Life

ผู้แปลงเรื่องราวของเราสู่ทาร์ตของเขา “ซิก-BEFOR.TART” ตัวตนเข้มขม ความเป็นมากลมกล่อม

By: anonymK December 8, 2018

ก่อนอื่นคงต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่าบทสัมภาษณ์ของ Befor.tart เป็นการคุยที่ “ออกรส” ส่งท้ายปี 2018 ของ UNLOCKMEN มากที่สุด เพราะเรามีโอกาสลิ้มรสแพสชั่นของชายที่อยู่ตรงหน้ากับปาก เคี้ยว crack ได้เต็มคำทุกอณูแรงบันดาลใจของเขา เช่นเดียวกับบทสนทนาถูกคอที่ละลายเวลาอย่างรวดเร็วเหมือนผ่านไปเพียงไม่นาน พร้อมเสียงหัวเราะ เพราะทั้งหมดนี้คือคำพูดที่ไม่เคลือบน้ำตาลแต่ดิบและจริงใจจากเขา ซิก-สุรัตน์ ซิการี่ เจ้าของร้านทาร์ตมากคอนเซ็ปต์ที่ทำขึ้นเพื่อคุณเท่านั้น “Befor.tart”

 

เรื่องหนึ่งที่เราเห็นชัดจากซิก คือเซนส์ความเข้าใจตัวเองที่ชัดเจนจนน่านับถือ แม้หลายคนยอมรับความก้าวหน้าเส้นทางการเติบโตที่ตัวเองต้องเจอ แต่เขากลับแบกรับความกล้าเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้ารู้ว่าไม่ชอบและวันหนึ่งจะไม่ใช่ เขาจะไม่เสียใจที่ต้องเริ่มใหม่ นั่นจึงเป็นเส้นทางสายใหม่ของอดีตนักภูมิศาสตร์ทำงานเขียนแผนที่ แต่สำรวจพบในการทำงานปีที่ 3 ว่าตัวเองชอบกินขนมและอยากทำอะไรที่สนุกมากกว่าเดิมทุก ๆ วัน

“ตอนที่เราทำงาน เราสนุกมากครับ แต่พอทำไปทำมามันไม่สนุกแล้ว ตำแหน่งการทำงานแล้วมันไม่ใช่แบบเดิมแบบที่คิดไว้ มันก้าวหน้าเติบโตมากขึ้นแต่ไม่สนุก เราก็อยากทำอะไรที่สนุกกับมันมากกว่า ประจวบกับตอนนั้นชอบกินขนมมากก็เลยมาทำขนม เราวางแผนว่าต้องทำอะไรบ้าง การเรียนมันต้องใช้เวลาและการเก็บเงิน พอเราทำทุกอย่างได้ตามแผนแล้วก็ออกมาเริ่มเรียนขนมจริงจัง”

 

Before BeFor. : 3 ปี 3 สถานที่งานทำขนมสู่ความกลมกล่อมที่ลงตัว

ความชอบจะพาเราไปถึงไหน คำตอบของแต่ละคนน่าจะไม่เหมือนกัน สำหรับซิก ความชอบพาเขาออกจากงานที่เคยหลงใหลไปสู่การข้ามน้ำข้ามทะเลไปต่างแดน เรียนทำขนมจริงจัง และเมื่อเขามีโอกาสเอาดีด้านทำขนม พอเข้าสู่ร้านที่ 3 เขาก็ตัดสินใจว่าจะออกมาเปิดร้านตัวเอง

นอกจากคำถามที่คุณไปหาอ่านที่อื่นก็จะรู้ว่าเพราะเขาชอบการกินขนมก็เลยอยากทำไว้กินเองบ้าง อีกปัจจัยที่เขาแอบบอกเราคือ “กลิ่นหอม ๆ” ทำให้การทำ “ขนม” สนุกกว่าทำเครื่องดื่มและอาหาร ขนมทำในห้องแอร์และขนมใช้เซนส์การทำที่ชั่งตวงวัดได้ ต่อมาเมื่อเขาจบหลักสูตรกลับมาทำงานด้านการทำขนม เขาก็เจอเหตุผลที่ทำให้ตอบตัวเองได้อีกครั้งว่าถึงงานจะสนุกแต่ได้เวลาเดินตามความฝันใหม่แล้ว

“สุดท้ายผมไม่ได้อยากเป็นเชฟในร้านอาหาร เราคิดว่าถ้าสุดทางแล้วเราไม่ได้อยากเป็นอันนี้ แต่เราอยากใช้องค์ความรู้ของอันนี้มาประกอบอาชีพมากกว่า ก็เอาสิ่งนี้มาทำให้เป็นทางของเราดีกว่า หนนี้เราไม่ได้เบื่องานที่ทำอยู่ ยังมีความสุขแค่รู้สึกว่าถ้าไม่ได้เริ่มทำแล้วมันไม่รู้ว่าจะได้ทำหรือเปล่า ไม่เริ่มมันก็จะไม่เห็นว่าทำอะไรได้บ้าง

และเราก็ไม่คิดว่าจะทำมันไปคู่กันเพราะเวลาการทำงานของคนในครัวไม่ใช่ 8 โมงเลิก 5 โมงแต่อาจเป็น 11 โมงเลิกตีหนึ่ง ถ้าทำ 2 กะควบผมว่ามันจัดการเวลายากมาก อาจจะทำได้แต่นานเข้ามันอาจจะรู้สึกเหนื่อยจนทำให้กลายเป็นว่างานที่เขาจ่ายเรารายชั่วโมงทำงานได้ไม่เต็มนี้ มันไม่แฟร์กับเขา เพราะเขาจ่ายเงินสำหรับ 100% การทำงานของเรา ไม่ใช่ 70 หรือ 90 ฉะนั้นผมเลยเลือกหยุดเลยดีกว่า ทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้มันเต็มที่”

Credit Photo: sachynmital.com

นอกจากนี้การตั้งชื่อร้านทาร์ตออนไลน์ว่า Befor.tart มันยังมีความหมายที่แสดงแพสชั่นส่งต่อถึงกันทั้งคนทำและคนกินไม่เบา เพราะทาร์ตกล่องนั้นมีไว้เพื่อคุณและทาร์ตแต่ละชิ้นที่คุณหยิบเข้าปากคือทาร์ตที่มาจากความประณีตทั้งการตีความจากเรื่องราวของคุณและการลงมือทำของเขาเพียงผู้เดียว

Befor.tart เปิดตัวด้วยการทำคอลเลกชั่นทาร์ตชุดแรกจากหนังภาพยนตร์พลอตอินดี้ที่ใครหลายคนคุ้นเคยและชื่นชอบคือ The Before Trilogy ที่ประกอบด้วย Before Sunrise, Before Sunset และ Before Midnight ชื่อเข้ากันกับร้านพอดิบพอดี

 

ความสำเร็จสูตรเฉพาะตัวกับความคิดนำหนังที่ชอบมากิน

ไอเดียการนำหนังมาเล่าสู่กันกิน มีที่มาจากอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ความชอบของเขาอย่างความรักการดูหนัง ที่เขาเลือกกำกับมันในบทบาทที่ทำได้ โดยเลือกใช้ทาร์ตเป็นประเภทขนมเพียงอย่างเดียวของร้านเพราะรสชาติไม่ได้หวานบาดลิ้นสไตล์ผู้ชายไม่เน้นขนม เลือกทำทาร์ตรูปทรงสี่เหลี่ยมเพราะต้องการให้มันทำหน้าที่แบบเฟรมผ้าใบฉายหนังที่สุดท้ายแต่ละเรื่องราวภายในเรื่องจะนำมาตีความใหม่เพื่อฉายลงในเฟรมนั้นตามลำดับขั้นตอนอย่างลื่นไหลไม่สะดุด

“ผมชอบดูหนังมาก ๆ ตอนเด็ก ๆ เสาร์อาทิตย์ไม่ได้ไปไหนคุณพ่อกับคุณแม่จะพาดูหนังตลอด มันก็กลายเป็นนิสัยของเรา วันไหนไม่ได้ออกไปดูหนังก็จะเช่าวิดีโอมาดู เราชอบมันไปโดยปริยาย พอเราได้มีโอกาสมาทำอะไรเป็นของตัวเองเราก็อยากจะทำอะไรที่มันเป็นหนังด้วย แต่ผมไม่ได้มีสกิลในการทำหนัง เพราะการดูหนังกับการทำหนังมันคนละโลกกัน เราสร้างจุดสนใจของทาร์ตเพราะเราไม่ได้รู้สึกว่าเราเก่งหรือมีกำลังการผลิตที่มากพอจะสู้กับเจ้าใหญ่ แต่ความต่างก็ต้องไม่ใช่แค่ความต่างทางธุรกิจอย่างเดียว มันต่างเพื่อเราด้วย”

ที่สำคัญยังใส่รายละเอียดความทรงจำที่สะสมไว้ในอดีตอย่างการรับ Handbill หนังมาเป็นกิมมิคของร้านเพิ่มจากกล่อมขนม แนบการ์ดเล่าเรื่องราวเพื่อสื่อว่าหนังจบความรู้สึกไม่จบ เช่นเดียวกับกินจบก็ยังมีบางอย่างให้เก็บไว้เตือนว่าเคยกิน ซึ่งเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ทำให้ทุกคำตรึงหัวใจคนกินได้นอกจากความอร่อยลงตัวของทาร์ตทั้ง 4 ชิ้นในกล่องซึ่งได้รับการคำนวณขนาดไว้เรียบร้อยว่าเป็นสัดส่วน “หนึ่งอิ่ม” ที่ทำให้เราอิ่มท้องไม่ว่าจะกินอาหารก่อนขนมหรือไม่ การกินครั้งนี้จะเติมเต็มได้พอดีอิ่มทั้งกายทั้งใจจากความสุขและความอินของหนังที่ชอบ

 

BITTER SUCCESS ความสำเร็จและชื่อเสียงหอมหวานที่มีรสชาติขม ๆ เจือปน

“การทำขนมขนมพอมันเป็น 2 ไปแล้ว มันจะกลับมาเป็น 1 ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นมันคือการทิ้งทำใหม่”

แม้ซิกจะเป็นคนหนึ่งที่เอ่ยปากว่าโชคดีกับเราหลายหนเพราะหากพูดถึงเส้นทางฝันที่ทำในวันนี้ เขาได้รับโอกาสการเรียนรู้ที่ดีหลายครั้ง แต่คงไม่มีฝันหวานเพียงอย่างเดียวในไบเบิลชีวิตลูกผู้ชาย รสชาติขม ๆ กับอุปสรรคเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และรับบททดสอบนั้นไว้ เพราะการทำขนมมันคือศาสตร์แห่งลูกผู้ชายอีกสิ่งที่สอนเราว่า

  • 1 มิลลิกรัมที่เปลี่ยนแปลงของสูตรอาจจะหมายถึงวัตถุดิบที่ต้องเททิ้งทำใหม่ จึงต้องตรวจสอบคุณภาพและความรอบคอบเสมอ
  • งานขนมในชีวิตจริงอาจมีช่วงเบื่อของการทำอะไรแบบเดิมซ้ำ ๆ แต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองได้มันจะทำให้เรามีความสุขขึ้น เช่นเดียวกับตัวเขาที่เคยลองแข่งกับตัวเองด้วยการจับเวลานำขนมใส่กล่อง ชั่วโมงหน้าเราจะทำได้ดีกว่านี้ไหม และนี่แหละคือความสนุก
  • การทำขนมให้เป็นธุรกิจแค่ความเก่งมันไม่พอ แต่สกิลการจัดการต้องทำได้ เพราะคุณต้องคำนวณทั้ง ต้นทุนแรงงาน ต้นทุนจริง การเก็บรักษา ฯลฯ กระทั่งสติ๊กเกอร์สักดวงก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรหลงลืมเพราะมันคือหนึ่งในเงื่อนไขที่จะทำให้ธุรกิจและความรักที่จะทำอยู่ได้อย่างยั่งยืน
  • งานยิ่ง niche ไม่เคยมีคนทำการสื่อสารยิ่งสำคัญ การพรีเซนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญเหมือนเทรลเลอร์หนัง ยิ่งคุณเข้าใจมันและดึงให้คนอื่นเข้าใจด้วยมันคือการยั่วน้ำลายขั้นเทพให้เขาอยากเปิดดูเปิดกิน ซึ่งจุดนี้ซิกลุยพัฒนาตัวเองขอเวลากับผู้รับเพียง 5 นาทีเล่าคอนเซ็ปต์หนังแต่ละชิ้นของเขาเพื่อส่งเทรลเลอร์การกินอิน ๆ ให้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น

ขนมสอนเราเป็นเรื่องดี แต่ขนมที่ไม่สอน ไม่ตอบสนอง…นั่นคือที่สุดแห่งความขมฝาดในรสชาติการทำงานของเขา

“เวลาเราทำ custom ขนมอันหนึ่งขึ้นมาแล้วเราตั้งใจแล้ว คิดออกมาหมดแล้ว ถามเขาว่ามีวัตถุดิบอะไรที่จะแพ้หรือว่ากินไม่ได้บ้างหรือเปล่า ถามงบของเขาด้วยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เหมาะสม แล้วพอเรารู้สึกว่าโอเคประมาณหนึ่งแล้ว อธิบายเรื่องราวทั้งหมดแล้วกลับได้คำตอบกลับมาว่า “ค่ะ” หลังจากที่เราพิมพ์ไปเยอะมากมาย

ผมรู้สึกสับสน ว่าเขารู้สึกยังไง ชอบใช่ไหม หรือว่าไม่ชอบ ยิ่งเป็นการพิมพ์เราไม่ได้ยินน้ำเสียง เราไม่รู้ว่ามันคือโทนไหน ผมก็ย้อนกลับไปอ่านว่าเราทำอะไรไม่โอเคหรือเปล่า เวลาที่มันไม่มี feedback เลยมันรู้สึกแย่กว่า feedback ที่ไม่ดี ถ้าเขาไม่รู้สึกอะไรกับมันเลย มันแย่ยิ่งกว่าการพูดว่า มันไม่อร่อยเลย เพราะอย่างน้อยมันยังเอามาปรับเองได้ แต่ว่า “ค่ะ” ห้องเงียบ…จบ เราก็ไม่รู้ว่ามันดีไหม อันนี้ก็คือเฟล”

ส่วนเรื่องความหอมหวานหรือกำลังใจที่เขามี เขาเผยว่าสิ่งที่จำได้แม่นคือการเดินกลับมาของคนที่เคยซื้อทาร์ตของเขาไปแล้ววิ่งกลับมาอีกครั้ง ในวันที่เขายังไม่เคยเป็นที่รู้จักอย่างวันนี้

“มีช่วงแรก ๆ ที่ทำ เวลามีคอลเลกชั่นใหม่เราจะไปออก event กัน มีครั้งหนึ่งมีคนเดินมาซื้อเสร็จเขาเดินกินไปแล้วเขาวิ่งกลับมา แล้วบอกว่าชอบมาก คำชมของเขามันช่วยรดน้ำมาก ๆ ยิ่งตอนนั้นเราเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครรู้จักเลย ขนมหน้าตาประหลาด คนหยิบแล้วคิดว่าสบู่ คือเขาไม่รู้จักมันเลย ไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่พ่อแม่ไม่ใช่พี่ เรามันยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่ ทีนี้เขาอ่านแล้วเขารู้สึกว่าชอบมาก ทุกครั้งที่เขาคุยกับผมเขาพูดว่า พี่สุดยอดมาก ชอบมากชอบมากตลอดเวลา”

 

BEFORE TART X UNLOCKMEN COLLECTION

ปิดท้ายกันอย่างออกรสชาติตามที่เราบอกไว้ตอนต้น เมื่อซิกคือนักคราฟต์ทาร์ตตัวยงที่ทำการบ้านตีความเรื่องราวและจับเอกลักษณ์ออกมาถอดรหัสสร้างรสชาติได้ เราจึงอยากรู้ว่าถ้า UNLOCKMEN กลายเป็นขนมสักชิ้นจะออกมาหน้าตาและรสชาติเป็นอย่างไร และนี่คือ 4 ชื้นที่เขาเล่าถึงเรา ทาร์ตที่มีเพื่อเราเท่านั้น!

“UNLOCKMEN” จากมุมมองของ Befor.tart เป็นเมนูที่นำธีมเรื่องการแบ่งช่วงอายุของผู้ชาย 4 วัย เริ่มตั้งแต่เด็กชายสู่คนที่ค่อย ๆ โตขึ้นสู่การเป็นลูกผู้ชาย เดินเรื่องด้วยรสชาติของเครื่องดื่มและสัมผัสแทนแต่ละช่วงวัยจากซ้ายไปขวาดังนี้

  • milk mousse with milk tablet ทาร์ตกรอบหน้ามูนสมสีขาวที่ด้านในอัดแน่นรสที่คุ้นเคยวัยเด็กอย่างนมอัดเม็ด
  • chocolate malt with crispy chocolate ชิ้นนี้เริ่มเข้มและมันส์ขึ้นกับเท็กซ์เจอร์ของช็อกโกแลตที่เข้ากับช็อกมอลต์ ทำให้เราคิดถึงซีเรียลมอลต์ในวัยรุ่น
  • dark chocolate ganache with kahlua หน้าตาฉูดฉาดรสชาติบาดใจ เพราะชิ้นนี้ฉาบคาลัวร์ เหล้ากาแฟไว้ภายในเนื้อเนียน ๆ เมื่อเรากลายเป็นชายหนุ่มที่เข้าช่วง play hard และรักการปาร์ตี้สังสรรค์
  • espresso cream with cacao nibs ปิดท้ายซีรีส์ได้สวยด้วยรสเอสเปรซโซ่กับคาเคา นิบส์ เมล็ดโกโก้บดเย็นที่ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารสุขภาพ ความขมกลิ่นกาแฟที่ทำให้เรานิ่งสงบและภูมิฐานขึ้นเป็นยอดชาย

ลูกเล่นแพรวพราวที่คุมดีไซน์โทนดาร์กไว้ ไม่ฉูดฉาดแต่แน่นรสชาติยังตกแต่งด้านบนทุกชิ้นด้วย chocolate-coffee agar เพื่อเพิ่มความเข้ม จัดเรียงให้มีช่องว่าง เป็นสัญลักษณ์ของการ unlock จากช่วง boy สู่การเป็น man

เราอิ่มกำลังดีทั้งอิ่มท้องและอิ่มเอมกับบทสนทนา จะไม่ขอบรรยายอะไรเพิ่มอีกนอกจากคำว่า “คุณสุดยอดมาก ขอบคุณแพสชั่นดี ๆ ที่นำมาทำให้กินใจและกินได้ในวันนี้”

ส่วนใครที่อยากสร้างเรื่องราวกินได้ส่วนตัว จะเพื่อคนพิเศษหรือตัวเอง ไม่ว่าจะสไตล์ custom หรือคอลเลกชั่น ก็มีข่าวดีว่านอกจากหน้าเพจเฟซบุ๊กสำหรับติดต่อซื้อและสั่งทำ ปีเขาจะมีหน้าร้านที่ชื่อว่า “here” ซึ่งเป็นร้านที่ทำร่วมกับเพื่อน มีเมนูบริการครบครันทั้งอาหารและกาแฟ บริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้าราชเทวีให้เราได้เข้าสัมผัสขนมที่สดเต็มคำด้วย

ที่สำคัญไม่แน่ในอนาคตถ้าเป็นไปได้ Befor.tart อาจมีโปรเจ็กต์สนุก ๆ ให้เราทุกคนได้กินไปดูหนังไปกับคอลเลกชั่นใหม่ ๆ ของเขา เพื่อพูดคุยเรื่องราวของหนังประสาคนคอเดียวกันด้วย เชื่อว่าหลายคนคงรอให้มันเป็นจริง ส่วนทีมงานพร้อมเสมอจะเกาะขอบจอรออัปเดตให้ทราบ

จนกว่าความหิวครั้งหน้าจะชักนำเรื่องเล่า To Be Continues...

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line