CARS

MOTIVATHLETE : ‘CHARLES LECLERC’ผมฝันเป็นนักขับ FERRARI F1 TEAM เพื่อพ่อและพี่ชายผู้ล่วงลับ

By: SPLESS July 17, 2019

“แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ผมเป็นหนี้บุญคุณพวกเขาเสมอ ขอบคุณพ่อและจูลส์สำหรับทุกอย่าง ผมจะไม่มีวันลืมพวกคุณที่สนับสนุนและเชื่อในตัวผม”

ประโยคข้างต้นคือคำกล่าวขอบคุณของชาร์ล เลอแคลร์ (Charles Leclerc) ถึงผู้เป็นพ่อและพี่ชายผู้ล่วงลับ ผู้ต่างเคยสนับสนุนและเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเขาฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นนักแข่งรถสูตร 1 ของทีมเฟอร์รารี่ (Ferrari) ด้วยวัยเพียง 21 ปี ซึ่งทำให้เขาคนนี้กลายนักขับตัวจริงของทีมที่มีอายุน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1961

ถ้าพูดภาพจำของกีฬามอเตอร์สปอร์ตอย่าง Formula 1 เชื่อว่าหนึ่งในภาพแรกที่สอดแทรกเข้ามาในหัวของทุกคน คงต้องเป็นรถแข่งคันสีแดงของทีมเฟอร์รารี่ หนึ่งในทีมรถสูตรหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่เคยคว้าแชมป์โลกร่วมกับยอดนักขับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิกิ เลาดา (Nikki Lauda), คิมิ ไรโคเนน (Kimi Räikkönen) และตำนานอย่างมิชาเอล ชูมัคเกอร์ (Michael Schumacher)

Getty Images

ที่ผ่านมาแฟน ๆ ของยอดทีมจากอิตาลี ล้วนเคยชินกับการที่ทีมรักของพวกเขาพร้อมไปด้วยนักขับที่เต็มเปี่ยมทั้งด้านฝีมือและประสบการณ์ แต่ทว่าก่อนฤดูกาล 2018 จะจบ เฟอร์รารี่ก็ตัดสินใจทำสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิด ด้วยการเซ็นสัญญากับนักขับหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์ในการแข่งขัน Formula 1 เพียงแค่ปีเดียว

นั่นคือวันที่หลายคนต่างตั้งคำถามว่า ไอ้หนูที่ชื่อชาร์ล เลอแคลร์ นี่มันใครกันวะ ? เขามีฝีมือการขับรถที่สุดยอดแค่ไหนกัน? เฟอร์รารี่ถึงได้เลือกเขาเข้ามาแทนที่คิมิ ไรโคเนน และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักเรื่องราวของหนุ่มคนนี้ รวมไปถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาวิ่งแซงทุกอุปสรรคและทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จในที่สุดไปพร้อม ๆ กัน

 

หนึ่งในนักขับที่มีพรสรรค์ที่สุดในรอบ 20 ปี

ชาร์ล เลอแคลร์ เกิดและเติบโตขึ้นในเมืองมอนติคาโล ราชรัฐโมนาโก จึงไม่ต้องแปลกใจที่เขาคนนี้จะถูกปลูกฝังดีเอ็นเอของความเป็นนักแข่งรถมาตั้งแต่วัยเยาว์ เพราะนี่คือดินแดนที่มีการแข่งขันรถยนต์รายการสำคัญของโลกจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือสนามสำคัญของสังเวียนรถสูตร 1 อย่าง Monaco Grand Prix

โดยชาร์ล เลอแคลร์ มักเล่าว่า ตัวเขาจะเฝ้าชมการแข่งขันผ่านระเบียงห้องพักของเพื่อนซึ่งสามารถเห็นการแข่งขัน แน่นอนว่ารถที่เขาสอดส่ายสายตามองหาอยู่ตลอดเวลาคือรถแข่งสีแดงสดของเฟอร์รารี่

formula1

ความหลงใหลในความเร็วและแรงสนับสนุนจากคุณพ่อ คืออีกหนึ่งพลังที่ส่งให้ชาร์ล เลอแคลร์ เข้าสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต โดยเริ่มจากการแข่งขันโกคาร์ทตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาได้รู้จักกับฌูล บีย็องกี (Jules Bianchi) เด็กหนุ่มที่มีอายุมากกว่าตัวเขา 8 ปีและเป็นฌูล นี่เองที่ค่อยแนะนำตัวเขาทั้งด้านการแข่งรถรวมถึงการเติบโตของชีวิตนอกสนาม

นั่นทำให้ชาร์ลนับถือจูลส์มาก ๆ ในฐานะพี่ชาย ขณะเดียวฌูลก็กำลังก้าวเข้าสู่วงการ F1 และความฝันของเขาคือการเป็นนักขับให้กับเฟอร์รารี่ เช่นเดียวกับหนุ่มน้อยชาร์ลนั่นเอง

ในช่วงเวลาเดียวกันชาร์ลก็เริ่มฉายแววดาวรุ่งของตัวเองออกมา ด้วยการคว้าแชมป์ในรุ่นจูเนียร์มาครองมากมาย ก่อนจะยกระดับจากโกคาร์ทสู่รถรุ่นที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อ

reddit

ในปี 2014 ที่ชาร์ลขยับสู่แรงม้าที่สูงขึ้นกับการแข่งขันในรายการ Formula Renault 2.0 Alps โดยขับให้ทีม Fortec Motorsport พร้อมโชว์ฟอร์มสวยด้วยการขึ้นโพเดียมถึง 3 ครั้งจากการแข่งขัน 6 รายการในปีแรก ก่อนคว้าแชมป์ในประเภท Junior’s Championship มาครองได้สำเร็จ แต่ในเวลาเดียวกันเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับตัวเขา

5 ตุลาคม 2014 ระหว่างการแข่งขัน F1 Japanese Grand Prix  รถของฌูล บีย็องกี บุคคลที่เขารักและนับถือเหมือนพี่ชายแท้ ๆ ได้สูญเสียการควบคุมและพุ่งเข้าชนกับรถกู้ภัยระหว่างการแข่งขัน อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ฌูลต้องเข้าผ่าตัดฉุกเฉินจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในช่วงเวลาต่อมา

การสูญเสียในครั้งนั้นนำความโศกเศร้ามาสู่ชาร์ล เลอแคลร์เป็นอย่างมาก แต่แทนที่เขาจะจมอยู่กับความเสียใจ ชาร์ลกลับนำมันมาเปลี่ยนเป็นพลังให้ตัวเขาเดินทะยานความฝันของตัวเองและสานฝันในส่วนของฌูลต่อไป

ชาร์ลและจูลส์ ภาพจาก Twiiter Charles Leclerc

Dream To Be Ferrari F1 Team Driver

ด้วยพรสวรรค์ในการขับรถแข่งที่ล้นเหลือ ในปี 2015 ชาร์ล เลอแคลร์ ก็เข้าแข่งขันในรายการ FIA Formula 3 European Championship ก่อนโชว์ผลงานด้วยการคว้าแชมป์ใน 4 สนาม ความเฉิดฉายของเขาก็ยังคงดำเนินต่อไปเมื่อเข้าแข่งขันในรายการ GP3 กับทีม ART Grand Prix ซึ่งในเวลานั่นเป็นต้นสังกัดเดียวกันกับนักขับสัญชาติไทยอย่างอเล็กซานเดอร์ อัลบอน

 

SCMP Pictures

และด้วยทักษะในการขับที่โดดเด่นกว่าใครในรุ่น ก็ทำให้ ชาร์ล เลอแคลร์สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าแข่งขัน ก่อนขยับเข้าใกล้ความฝันของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเป็นนักขับในระดับ Formula 2

ฤดูกาลต่อมา ยิ่งให้เห็นว่าความสามารถของหนุ่มน้อยคนนี้ยังไม่ถึงทางตัน เมื่อลาร์ลสามารถคว้าแชมป์ F2 มาครองได้ตั้งแต่ปีแรกที่ลงแข่งขัน ทำให้เขากลายเป็นนักแข่งรถล้อเปิดคนเดียวในโลก ที่ทำสถิติคว้าแชมป์ GP3 และ F2 ตั้งแต่ปีแรกที่เข้าแข่งขัน

แต่ในช่วงเวลานั้น ใครจะรู้ว่าเป็นอีกครั้งที่ชาร์ล เลอแคลร์ ต้องสูญเสียคนสำคัญอีกหนึ่งคนในชีวิตไป ซึ่งคราวนี้เป็นพ่อแท้ ๆ ของเขา เรื่องราวนี้เองที่แสดงให้เห็นว่าหนุ่มน้อยซึ่ง ณ เวลานั้นมีอายุเพียง 18 ปีมีหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่งมากเพียงใด

maxresdefault

หนึ่งสัปดาห์ก่อนการแข่งขัน Formula 2 ที่สนาม Baku City Circuit หนึ่งในสนามสำคัญประจำปี ในตอนนั้นชาร์ล เลอแคลร์เพิ่งรับรู้ข่าวการสูญเสียคุณพ่อไปไม่นาน แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของชาร์ลมาก จนทำให้การออกสตาร์ทในช่วงแรกผิดพลาดและทำให้ตัวเขาหล่นไปอยู่ลำดับสุดท้ายจากบรรดานักแข่งทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เพื่อคนที่คอยผลักดันและสนับสนุนในตัวเขามาตลอดชีวิต ชาร์ลกัดฟันฮึด ก่อนเหยียบคันไล่แซงรถของทีมคู่แข่งไปทีละคัน รอบต่อรอบ จนกระทั่งทะยานเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 พร้อมกับการขึ้นโพเดียมด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย

เหตุการณ์ครั้งนั้นเองที่ทำให้ทีม Alfa Romeo Sauber F1 Team มองเห็นว่า ตัวเขาพร้อมแล้วทั้งด้านจิตใจและฝีมือ สำหรับการแข่งขันในระดับสูงสุดของวงการอย่าง Formula 1

Dream Come True!

gulftoday

ฤดูกาล 2018 ชาร์ล เลอแคลร์เปิดตัวในฐานะนักขับของ Alfa Romeo Sauber F1 Team หนึ่งในทีมที่ต้องการแย่งพื้นที่ของทีมกลางตารางในสังเวียนการรถสูตร 1 ด้วยสมรรถนะของรถแข่งที่ด้อยกว่ามหาอำนาจอย่าง Mercedes , Ferrari รวมไปถึง Red Bull Racing รวมถึงทีมกลางตารางอีกหลายทีม

แต่หนุ่มน้อยวัย 20 ปีคนนี้ก็แสดงให้เห็นว่าประสบการณ์และอายุไม่เป็นอุปสรรคต่อตัวเขา ด้วยการโชมฟอร์มคว้าอันดับที่ 6 ในรายการ Azerbaijan Grand Prix และอันดับ 7 ในรัสเซีย, เม็กซิโก, บราซิลและอาบูดาบี ก่อนจบฤดูกาลด้วยคะแนนแชมป์โลกนักขับในอันดับที่ 13 พร้อมผลงานการขับที่ทั้งไล่บี้และแซงนักแข่งมากประสบการณ์เอาไว้ตลอดทั้งปี ทำให้เขากลายเป็นที่หมายตาของทีมใหญ่ในทันที

autoweek

11 กันยายน ปี 2018 ในที่สุดความฝันของเด็กหนุ่มที่ชื่อชาร์ล เลอแคลร์ ก็กลายเป็นจริง เมื่อเฟอร์ราี่ ประกาศให้เขามาเป็นหนึ่งในนักแข่งหลักของทีมคู่กับเซบัสเตียน เวลเทล ด้วยสัญญาสลับทีมกับคิมิ ไรโคเนนที่จะย้ายไปขับกับ Alfa Romeo โดยสัญญาของเขาเซ็นต์ยาวไปถึงปี 2022 เรียกว่าเป็นการวางแผนเผื่ออนาคตของเฟอร์รารี่ก็ว่าได้

Motorsport Images-LAT

ปัจจุบันหนุ่มน้อยที่ชื่อชาร์ล เลอแคลร์ เดินออกมาจากพิตในยูนิฟอร์มสีแดงสดที่ตัวเขาเคยฝันจะสวมใส่มาตั้งแต่วัยเด็ก โดยมีรถคันสีแดงซึ่งคราวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถขับได้เร็วที่สุด และการแข่งขัน Formula 1 World Championship ในฤดูกาล 2019 ผ่านพ้นไปแล้ว 10 จาก 21 สนาม (ข้อมูล ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2019)

ชาร์ลยังคงโชว์ผลงานร้อนแรง เริ่มตั้งแต่สนามที่ 2 Bahrain Grand Prix ด้วยการคว้าตำแหน่ง Pole Position (ออกตัวอันดับแรก เพราะทำเวลาในรอบคัดเลือกได้ดีที่สุด) Fastest Lap (ทำเวลาต่อรอบดีที่สุด) พร้อมกับคว้าตำแหน่งที่ 3 ไปครอง เป็นรองเพียง 2 ยอดนักแข่งจาก Mercedes-AMG Petronas อย่างวัลท์เทอรี บอลทาสและแชมป์โลก 5 สมัยที่อย่างลูอิส แฮมิลตันเท่านั้น

นอกจากนี้ชาร์ลยังโชว์ฝีมือการขับจนได้ขึ้นโพเดียมในอันดับที่ 3 ใน Canadian Grand Prix, French Grand Prix และ British Grand Prix รวมถึงลำดับ 2 ในสนาม Austrian Grand Prix ซึ่งพลาดการแชมป์แรกในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยจบอันดับต่ำกว่าที่ 5 เลยสำหรับการแข่งปีนี้ ยกเว้นต้องออกจากการแข่งขันที่ Monaco Grand Prix สนามในบ้านเกิด ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มวัย 21 ปีคนนี้กำลังก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับยอดฝีมือในวงการ เพียงแค่รอเวลาให้ฝีมือสุกงอมจนก้าวไปถึงระดับแชมป์โลกเท่านั้น ต้องมาดูกันว่าเขาจะทำมันได้หรือไม่

Twitter

SOURCE : 1/2/3/4/5/6

 

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line