Life

ทำไมเราต้องหลงรักเพื่อนร่วมงาน ? หรือนี่เป็นสาเหตุที่ CEO McDonald’s ถูกปลดจากตำแหน่ง

By: anonymK November 5, 2019

ข่าวปลด CEO ของ McDonald แบบฟ้าผ่า เพราะเขาดันไปมีความสัมพันธ์กับพนักงาน (consensual relationship) แม้ว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมาเขาจะเคยสร้างผลงานดี ๆ ไว้มากมาย ทั้งการนำระบบดิจิทัลมาใช้งานและเพิ่มคุณภาพวัตถุดิบผลิตอาหารจนได้รับการยอมรับ แต่ก็ไม่อาจกู้ตำแหน่งไว้ได้ ส้มจึงหล่นไปเป็นของ Chris Kempczinski

Steve Easterbrook อดีต CEO ของ McDonald’s

ในเมื่อนี่กลายเป็นปัญหาที่ทำให้สื่อระดับโลกหลายเจ้าเลือกมาเล่น ทั้ง Bloomberg, TIME, CBS ฯลฯ หรือกับสื่อไทยเองก็ยังต้องพูดถึงเช่นกัน UNLOCKMEN จึงอาสาหาเหตุผลที่ทำให้ Steve Easterbrook เลือกเทใจให้คนในออฟฟิศ แทนประชากรจำนวนหลายพันล้านคนบนโลกที่อยู่นอกออฟฟิศเขา จากหลักจิตวิทยาที่มาแบ่งปันให้คุณคิดตามว่า…จริงไหมที่เราสามารถหลงรักเพื่อนร่วมงานได้ง่าย ๆ ?

WORK RELATIONSHIP

ทำไมเราถึงต้องหวั่นไหวกับเพื่อนร่วมงาน ก่อนอื่นต้องยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญเพราะมีผลการศึกษาทางจิตวิทยาบอกว่าคนเรามีแนวโน้มเผลอใจให้คนที่ทำงานได้ ถึงจะเจอกฎเหล็กบริษัทก็พร้อมจะแหกมันให้ได้ จากเหตุผลเหล่านี้

“1,680 ชั่วโมงต่อปี คือเวลาขั้นต่ำที่เราใช้ร่วมกันกับเพื่อนร่วมงาน ก็เป็นธรรมดาที่เราจะใช้เวลาร่วมกับพวกเขามากกว่าคนอื่น ๆ” – CEO และผู้ก่อตั้งแอปฯ รักษาสุขภาพจิต ‘Remente’ กล่าว

  • มีคำกล่าวว่าเราใช้เวลา 200 ชั่วโมงเพื่อสร้างมิตรแท้กับใครสักคน ดังนั้น การทำงานใช้ที่เวลา 8 ชั่วโมงร่วมกันต่อวัน จึงสามารถพัฒนาจากเพื่อนสนิทไปเป็นความสัมพันธ์แบบโรมานซ์ได้
  • การทำงานด้วยกันทุกวัน มองเห็นปัญหาระหว่างกัน เห็นอีกฝ่ายตอบสนองกับความกดดันอย่างไร มันง่ายมากที่เราจะร่วมแชร์ความรู้สึกกับข้อมูลส่วนตัวและคำแนะนำให้พวกเขาระหว่างเบรกช่วงกลางวันหรือไปต่อด้วยการนั่งดื่มกันหลังเลิกงาน
  • สถิติเผยว่าคนจำนวนถึง 17% ในที่ทำงานได้คบกันยาว ๆ ไปจนแต่งงาน จุดเริ่มต้นมักมาจากการส่งข้อความพูดคุยระบายเรื่องงานออกไป ตัวเลขนี้โชว์ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ก็ยืดจริง ไปได้ไกลจริง
  • เรามักตกหลุมรักคนที่มีความคล้ายเรา ทั้งประสบการณ์และความคิดเห็น ดังนั้น สภาพแวดล้อมเดียว ๆ กันนี่แหละขัดเกลาความสนใจที่แตกต่างให้คล้ายคลึงกัน เสพสิ่งเดียวกันและดึงดูดกันโดยปริยาย

กำแพงความสัมพันธ์ที่พังทลายจากความใกล้ชิดและเห็นใจ แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแบบโรแมนติกโดยไม่รู้ตัว และในที่สุด แนวโน้มที่จะล้ำเส้นก็อยู่ที่ปลายตีนเท่านั้น

 

รักในความลับ? ทำไมถึงต้องแอบ ต้องปิดบังเมื่อความรักเป็นสิ่งสวยงาม

กฎห้ามคบหากันในบริษัท กำเนิดมาตั้งแต่สมัยไหนเราไม่รู้ แต่เหตุผลของการออกกฎที่ทำให้มันยังคงแข็งแรงมาจนถึงปัจจุบัน มาจากข้ออ้างที่กล่าวว่ามันคือบ่อเกิดของความผิดพลาดเรื่องงานและความอยุติธรรมจากการเอื้อประโยชน์เพราะความสัมพันธ์ ซึ่งจากการสำรวจและเผยแพร่ใน Business Insider ยืนยันว่า หญิงสาวผู้ร่วมสำรวจที่มีโอกาสเดตกับผู้จัดการมักได้สิทธิพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น เงินเดือน โบนัส และอำนาจเหนือเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ

ข้อเสียมี ข้อดีก็ต้องมีเช่นกัน จากการศึกษาของ University of Gothenburg ในสวีเดนเผยว่า การมีความรักในออฟฟิศมันช่วยกระตุ้นเรื่องความโปรดักทีฟได้ เพราะพวกเขาอยากจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจ เห็นว่าทำงานได้ดี และสามารถเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีซึ่งกันและกันได้

ส่วนเหตุผลของการปิดบังเรื่องความสัมพันธ์ทั้งที่ควรเปิดเผยนั้นมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

  • เสี่ยงเสียชื่อเสียงเรื่องความเป็นมืออาชีพการทำงาน
  • เสี่ยงเสียตำแหน่งต้องแบกรับความกดดันความไม่สบายใจในการทำงาน
  • คนอื่นนินทาเรื่องความสัมพันธ์อย่างสนุกสนาน บางคนตัดสินตัวตนของเราและเลือกปฏิบัติ

ทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลให้ 76% ของคนที่ตัดสินใจเดินหน้าสร้างความรู้สึกดี ๆ ต่อกันเลือกจะเก็บมันเป็นความลับ เพื่อให้ปลอดภัยและดีต่อใจไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าความสัมพันธ์มันไม่เวิร์กเหมือนตอนเริ่ม พวกเขาก็ไม่ต้องเจ็บหนักกับความกระอักกระอ่วนที่หลายฝ่ายจับจ้อง

 

คนมีนับล้านบนโลก ทำไมเราต้องหลงรักเพื่อนร่วมงาน

แม้เหตุผลทางจิตวิทยาจะโชว์ให้เห็นว่านี่คือเรื่องธรรมดา แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าทุกคนจะคิดแบบเดียวกันเสียหมด เพราะผลการสำรวจเผยว่าคนจำนวน 2 ใน 3 ของกลุ่มสำรวจเท่านั้นที่ลงเอยกับคนในออฟฟิศ ยังมีกลุ่มคน อีกส่วนที่ไม่แม้แต่จะมีความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาเลยสักครั้ง พวกเขาไม่พ่ายแพ้ต่อความหวั่นไหวเพราะเวลา ความเห็นใจ หรืออะไรทั้งนั้น เพราะมองว่าความรักกับงานไม่ควรจะเอามาปะปนกัน

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องถูกหรือผิดหากคุณอาจจะคบใครสักคนในที่ทำงาน ของบางอย่างเรารู้สึกไปแล้วมันก็แก้ไม่ได้ แต่สำหรับคนไหนที่เจอกฎเหล็กบริษัทแบบเดียวกับ Mcdonald ก็ให้ดูเรื่องนี้ไว้เป็นลู่ทางเพื่อวางแผนความสัมพันธ์ให้รัดกุมขึ้น หรือสุดท้ายแล้วเมื่อมันจำเป็นต้องเลือกคุณก็ลองชั่งน้ำหนักให้ดีว่าความสัมพันธ์ที่เกิดยังคุ้มค่าไหม

สำหรับ Steve Easterbrook พ่อหนุ่มอดีต CEO ถ้าไม่ใช้เงินเดือนเปลืองเราว่าเขาคงหายห่วง ยังอยู่ได้แบบสบาย ๆ ไปสักพักใหญ่ ๆ เพราะตัวเลขรายได้ส่วนตัวของเขาที่เปิดเผยเมื่อปีที่แล้ว (2561) มันมากถึง 8 หลัก หรือราว 15.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยราว 480 ล้านบาทเชียว เหลือ ๆ ไว้ลงทุนอย่างอื่นก็สบาย และนี่อาจจะเป็นโอกาสดีทำให้ทั้งคู่มีโอกาสคบกันได้อย่างเปิดเผย หากได้ไปทำงานที่บริษัทอื่นด้วย

 

SOURCE: 1 / 2 / 3

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line