

FASHION
เปิดประวัติอีกหนึ่งแบรนด์สปอร์ตแวร์ที่มาแรงแซงทุกทางโค้งอย่าง Champion Apparel
By: unlockmen March 30, 2017 56917
อย่างที่เราได้เคยบอกไปว่า ณ ปัจจุบันเทรนด์ sportwear กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากเรียกว่ากลายเป็น mainstrem fashion ที่สามารถมองเห็นได้ทั่วไปไม่ว่าจะหันไปทางไหน ซึ่งในแต่ละวันสไตล์การแต่งตัวก็พัฒนาไปเรื่อยๆ อยู่เสมอ มีการคิดค้นโปรดักส์ใหม่ๆ หรือการดึงเอาสินค้าเก่าๆ กลับมาแต่งเติมให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น และหากจะบอกว่าชั่วโมงนี้ไม่มีใครที่จะฮ๊อตฮิตไปกว่า Champion Apparel แบรนด์กีฬาสัญชาติอเมริกาก็ดูจะไม่ผิดเพี้ยน
Champion Apparel ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่อยู่คู่กับวงการกีฬามาอย่างยาวนานกว่า 60 ปีและเป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนวงการกีฬาจนมาสู่ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันด้วยทิศทางที่ชัดเจนไม่มีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่ยังคงความคลาสสิคตลอดมาไม่เสื่อมคลายทำให้วันนี้เราจึงได้หยิบนำประวัติของ Champion Apparel มาเล่าสู่กันฟัง
ในปี 1919 พี่น้องตระกูล Feinbloom ได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Champion” เพื่อต้องการจะผลิตเครื่องแบบกีฬาที่มีความร่วมสมัยและเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้สวมใส่ขณะทำกิจกรรม ซึ่งนโยบายในช่วงแรกคือการนำสินค้าไปเสนอขายให้ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ และพันธมิตรเจ้าแรกที่ไว้วางใจเลือกใช้ Champion เป็นเสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬาคือมหาวิทยาลัย Michigan โดยพวกเขาบอกว่าหลังจากได้ลองทดสอบผลิตภัฑณ์จาก Champion แล้วพบว่ามีคุณภาพสูงและคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป หลังจากนั้น Champion ก็ค่อยๆ แพร่กระจายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาเป็นกระแสปากต่อปาก
พอกาลเวลาผ่านไปจนถึงปี 1930 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในบริษัท พวกเขาได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น Champion Knitting Mills Inc. ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการผลิตเสื้อ sweatshirt , t-shirt และถุงเท้า Champion กลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจสำหรับนักเรียนนักศึกษารวมถึงนักกีฬา เนื่องจากมีราคาถูกแถมคุณภาพดีทนทาน
เสื้อ Sweatshirt ที่เป็นสินค้าขึ้นชื่อของ Champion ถูกผลิตจากขนสัตว์ สามารถปกป้องผู้ใส่จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดทำให้เสื้อ Champion ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนถูกส่งต่อไปถึงเหล่าผู้ใช้แรงงานรวมไปถึงในกองทัพสหรัฐที่มีการรับรองให้พวกเขาผลิตเสื้อออกกำลังกายและชุดฝึกให้กับทางกองทัพ หลังจากนั้น Champion ได้ผลิตเสื้อ sweatshirt ที่เรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นต์สร้างชื่อและต้นแบบสำหรับการทำเสื้อ Sweatshirt ในปัจจุบันนั่น คือ Reverse Weave หรือการเย็บแบบแนวขวาง
เนื่องจากสมัยก่อน เมื่อผู้ดูแลเครื่องแบบนักกีฬานำเสื้อผ้าไปซักรวมกัน แล้วเกิดการสึกกร่อนกินเนื้อผ้า รวมถึงขนแกะที่ใช้ในการผลิตเสื้อ sweatshirt พอผ่านการซักจะเกิดการหดตัว ทำให้ Champion คิดค้นนวัตกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการหดตัวอีกทั้งการเย็บด้วยวิธีการนี้ยังสามารถกระจายความร้อนของร่างกายหลังจากฝึกซ้อมได้ดีอีกด้วย ทาง Champion พยายามที่จะจดสิทธิบัตร Reverse Weave แต่เนื่องจากติดช่วงสงครามโลกครั้งที่สองทำให้การจดสิทธิบัตรในครั้งนี้ล่าช้ากินเวลาไปกว่า 15 ปี จนถึงปี 1952 กว่าพวกเขาจะทำได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกันบริษัทก็มีการดีไซน์โลโก้ใหม่ออกเป็นสัญลักษณ์ตัวอักษร “C” ในปี 1960 นับจากวันนั้นพวกเขาก็ไม่เคยมีการปรับเปลี่ยนโลโก้อีกเลย Champion ได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางวงการกีฬาภายในประเทศ เพราะพวกเขามาเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับ NCAA หรือการแข่งฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนจะตามมาด้วย NFL หรือการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในเวลาถัดมา
Champion ยังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องด้วยการผลิตเสื้อ reversible tee หรือเสื้อที่สามารถใส่ได้ทั้งสองด้านผลิตจากผ้าตาข่าย nylon (ซึ่งพวกเขาก็เป็นเจ้าแรกอีกเช่นกัน) ก่อนที่นวัตกรรมนี้จะถูก NBA ขอไปนำไปใช้ในการผลิตเครื่องแบบ (Jersey) สำหรับนักบาสเก็ตบอลในการสวมใส่ลงแข่ง ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำในเรื่องของเสื้อผ้ากีฬาไม่มีใครจะมาทัดเทียม Champion ได้อีกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นการได้เป็นผู้สนับสนุนหลักของทั้ง 27 ทีมบาสสเก็ตบอล NBA แถมทีมบาสชุดก้องโลกอย่าง “Dream Team” หรือขุนพลนักบาสเก็ตบอลชายทีมชาติสหรัฐอเมริกาที่ประกอบด้วยรวมดาราอย่าง Magic Johnson, Larry Bird, Micheal Jordan ก็สวมใส่ Champion ในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิคที่ บาร์เซโลน่า
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้แบรนด์ได้แพร่กระจายไปยังยุโรปและเป็นที่นิยมอย่างมาก เรียกว่าเป็นช่วงเวลาอันหอมหวานของ Champion อย่างแท้จริงในยุค 90s แต่แล้วหลังจากยุค millennium ที่แบรนด์กีฬามากมายเกิดขึ้นบวกกับในช่วงปี 2000s เป็นเทรนด์แห่งอะไรที่ดูล้ำสมัยดู future ทำให้สินค้ามากมายที่โด่งดังด้วยดีไซน์คลาสสิคได้รับความนิยมลดลง Champion ก็เช่นกันพวกเขาได้กลายเป็นสินค้า niche เฉพาะกลุ่มเพราะดีไซน์ที่เรียบง่าย ผู้บริโภคจึงมองว่าเชยและโบราณเกินไป
แต่แล้วนาย Manny Martinez ผู้ที่คลั่งไคล้เรียกว่าเป็นแฟนพันธุ์ของแบรนด์เดินเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ เพราะเชื่อว่าวันหนึ่ง Champion จะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยเขากล่าวว่าตอนที่เดินเข้ามาในบริษัทด้วยฐานะเด็กฝึกงานธรรมดาและเขาเห็นทุกคนเฝ้าคิดว่า Champion จะต้องปรับรูปลักษณ์เพื่อให้ทันสมัย ทันเกมส์ตลาดโลก แต่ตัวเขาเองกลับเชื่อว่าตัวตนของ Champion นั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงเวลาที่ Champion ตกต่ำเพราะมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับเทรนด์ 90s ถูกกลืนเข้าไปในโลกของแฟชั่น เขาใช้เวลากว่า 12 ปีในการที่จะทำให้ Champion กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
Manny Martinez
และการจะทำให้แบรนด์กลับมายิ่งใหญ่ คุณจะต้องสร้าง word of mouth ซึ่งเขาคิดว่าวิธีการที่ Champion ได้ไปทำการ collab กับสุดยอดแบรนด์สตรีทอย่าง Supreme,Undefeated, Bape หรือแม้แต่การเพิ่มมูลค่าของตัวด้วยการร่วมงานกับไฮแฟชั่นอย่าง Vetements ก็สามารถสร้างไฮไลท์ให้กับ Champion กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ซึ่งทุกงาน Champion จะไม่ทิ้งตัวตนที่เป็นจุดเด่นของตัวเองนั้นคือ Sweatshirt และผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่นาย Manny Martinez บอก
เพราะในขณะนี้ Champion ถือเป็นแบรนด์ที่มีความต้องการมากที่สุดในวงการแฟชั่นไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ๆ ที่พวกเขาเองไม่จำเป็นต้องเพิ่งแบรนด์อื่นๆ ในการมา collab ให้เป็นที่ต้องการอีกต่อไป พวกเขาสามารถทำให้แบรนด์สร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง เซเล็ปคนดังมากมายหันมาสวมใส่ Champion ได้อย่างไม่เคอะเขินหรือแม้แต่ของ Vintage ในตลาดมือสองราคาสินค้า Champion ก็พุ่งขึ้นสูงที่สุดกลายเป็น Vintage Items ที่มีคนให้ความสนใจมากจนแซงหน้าแบรนด์อื่นๆ ชนิดไม่เห็นฝุ่น