปรากฏโฉมขึ้นมาเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อปี 1993 เครื่องบอกเวลาชิ้นนี้ก็ประสบความสำเร็จในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน จากความหลงใหลที่มีต่อการออกแบบตัวเรือน รวมถึงกลไกประสิทธิภาพสูง ผ่านระยะเวลาเพียงไม่นาน เรือนเวลาก็ได้ไปอยู่บนข้อมือของเหล่านักดำน้ำ นักกีฬา นักวิจัย ไม่เว้นแม้แต่ในภาพยนตร์สายลับชื่อดัง และในวันนี้เราจะพาชาว UNLOCKMEN ทุกคนไปย้อนสัมผัสเหตุการณ์ที่เป็นหมุดไมล์สำคัญของช่วงเวลา 25 ปี การเดินทางก้าวแรกสู่ตำนานของ OMEGA Seamaster Diver 300M HOW THE SEAMASTER
เชื่อว่าผู้ชายหลายต่อหลายคน ต่างก็หลงใหลในเสน่ห์แห่งท้องทะเล กับความงดงามของผืนน้ำสีครามที่ส่องประกายระยิบระยับยามเกลียวคลื่นต้องกับแสงแดด รวมถึงผืนทรายขาวละเอียดทอดตัวยาวไกลสุดสายตา และแน่นอนว่าการได้มีโอกาสออกไปล่องเรือยอร์ช ปล่อยใจให้ว่าง เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ สูดกลิ่นอายทะเล คือกิจกรรมในวันพักผ่อนที่ผู้ชายอย่างเรา ๆ ยากที่จะปฏิเสธ ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกของการใช้ชีวิตอิสระ ท่องไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่นั้น เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ถูกถ่ายทอดมาสู่อีกหนึ่งสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Key Piece ชิ้นสำคัญคู่กายผู้ชายแทบทุกคน แทบทุกโอกาส นั่นก็คือนาฬิกา ที่ไม่ได้เป็นแค่เครื่องบอกเวลา แต่มันคือเรือนเวลาที่บ่งบอกตัวตนของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวแทนแห่งท้องทะเลที่เราพูดถึงนั่นก็คือ OMEGA Seamaster Aqua Terra 15 YEARS OF AQUA TERRA เรือนเวลา Aqua Terra เป็นสมาชิกใหม่ของตระกูล Seamaster ซึ่ง Seamaster นั้นถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์นาฬิกาของ OMEGA ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และมีเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 69 ปี ส่วนน้องใหม่อย่าง Aqua Terra นั้นถูกเปิดตัวออกมาให้โลกได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2002 หรือ 15 ปีมาแล้ว ชื่อของ Aqua
หากพูดถึงความเกี่ยวข้องระหว่างนาฬิกา OMEGA กับองค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกาอย่าง NASA เชื่อว่าสาวกเรือนเวลาแทบทุกคนคงจะเคยรับรู้ถึงกิตติศัพท์ของตำนาน Moonwatch กับการที่นาฬิกา OMEGA Speedmaster ได้ถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือนักบินอวกาศในการลุยภารกิจพิชิตดวงจันทร์กันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อมีชื่อของอีกหนึ่งตัวละครหลักอย่าง Snoopy ตัวการ์ตูนสุนัขบีเกิ้ลที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมักจะปรากฎตัวอยู่ในเรือนเวลารุ่นพิเศษรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA และ NASA เข้ามาร่วมด้วย งานนี้คงมีอีกหลายคนนึกสงสัยในใจว่าเหตุใด Snoopy ถึงได้มีบทบาทในวาระสำคัญต่าง ๆ ของ OMEGA และ NASA มาโดยตลอด และในวันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจถึงที่มาที่ไปของความความผูกพันระหว่าง SNOOPY, NASA และ OMEGA ที่มีมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษให้ชาว UNLOCKMEN และเหล่าผู้หลงใหลในเรือนเวลา ที่อาจยังไม่ทราบถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ให้ได้กระจ่างกัน SNOOPY ไอคอนแห่งโลกการ์ตูน สู่สัญลักษณ์ภารกิจพิชิตดวงจันทร์ และรางวัลแห่งเกียรติยศ ถ้าจะต้องเล่าเรื่องราวสายสัมพันธ์สุดพิเศษระหว่าง Snoopy และ NASA คงต้องย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 เมื่อ Charles M. Schulz ได้วาดการ์ตูนที่มีสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลนาม Snoopy สวมชุดอวกาศพร้อมเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการ Apollo
เดินทางผ่านประวัติศาสตร์มายาวนานร่วม 60 ปี กับ Speedmaster หนึ่งในคอลเลคชั่นนาฬิกายอดนิยมจาก OMEGA แบรนด์นาฬิกาสุดหรูสัญชาติสวิส ที่นอกจากจะได้ความนิยมในระดับโลก ในประเทศไทยเองก็มีเหล่า Speedmaster Lover อยู่ไม่น้อยเช่นกัน เนื่องในโอกาสพิเศษแบบนี้ ทาง OMEGA จึงเลือกประเทศไทยให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญในการจัดงาน “SPEEDMASTER 60th ANNIVERSARY” เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีแห่งการเดินทางให้กับเรือนเวลาโครโนกราฟเลื่องชื่อของโลกอย่าง Speedmaster แน่นอนว่า UNLOCKMEN ไม่พลาดที่จะไปเก็บบรรยากาศภายในงาน ซึ่งจัดขึ้นมาในรูปแบบเอ็กซิบิชั่นสุดพิเศษ พาผู้ร่วมงานอย่างเราย้อนเวลาสู่ความท้าทายแห่งห้วงอวกาศ เนรมิตพื้นที่ชั้น G ศูนย์การค้า Central Embassy ให้กลายเป็นพื้นผิวดวงจันทร์ที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมแบ่งโซนจัดแสดงนิทรรศการเป็น 7 โซน ให้เราได้ซึมซับหลากเรื่องราวของ Speedmaster ที่ขึ้นหิ้งเป็นตำนานบนหน้าประวัติศาสตร์โลก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในสนามแข่งรถประลองความเร็ว ไปจนถึงความเกี่ยวพันกับห้วงอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชายแทบทุกคนมาตั้งแต่ยังเด็ก สำหรับสุดยอดไฮไลต์ ที่เรามั่นใจว่าผู้หลงใหลมนตร์เสน่ห์แห่งเรือนเวลา รวมถึงเหล่า Speedmaster Lover ทั้งหลายเป็นต้องมุ่งตรงเข้าหา คือโซนที่ 7 โซนสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้ได้ชื่นชมความล้ำค่าระดับมาสเตอร์พีซของ 12 เรือนเวลาแห่งประวัติศาสตร์
หากจะพูดว่านาฬิกา OMEGA Speedmaster ได้ข้ามผ่านช่วงเวลาสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้งคงไม่ผิดนัก หลังจากที่ได้จัดงานฉลองครบรอบ 60 ปี ไปเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยมนต์ขลังของเรือนเวลาที่ผ่านเรื่องราวอันน่าภาคภูมิใจ เริ่มต้นจากการเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่มาพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์บนขอบตัวเรือนซึ่งผลิตขึ้นมาสำหรับนักแข่งรถ อันเป็นต้นกำเนิดของชื่อรุ่น Speedmaster ก้าวมาสู่การเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่ถูกสวมใส่บนดวงจันทร์ ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดเป็นความหลงใหลที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในหัวใจของเหล่าผู้รักนาฬิกาทั่วโลก ในวันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ Benjamin Clymer ชายผู้ก่อตั้งเว็บ Hodinkee.com เว็บไซต์ที่เป็นจุดนัดพบของบรรดาผู้หลงใหลเสน่ห์ของเรือนเวลาจากทั่วทุกมุมโลก ที่ต่างเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับนาฬิกา รวมถึงเป็นแหล่งซื้อขายนาฬิกาหายากที่ควรค่าแก่การสะสม และชายที่เปรียบเสมือนคนดังแห่งวงการนาฬิกาคนนี้ คือหนึ่งในผู้ที่มีความหลงใหลต่อ OMEGA Speedmaster อย่างเปี่ยมล้น ซึ่งเขาจะมาเปิดใจให้เราฟังถึงเรือนเวลาที่ถือเป็นตัวจุดประกายความชื่นชอบนาฬิกาในตัวเขา และทำไม OMEGA Speedmaster ยังคงครองตำแหน่งพิเศษอยู่ในใจของเขาอย่างไม่เสื่อมคลาย จุดเริ่มต้นแห่งความหลงใหลที่คุณมีต่อ OMEGA Speedmaster ? ความหลงใหลใน Speedmaster ของผมเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ที่ได้เห็นมันถูกสวมใส่อยู่บนข้อมือของคุณปู่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสนใจของสะสมที่คุณปู่มีอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายภาพ รถยนต์ เครื่องเสียง คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งนาฬิกา แต่สำหรับนาฬิกา Speedmaster มันทำให้ผมรู้สึกต่างออกไป เมื่ออยู่ใกล้คุณปู่ผมรู้สึกได้ว่าเหตุผลที่เขาซื้อมันมาเพราะต้องการที่จะส่งต่อมรดกแห่งเวลาเรือนนี้ให้กับผม ซึ่งคุณปู่ยังมีนาฬิกาเรือนโปรดอยู่อีกสองเรือน เรือนแรกได้ส่งต่อให้คุณพ่อของผม ส่วนอีกเรือนส่งต่อให้กับคุณลุง แม้ว่าเขาไม่เคยบอกว่านาฬิกาเรือนที่สามนี้จะตกเป็นของใคร แต่ผมก็รู้อยู่แก่ใจว่า
หากกล่าวถึงนาฬิกาที่ได้ไปมีโอกาสไปเยือนดวงจันทร์มาแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก โอเมก้า (OMEGA) เรือนเวลาสุดล้ำที่มีประวัติศาสตร์มากว่า 60 ปี และไม่นานมานี้ เรามีโอกาสพาทุกท่านย้อนเวลาสู่ความท้าทายแห่งห้วงอวกาศอีกครั้งกับ “LOST IN SPACE” งานปาร์ตี้ระดับโลกใจกลางมหานครลอนดอน เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีให้กับเรือนเวลาไอคอนนิคอย่าง สปีดมาสเตอร์ (SPEEDMASTER) ต้องบอกว่าบรรยากาศภายในงานคับคั่งด้วยเหล่าเซเลบริตี้คนดังจากหลายวงการ ร่วมด้วยแขกผู้มีเกียรติคนสำคัญอย่าง GEORGE CLOONEY และ BUZZ ALDRIN พร้อมได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ BRIAN COX มาร่วมเนรมิต พิพิธภัณฑ์เทต โมเดิร์น (TATE MODERN) ให้กลายเป็นห้วงอวกาศที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหลของ 60 เรือนเวลาประวัติศาสตร์จาก สปีดมาสเตอร์ (SPEEDMASTER) นับตั้งแต่ปี 1957 จนถึงปัจจุบัน RAYNALD AESCHLIMANN ประธานและซีอีโอแห่ง โอเมก้า (OMEGA) กล่าวเปิดงาน พร้อมถ่ายทอดมุมมองของตนเกี่ยวกับเรือนเวลาโครโนกราฟว่า “สปีดมาสเตอร์ (SPEEDMASTER) คือหนึ่งในเรือนเวลาโครโนกราฟอันเลื่องชื่อของโลก ไม่ใช่เพียงเพราะตัวตนหรือความเชี่ยวชาญของโอเมก้า (OMEGA) แต่ยังรวมถึงความไว้วางใจจากผู้คนทั่วโลกที่สวมใส่มาอย่างยาวนาน ถึงแม้จะล่วงเลยมากว่า
หากผู้ชายอย่างเราจะต้องเลือกนาฬิกาข้อมือคู่ใจสักเรือนหนึ่ง ปัจจัยหลัก ๆ ในการตัดสินใจคงหนีไม่พ้นเรื่องของงานดีไซน์ที่เข้าตา ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ นอกจากนี้ชื่อเสียงและประวัติความเป็นมาของแบรนด์ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่เรามองข้ามไปไม่ได้ เพราะประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ย่อมมีผลต่อความเชื่อมั่นในคุณภาพการใช้งาน อีกทั้งยังส่งผลต่อความภาคภูมิใจหากนาฬิกาบนข้อมือเรานั้นคือผลผลิตจากแบรนด์ที่มีจุดร่วมสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์โลกมาอย่างยาวนาน และหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาที่เราเชื่อว่าต้องเป็นที่รู้จัก เป็นที่หมายปองของเหล่าชายชาตรี คงหนีไม่พ้นแบรนด์ OMEGA และยิ่งเป็นรุ่นที่อยู่ในตระกูล Speedmaster ซึ่งมีเรื่องราวเท่ ๆ มากมายบนหน้าประวัติศาสตร์โลก กับจุดเริ่มต้นในการเป็นนาฬิกาสำหรับนักแข่งรถ และก้าวข้ามไปสู่ภารกิจบนอวกาศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายแทบทุกคนใฝ่ฝันจะได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ OMEGA Speedmaster จะถูกเลือกให้เป็นเรือนเวลาที่ประดับอยู่บนข้อมือของใครหลายต่อหลายคน และเนื่องในโอกาสที่ OMEGA Speedmaster ได้เดินทางผ่านกาลเวลา และประวัติศาสตร์บทสำคัญมาจนครบรอบ 60 ปี UNLOCKMEN จึงขอเลือก 10 รุ่นสุดประทับใจ ที่เรามองว่ามันเปรียบเสมือนตัวแทนความสำเร็จ และเป็นหลักไมล์สำคัญในการพัฒนาของ OMEGA Speedmaster มาแนะนำให้ได้รู้จักเรื่องราวความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาของแต่ละรุ่น หรือใครที่เป็นนักสะสมนาฬิกาตัวยง อยากจะใช้ลิสต์นี้เป็นตัวช่วยในการออกตามล่า Speedmaster รุ่นหายากมาเก็บเอาไว้ในคอลเลคชันส่วนตัว เราก็ยินดี 1957 “BROAD ARROW” : The first Speedmaster สำหรับรุ่นแรกที่เราเลือกมาคงจะเป็นเรือนไหนไปไม่ได้ นอกจากต้นกำเนิดตำนานของตระกูล Speedmaster