FASHION

“CODE 11.59 BY AUDEMARS PIGUET” STANDS FOR ITS GENETIC CODE

By: Chaipohn April 26, 2019

ไม่ได้เป็นเพียงเรือนเวลาที่ถูกพัฒนามาจากรุ่นก่อน หรือเป็นโมเดลที่เผยโฉมประจำปีเท่านั้น แต่นี่…คือการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของ โอเดอมาร์ ปิเกต์ กับการเปิดตัวไลน์อัพใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอลเลคชั่นที่ชื่อว่า “CODE 11.59” โดยคำว่า “CODE” มาจากการนำตัวอักษรย่อของคำว่า Challenge, Own, Dare, Evolve ที่ล้วนแต่เป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์มาเรียงใหม่จนเกิดเป็นรหัสที่สื่อความหมายได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่ 11.59 คือเลขนาทีสุดท้ายก่อนจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ซึ่งเปรียบได้ดั่งแบรนด์ที่เป็นผู้นำเกมอยู่หนึ่งก้าวเสมอ สิ่งที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ จะทำให้คุณประหลาดใจ

“ที่โอเดอมาร์ ปิเกต์ เราแข่งขันกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์ โดยหยิบจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ ตลอดจนความเคารพอย่างสูงส่งต่อประเพณีดั้งเดิม ความภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิด และความมุ่งหวังในการรังสรรค์นวัตกรรมที่เปี่ยมไปด้วยความแม่นยำและความคิดสร้างสรรค์ มาเป็นแรงขับเคลื่อน”

จัสมิน โอเดอมาร์ ประธานกรรมการบริษัท

Challenge : ท้าทายต่อขีดจำกัดทางด้านหัตถศิลป์

บนเส้นทางประวัติศาสตร์กว่า 144 ปี โอเดอมาร์ ปิเกต์ได้ฝึกฝนช่างฝีมือผู้มากพรสวรรค์เพื่อส่งต่อทักษะงานฝีมือชั้นสูงและเทคนิคในการประดิษฐ์นาฬิกาตามประเพณีที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในขณะเดียวกันก็ผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เชิงสุนทรียศาสตร์ให้ขยายขอบเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

 

Own: มรดกตกทอด

กล่าวได้ว่าโอเดอมาร์ ปิเกต์เป็นบริษัทประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศที่เก่าแก่ที่สุดเพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในความครอบครองของตระกูลผู้ก่อตั้ง นอกจากจะอุทิศตนเพื่อรักษามรดกตกทอดและแรงขับเคลื่อนที่ส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน รวมถึงเทคนิคหัตถศิลป์เก่าแก่และนวัตกรรมที่ล้ำยุคไม่เหมือนใครแล้ว แบรนด์ยังเดินหน้าผลิตเรือนเวลาที่ผสานศาสตร์และศิลป์แห่งความเชี่ยวชาญไว้ในทุกรายละเอียด นอกจากนี้ยังคำนึงถึงแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ที่ถ่ายทอดนิยามใหม่ๆในรูปแบบงานศิลป์อีกด้วย อาทิ ภาพถ่ายอินฟราเรด ของหุบเขาวัลเลย์ เดอ ฌูซ์ สถานที่กำเนิดของโอเดอมาร์ ปิเกต์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1875

Dare: กล้าที่จะเดินตามความปรารถนาอันแรงกล้า

แม้ว่าจะมีความกดดันจากสงคราม เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในอุตสาหกรรมหลังจากวิกฤติการณ์ควอตซ์ แต่จูลส์ หลยุส์ โอเดอมาร์ และ เอ็ดวาร์ด ออกัสต์ ปิเกต์ ก็ไม่เคยสูญเสียความมุ่งมั่นในการผลิตนาฬิกา ทั้งยังเดินหน้าสร้างความประหลาดใจเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นหัตถศิลป์ของเรือนเวลาระบบกลไกที่สลับซับซ้อน ไปจนถึงเป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆที่ยังไม่มีใครกล้าท้าทายข้อจำกัด

 

Evolve: ไม่เคยหยุดนิ่ง

โอเดอมาร์ ปิเกต์ไม่เคยหยุดที่จะสร้างความท้าทายให้กับตัวเอง ขณะเดียวกันก็อนุรักษ์เทคนิคการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นเลิศตามแบบฉบับดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เพื่อพิสูจน์ถึงความปรารถนาอันแรงกล้านี้ แบรนด์จึงรังสรรค์หลากนวัตกรรมเวลาที่ไม่มีใครทำมาก่อน ทั้งยังขยายขอบเขตทักษะอันเชี่ยวชาญก่อนถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ช่างทำนาฬิการุ่นใหม่ต่อไป

สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของ CODE 11.59

1. สร้างการจดจำด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ หน้าปัดทรงกลม, ซิกเนเจอร์แปดเหลี่ยม และดีไซน์ที่ยากจะคาดเดา

CODE 11.59 คอลเลคชั่นเรือนเวลาล่าสุด ที่ผสานความหลากหลายด้านการออกแบบลงบนตัวเรือน กับดีไซน์หน้าปัดทรงกลมขนาด 41 มิลลิเมตร ที่เมื่อพลิกไปด้านข้างจะพบกับซิกเนเจอร์แปดเหลี่ยมคุ้นตาซุกซ่อนอยู่บริเวณกึ่งกลาง ขาตัวเรือนด้านบนเป็นดีไซน์แบบฉลุที่ออกแบบให้รับกับขอบตัวเรือนบางพิเศษ ขณะที่ขาตัวเรือนด้านล่างปรับแต่งให้อยู่ในองศาที่รับกับข้อมือของผู้สวมใส่ ยิ่งไปกว่านั้นชิ้นส่วนต่างๆยังถูกตกแต่งด้วยหัตถศิลป์ขั้นสูง อาทิ การขัดแต่งซาติน ขัดเงา หรือแม้แต่การขัดแต่งพื้นผิวขอบตัวเรือนให้มีความโค้งเว้า ซึ่งปกติพบได้ทั่วไปในงานตกแต่งชิ้นส่วนกลไก นับเป็นการปฏิวัติการออกแบบเรือนเวลาครั้งสำคัญของโอเดอมาร์ ปิเกต์ อีกครั้งเลยก็ว่าได้

2. ออกแบบเพื่อวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการมองเห็น มอบความคมชัดแบบทวีคูณผ่านดีไซน์กระจกคริสตัลทรงโค้ง 2 ชั้น

โอเดอมาร์ ปิเกต์ได้คิดค้นกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโค้ง 2 ชั้นสำหรับ CODE 11.59 ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อปรับวิสัยทัศน์การมองเห็นให้มีความคมชัดยิ่งขึ้นในทุกสภาวะและมุมมอง โดยพื้นผิวกระจกชั้นในมีลักษณะคล้ายโดม ขณะที่พื้นผิวด้านนอกมีองศาความโค้งเป็นแนวดิ่งจากตำแหน่ง 6 นาฬิกา ไป 12 นาฬิกา

3. มีมิติ และ เปี่ยมด้วยความประณีตบรรจง โลโก้ 3 มิติ รังสรรค์ด้วยกระบวนการทางเคมี ก่อนนำมาร้อยเรียงบนพื้นหน้าปัดด้วยมือ

โลโก้ 3 มิติ ของโอเดอมาร์ ปิเกต์ ถือเป็นงานศิลป์อีกชิ้นที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของเหล่าวิศวกรในการคิดค้น ทดสอบ ก่อนผลักดันให้ก้าวผ่านข้อจำกัดต่างๆได้เป็นผลสำเร็จ เกิดจากการนำทองคำแผ่นบางหลายๆชั้นมาผ่านกระบวนการทางเคมี ลักษณะคล้ายการทำ 3-D Printing หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Galvanic Growth โดยตัวอักษรแต่ละตัวจะถูกเชื่อมไว้ด้วยเส้นที่มีความบางเทียบเท่ากับเส้นผม ก่อนประดับลงบนพื้นหน้าปัดด้วยมืออย่างประณีตบรรจง

4. ความหลากหลายของกลไก CODE 11.59 ประกอบไปด้วยกลไกทั้งหมด 6 ประเภท โดย 3 ใน 6 เป็นกลไกที่ผลิตขึ้นใหม่ทั้งหมด ได้แก่

· กลไกไขลานอัตโนมัติ จับเวลาแบบ Column Wheel พร้อมฟังก์ชั่น
ฟลายแบ็ก ที่ให้คุณเริ่มจับเวลาครั้งใหม่โดยไม่ต้องหยุดและรีเซ็ทเข็มเวลาก่อน (คาลิเบอร์ 4302)

· กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมเข็มวินาทีและช่องแสดงวันที่
(คาลิเบอร์ 4401)

· กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง (คาลิเบอร์ 2950)

ไปจนถึงการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ด้วยมือที่ถือเป็นงานฝีมือชั้นสูงของแบรนด์ก็ได้รับการถ่ายทอดผ่านเทคนิคที่หลากหลาย อาทิ “Traits tirés”, “Côtes de Genève”, Circular Graining, Circular Satin, Diamond-Polished Angles และ Gold-Toned Engravings.

 

ความแม่นยำ และ ความคิดสร้างสรรค์ ดีไซน์ และ ความเชี่ยวชาญ ความบริสุทธิ์

“นับเป็นครั้งแรกของโอเดอมาร์ ปิเกต์ที่ออกแบบคอลเลคชั่นเรือนเวลาให้สามารถสวมใส่ได้ทั้งชายและหญิง ทั้งยังมีให้เลือกมากถึง 13 โมเดล และมาพร้อมกลไกที่สลับซับซ้อน 4 แบบในคราวเดียว กล่าวได้ว่า การเปิดตัว CODE 11.59 ในครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญที่โอเดอมาร์ ปิเกต์จะต้องจารึกไว้”

เซบาสเตียน วิวาส ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งโอเดอมาร์ ปิเกต์

 

คอลเลคชั่น Code 11.59 by Audemars Piguet รังสรรค์บนตัวเรือนยูนิเซ็กซ์ขนาด 41 มิลลิเมตร มีทั้งหมด 13 เวอร์ชั่น ดังนี้

Selfwinding

· มีให้เลือก 4 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (15210BC.OO.A321CR.01) หรือ สีดำ (15210BC.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีเดียวกัน ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว (15210OR.OO.A099CR.01) หรือ สีดำ (15210OR.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำตาล หรือ สีดำ ตามลำดับ

· ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติรุ่นใหม่ล่าสุด คาลิเบอร์ 4302 มาพร้อมโรเตอร์ทองคำ 22 กะรัต ขนาด 32 มิลลิเมตร ที่พัฒนาให้มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น สำรองพลังงานได้นาน 70 ชั่วโมง แสดงเวลาแบบสามเข็ม พร้อมช่องแสดงวันที่ระหว่างตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา

 

Selfwinding Chronograph

· มีให้เลือก 4 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (26393BC.OO.A321CR.01) หรือ สีดำ (26393BC.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีเดียวกัน ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (26393OR.OO.A321CR.01) หรือ สีดำ (26393OR.OO.A002CR.01) พร้อมสายหนังจระเข้สีเดียวกัน

· ประดับอินเด็กซ์บอกเวลาแบบขัดเงา พร้อมตัวเลขเพียงหนึ่งเดียวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา

· วงหน้าปัดย่อยทำหน้าที่จับเวลาร่วมกับเข็มวินาทีหลักที่ตำแหน่ง 6 9 และ 12 นาฬิกา ล้อมรอบด้วยเส้นทองที่ถูกขัดแต่งแบบ V angles อีกเทคนิคที่ทำได้ยากบนพื้นหน้าปัดแล็กเกอร์

· ทำงานด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ ฟลายแบ็กโครโนกราฟชุดใหม่ คาลิเบอร์ 4401 กับคุณสมบัติจับเวลาแบบ Column Wheel พร้อมฟังก์ชั่นฟลาย แบ็ก ที่ให้คุณเริ่มจับเวลาครั้งใหม่โดยไม่ต้องหยุดและรีเซ็ทเข็มเวลาก่อน ร่วมด้วยระบบเปลี่ยนวันที่แบบ Instant-Jump สำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง

 

Perpetual Calendar

· ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดอาเวนเจอรีนสีน้ำเงิน (26394OR.OO.D321CR.01) เคียงคู่หน้าปัดย่อยที่ชวนให้ระลึกถึงหมู่ดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน โดยอาเวนเจอรีน ถูกค้นพบโดยบังเอิญในช่วงศตวรรษที่ 17 ระหว่างกระบวนการผลิตแก้วที่โรงงานบนเกาะ มูราโน่ ประเทศอิตาลี ซึ่งปัจจุบันสีน้ำเงินของอาเวนเจอรีน เกิดจากการเติม Black Copper Oxide และ Cobalt ลงไปในแก้วนั่นเอง

· ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 5134 พร้อมระบบปฏิทินถาวร แสดงวัน วันที่ เดือน ปีอธิกสุรทินได้อย่างเที่ยงตรง และหากสวมใส่เป็นประจำ จะไม่ต้องปรับจนกว่าจะถึงปี ค.ศ. 2100

 

Selfwinding Flying Tourbillon

· มีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น; ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดลงยาสีน้ำเงินแบบกรองด์เฟอ (26396BC.OO.D321CR.01) ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดลงยาสีดำแบบกรองด์เฟอ (26396OR.OO.D002CR.01)

· นับเป็นครั้งแรกของโอเดอมาร์ ปิเกต์ ที่กลไกไขลานอัตโนมัติ พร้อมฟลายอิ้ง ตูร์บิญอง ขึ้นลานด้วย Central Rotor ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติชุดใหม่ คาลิเบอร์ 2950 ที่ได้รับการขัดแต่งชิ้นส่วนกลไกด้านหลังด้วยลาย “Côtes de Genève” อย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงเทคนิคแบบดั้งเดิมอื่นๆ ด้วยมือ ขณะที่ชิ้นส่วนกลไกฝั่งเดียวกับพื้นหน้าปัด ขัดแต่งแบบ “Circular Graining” และ “Circular Satin”

 

Tourbillon Openworked

· ตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จับคู่หน้าปัดสเกเลตัน (26600OR.OO.D002CR.01) พร้อมขอบตัวเรือนด้านในเคลือบแล็กเกอร์สีดำ

· ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือแบบสเกเลตัน พร้อมฟังก์ชั่นตูร์บิญอง คาลิเบอร์ 2948 ผลลัพธ์แห่งศาสตร์และศิลป์ชั้นสูงที่เปี่ยมด้วยความสลับซับซ้อน เมนเพลทและบริดจ์มาในโทนสีเข้ม ที่ออกแบบขึ้นพิเศษสำหรับ CODE 11.59 โดยเฉพาะ

 

Minute Repeater Supersonnerie

· พัฒนาไปอีกขั้นหลังจากเปิดตัวไปเมื่อปี 2016 กับ มินิทรีพีทเตอร์ ซุปเปอร์ซอนเนอรี ล่าสุด ที่มาพร้อมโครงสร้างตัวเรือนที่จดสิทธิบัตรพิเศษเฉพาะโอเดอมาร์ ปิเกต์ กับเคสครอบฝาหลังที่มีช่องเจาะไว้โดยรอบ ช่วยเพิ่มดีกรีความก้องกังวานเมื่อยามส่งเสียงบอกเวลาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเรือนเวลาแห่งความร่วมสมัยที่หยิบเอาเสียงบอกเวลาของนาฬิกาพกยุคก่อนมาผสานความสลับซับซ้อนชั้นสูงได้อย่างไร้ที่ติ

· ตัวเรือนไวท์โกลด์ จับคู่พื้นหน้าปัดแล็กเกอร์สีน้ำเงิน (26395BC.OO.D321CR.01)

· ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ 2953

พบกับเรือนเวลาจาก โอเดอมาร์ ปิเกต์ (Audemars Piguet) ที่ โอเดอมาร์ ปิเกต์ บูติค แห่งเดียวในประเทศไทย ณ ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี โทร. 02-160-5838

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line